ทุกศาสตร์มีโนว์ฮาว หากูรูแล้วเรียนรู้ทางลัด
ลัดเลาะความคิดนักการตลาดชื่อดัง ที่หันมาเอาดีทางด้านธุรกิจจัดงานสัมมนา ผู้ชายคนนี้แทบทุกลมหายใจเข้าออกมองว่า โนว์ฮาวคือศาสตร์การจัดการที่ short cut key ได้ไม่ยาก โดยผ่านประสบการณ์ซี้ย่ำปึ๊กของเหล่าพลพรรคกูรูแขนงต่างๆ
"อังเดร กัซซี่ เป็นนักเทนนิสที่ไม่เคยติดอันดับ Top 50 มาก่อน แต่วันที่เขาเดินไปหากูรูนักคิดอย่าง แอนโทนี่ โรบิน ให้เป็นโค้ชให้ตลอดระยะเวลา 6 เดือน อังเดรสามารถขึ้นไปเป็นนักเทนนิสระดับโลก แสดงให้เห็นว่าบรรดากูรูพวกนี้มีเทคโนโลยี"
มกร พฤฒิโฆสิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Results Plus International จำกัด เปิดฉากเล่าให้ "ผู้จัดการรายสัปดาห์" ฟังถึงการถ่ายเทโนว์ฮาวที่สามารถปฏิบัติได้จริง และลดระยะเวลาที่ต้องสูญเสียไปกับอาการ "มะงุมะงาหรา"
หลายปีที่ผ่านมา มกรลงทุนเม็ดเงินหลายล้านบาท หมดไปกับการเข้าเรียนในชั้นสัมมนาของกูรูชื่อดังหลายคน ลงทุนด้วยเงินในกระเป๋าตัวเองก็มี บางครั้งบริษัทที่ทำงานอยู่ส่งไปอบรมก็มี หลายสิ่งหลายอย่างที่ติดไม้ติดมือมา สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องไม่ธรรมดา
"กูรูบางคนบอกเลยว่า ขณะที่คนส่วนใหญ่ชอบพูดคำว่า no โดยไม่เคยคิดต่อไปเลยว่า คำว่า no ต้องสะกดด้วยคำว่า know ไม่ใช่แค่ no แล้วไม่รู้เรื่องอย่างเดียว know ที่แท้คือการหาคำตอบให้ได้ว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ ปิดการขายไม่ได้ ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไม"
บางมุมของวิธีคิดผ่านคำบอกเล่าของกูรู ทำให้เขาตาสว่างและมองเห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่ แต่กินความหมายลึกและความแตกต่างยิ่งใหญ่
เหมือนกับตัวอย่างของหมอผ่าตัดโรคหัวใจ 2 คน คนแรกค่าตัว 2 แสนบาท คนที่สองค่าตัว 1 ล้านบาท คนที่แพงกว่ามีความรู้ความชำนาญสูงระดับ 90% สนนราคาที่แตกต่างกันมากถึง 5 เท่า ไม่ได้แปลว่าคนที่สองจะเก่งกว่าคนแรก 5 เท่า แต่เหตุผลเป็นเพราะว่า คนส่วนใหญ่ไม่อยากอยู่ในอีก 10% ที่เหลือของคนที่สอง จึงยอมจ่ายแพงกว่า ทำให้คนที่สองไม่เคยมีคิวว่าง แต่คนแรกมีเวลาให้จองตัว
"วันนี้คุณแค่ good ไม่เพียงพอ เพราะโลกมีการแข่งขันสูงมาก แค่ทำดีอาจจะได้แค่ poor reward, แต่ทำเป็นเยี่ยมก็ได้แค่ good reward ดังนั้นหนทางเดียวที่จะทำให้ตัวคุณส่องประกายออกมาได้ก็ต้องทำให้เยี่ยมที่สุด เลอเลิศที่สุด ด้วยการยกระดับมาตรฐานขึ้นมา เบอร์ 2 ของนักวิ่งมาราธอน ช้ากว่าเบอร์ 1 แค่เพียงเสี้ยววินาที แต่รางวัลที่ได้ห่างกันลิบ และไม่มีใครเคยพูดถึงเบอร์ 2 ไม่มีที่ว่างให้เบอร์ 2 ยืน โนว์ฮาวเหล่านี้คือสิ่งที่กูรูมี ถ้าเราสามารถดึงมาใช้ได้ ก็จะร่นระยะเวลาที่สูญเสียไป 1 ปี 2 ปี หรือ 6 เดือนให้สั้นลง และสามารถทำอะไรที่แตกต่างกว่าคนอื่นได้"
มกรกล่าวอีกว่า วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้พัฒนาตัวเองคือ ต้องหาโนว์ฮาวใส่ตัวตลอดเวลา อย่าง โรเบิร์ต เคียวซากิ คนแต่งหนังสือพ่อรวยสอนลูก เคยให้นิยามทรัพย์สินว่า ถ้าเป็นทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก็เป็นเพียงแค่ซื้อหนี้สิน ถ้ารู้ช้าไป 2 ปีจะเกิดอะไรขึ้น? หมายความว่าเราจะต้องสิ้นเปลืองมากมายโดยใช่เหตุ
วิธีคิดของกูรูหลายคน เป็นการสอนโนว์ฮาวการคิด การดู การตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลประกอบว่า เมื่อไหร่ควรเช่า เมื่อไหร่ควรซื้อ เมื่อไหร่ควรตัดสินใจลงทุน จะเทคโอเวอร์ดีหรือควบรวมกิจการดี หรือไอเดียแบบไหน? ที่ทำให้ money make idea แบบเห็นกันจะจะ มากกว่ากลยุทธ์การตลาดที่ไม่ได้สอนกันตรงๆ ว่าทำอย่างไรถึงจะได้เงิน
"ทุกศาสตร์มีโนว์ฮาว หน้าที่เราคือต้องไปหาคนรู้ และลงทุนกับความรู้นั้นโดยให้ดูว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม มากกว่าดูว่าถูกหรือแพง เพราะความรู้ไม่ได้ใช้ครั้งเดียวแล้วหมดอายุ แต่ใช้ได้เรื่อยๆ ตลอดชีวิต บริษัทฉลาดต้องเปิดใจ ส่งคนไปอบรม เพราะเป็นเรื่องของโอกาสใหม่ๆ"
มกรย้ำว่า วันนี้ความแตกต่างขององค์กรอยู่ที่คุณภาพของคนและวิธีคิด ผนวกกับวิสัยทัศน์ผู้บริหาร เมืองไทยอยากจะสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ต้องช่วยกันสนับสนุนให้เกิดเป็นรูปธรรม
ปัญญาแข็งแรง ประเทศไทยถึงจะแข็งแรง...
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ