เมื่อต้องอยู่กับคนโง่ หรือ เลว
มนุษย์เราชอบบ่นและกล่าวหาคนนั้นคนนี้ว่า เลวหรือโง่
และตัวเองก็ต้องอยู่กับเขาเหล่านั้นด้วย เพราะบางครั้งคนที่เราว่านั้นก็เป็นคนในครอบครัว หรือเป็นคนในที่ทำงานเดียวกับเรา
กลายเป็นเราต้องอยู่กับคนเลว คนโง่ไป
จึงมีความทุกข์ทุกวันเมื่อต้องพบหน้าคนเหล่านั้น เพราะเราคอยจ้องจับผิดเขา และนึกอนาถใจ โกรธตัวเองและโกรธเขาทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา และนึกทุกครั้งว่าเขาเป็นคนเลว คนโง่
ทำอย่างไรดีเล่า?
มีแนวคิดหลายทางที่จะทำให้ความทุกข์ของเราลดลง เช่น
1. อย่าตั้งตัวเป็นผู้พิพากษาตัดสินในว่าใครเลว ใครโง่เลย เพราะเราไม่มีสิทธิพิพากษาคนอื่นๆ เอาเพียงแค่บอกตัวเองว่า เขามีลักษณะบางอย่างที่ไม่ถูกใจ ไม่ทันในเราเท่านั้นเอง
ด้วยความอคติและการยกตัวเองมากไป ทำให้เราตั้งตัวเป็นผู้พิพากษาและเชื่อตามคำพิพากษาของเรา (ซึ่งนึกถึงทุกวัน) ทำให้เรามองเขาเลว-โง่ มากขึ้นทุกวันด้วย
2. จงฝึกจิตของตัวเองให้เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับซิครับ
เวลาพบใคร โดยเฉพาะบุคคลเหล่านั้น ให้คิดว่าเราจะให้อะไรเขาได้บ้าง อย่าคิดว่าเขาจะให้อะไรเราได้บ้าง?
จิตของผู้ให้จะเบากว่าจิตที่จะรับ
อะไรที่ให้ได้ก็ให้ไป ถ้าไม่อยากให้ก็ไม่ต้องให้
แต่อย่าคิดว่าเราจะได้รับอะไรจากเขานะ จิตจะยิ่งตกต่ำและหนักมากขึ้น ไม่มีความสุขเลย
3. ให้คิดว่า คนที่เราว่าโง่และเลวนั้น เขาเป็นคนนะ ไม่ใช่เทวดาหรือมนุษย์สมบูรณ์แบบซึ่งไม่มีหรอก
คนธรรมดาก็มีทั้งความโง่และความเลวปนอยู่ทั้งนั้น(รวมทั้งตัวเราเองด้วย)
อย่าไปคาดหวังเขาสูงนะ จะผิดหวัง
4. ถ้าเขาโง่จริง เลวจริง ก็ถือว่าเป็นผลกรรมเก่าของเขาตามมา เราช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก ปล่อยเขาไปเถิด อย่าไปโกรธเขาให้เสียอารมณ์เลย
5. เมื่อเราทำดีกับเขา แต่เขาทำไม่ดีกับเรา หรือได้รับผลไม่ดีจากการอยู่กับเขาจริงๆ ก็ให้คิดว่าเป็น "ตะถะตา" คือ เป็นเช่นนั้นเอง ซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ที่สอนให้เข้าใจและยอมรับตัวเองและคนอื่น รวมทั้งผลที่เกิดขึ้น ซึ่งมีทั้งพอใจ ไม่พอใจทั้งหลาย ว่าต้องเป็นอย่างนั้นเอง เป็นได้แค่นั้นเอง ซึ่งมีที่มาที่ไปจากผลของการกระทำผิดในอดีต และความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์ทุกคน
จิตเราก็ไม่ตก ใจเราก็ไม่โกรธ ไม่เศร้า
จงประคองตัว ชีวิตเราไม่ให้โง่และเลวมากขึ้น อย่ามัวไปสนใจและว่าคนอื่นว่าเขาเลว-โง่ จนลืมพัฒนาจิตใจของตนเองตลอดไป ตลอดชีวิตนะครับ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ