เสริมสร้าง "บุคลิกภาพ" เพื่อให้ได้งาน
มีหลักฐานเพิ่มขึ้นทุกทีว่า บุคลิกพิเศษถือเป็นสิ่งมีคุณประโยชน์อย่างหนึ่ง ในการเป็นผู้นำ ผู้นำทั้งในอดีตและ ปัจจุบันส่วนใหญ่มีความโดดเด่นในเรื่องบุคลิกเป็นพิเศษ ไม่ว่า จะเป็น จอห์น เอฟ.เคนเนดี้, มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์, สตีฟ จ็อบส์, แมรี่ เคย์ แอช, เท็ด เทอร์เนอร์, ริชาร์ด แบรนสัน, มาร์กาเรต แธตเชอร์ และบิล คลินตัน บุคลิกพิเศษที่ทำให้ผู้นำแตกต่างจากผู้อื่น ได้แก่ ความเชื่อมั่นในตัวเอง การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนไป จนถึงอนาคต ความสามารถในการบรรยายถึงวิสัย- ทัศน์ ความมั่นใจในวิสัยทัศน์ของตนเอง และความมุ่งมั่นที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เรามักจะคิดกันว่า บุคลิกพิเศษเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับตัวผู้นำ อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานยืนยันว่า ทุกคนสามารถฝึกฝนตัวเองให้มีบุคลิกพิเศษ และจะได้รับประโยชน์จากสิ่งที่ใครๆ ก็คิดว่า เราเป็น "ผู้นำที่มีบุคลิกพิเศษ" ต่อไปนี้เป็นบุคลิกพิเศษบางอย่างที่ทุกคนสามารถฝึกฝนได้ - ทำตัวให้กระฉับกระเฉง เชื่อมั่น และเปี่ยมพลัง ใช้น้ำเสียงที่น่าฟัง ประทับใจ สื่อให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเอง พูดกับผู้ที่เราต้องการ พูดโดยตรง สบตากับผู้ที่เราพูดด้วย ใช้ภาษากายที่บ่งบอกว่า คุณเชื่อมั่นในตนเอง พูดจาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน ไม่ ตะกุกตะกัก ไม่ควรใช้วลีหรือคำที่ไม่มีความจำเป็น บ่อยๆ เช่น เอ่อ...รู้ไหม - บรรยายถึงเป้าหมายที่ครอบคลุม สร้างวิสัยทัศน์ที่มองไกลไปในอนาคตขึ้น มากำหนดวิธีที่แตกต่างออกไปจากผู้อื่น ในการทำให้วิสัยทัศน์นั้นเป็น จริง สื่อสารถึงวิสัยทัศน์ของตนให้ผู้อื่นได้รับรู้ ขณะเดียวกันวิสัยทัศน์นั้นก็ควรที่จะต้องแปลกใหม่ มีเนื้อหาที่เหมาะสม อย่าลืมว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นจากการมีวิสัยทัศน์ แต่อยู่ที่การทำให้ผู้อื่นยอมรับ ในวิสัยทัศน์นั้น - สื่อสารให้ผู้อื่นรับรู้ว่า คุณมีความคาดหวังที่ สูงส่งในตัวบุคคลผู้นั้น และเชื่อมั่นว่าเขามีความสามารถที่จะทำตามความคาดหวังนั้นได้ กำหนด เป้าหมายที่ท้าทาย ให้กับปัจเจกบุคคล หรือกลุ่มคน และตอกย้ำว่า คุณเชื่อว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ มีการค้นพบว่า มนุษย์สามารถเรียนรู้บุคลิกพิเศษ ได้ โดยทำตาม 3 ขั้นตอนนี้ ขั้นตอนแรก คุณต้องสร้างรังสีของการมีบุคลิกพิเศษด้วยการมองโลกในแง่ดีเสมอ ใช้ความชื่นชมเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้อื่นเกิดความกระตือรือร้น และสื่อสารกับผู้อื่นโดยใช้ทั้งร่างกาย ไม่ใช่เพียงแค่ถ้อยคำ ขั้นตอนที่ 2 คุณต้องดึง ผู้อื่นเข้ามามีส่วนร่วม ด้วยการสร้างความผูกพันที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นทำตาม ขั้นตอนที่ 3 คุณต้องดึงศักยภาพของผู้ตามออกมา โดยการเข้าให้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของพวกเขา วิธีการเหล่านี้ดูเหมือนจะใช้ได้ผลดี เพราะที่ผ่านมา นักวิจัยหลายรายประสบความสำเร็จจากการเขียนบท ให้นักศึกษามหาวิทยาลัย "เล่นบท" ผู้มีบุคลิกพิเศษนี้มา แล้ว นักศึกษาจะถูกสอนให้บรรยายถึงเป้าหมายที่ครอบคลุมสื่อสารให้ผู้อื่นรับรู้ว่าตนมีความคาดหวัง ที่สูงส่งในตัวบุคคลผู้นั้น แสดงตนเองว่า มีความเชื่อมั่นในตัวผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาว่า จะทำตามความ คาดหวังได้ และให้ความสำคัญกับความต้องการ ของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา นักศึกษาทุกคนจะเรียนรู้วิธีทำตัวเองให้กระฉับกระเฉง เชื่อมั่น เปี่ยมไปด้วยพลัง และฝึกซ้อมการใช้น้ำเสียงที่น่าฟัง น่าประทับใจ พวกเขาได้รับการฝึกให้ใช้ภาษากายที่บ่งบอกความมีบุคลิกพิเศษ อาทิ พวกเขาจะก้าวเดินสลับกับการนั่งที่ขอบโต๊ะทำงานโน้มตัวไปหาผู้ใต้บังคับบัญชา สบตาด้วยตลอดเวลา มีท่าทีสบายๆ และแสดงออกทางสีหน้า นักวิจัยเหล่านี้พบว่า นักศึกษาสามารถเรียนรู้วิธีแสดงออกว่ามีบุคลิกภาพ ยิ่งไปกว่านั้น พบด้วยว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่ ผู้นำมีบุคลิกพิเศษยังมีประสิทธิภาพในการทำงาน สามารถปรับตัวให้เข้ากับงานสามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้นำ และเข้ากับกลุ่มได้ดีกว่าผู้ที่ทำงานกับกลุ่ม ที่ผู้นำไม่มีบุคลิกพิเศษ สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ก็คือ ถึงแม้ว่าคน บางคนจะมีบุคลิกพิเศษของการเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ แต่คุณก็สามารถฝึกฝนเพื่อแสดงบุคลิกพิเศษของการเป็นผู้นำได้ เช่นกัน ยิ่งคุณประสบความสำเร็จจากการกระทำเช่นนี้มากขึ้นเท่าใด ผู้อื่นก็จะมอง ว่าคุณมีบุคลิกภาพพิเศษของการเป็นผู้นำมากขึ้นเท่า นั้น แหล่งข้อมูล : ฐานเศรษฐกิจ