ปรับชีวิต จากโรงเรียน และมหาวิทยาลัย สู่ชีวิตการทำงาน
เรื่องนี้เก็บตกมาจากJobAA.com นะคับ
เป็น Tips สำหรับสำหรับการสมัครงานเสียทีเดียว แต่คงเป็นเรื่องของการปรับตนเอง เข้าสู่ระบบการทำงาน ของนักศึกษาที่จบแล้วและได้งานทำใหม่ ๆ
การสมัครงานให้ได้งานทำก็ยากอยู่แล้ว และเมื่อได้งานทำ แต่คุณไม่สามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งงานนั้นได้ ต้องเริ่มหางานกันใหม่อีก คงไม่ดีแน่ เพราะการหางานใน ทศวรรษนี้ยาก เต็มที่ แถมบางบริษัทฯ ยังมีนโยบายลดพนักงานอีกเพียบ เกือบทุกประเทศ ผมเลยนำแนวทางนี้มาให้เพื่อนสมาชิก และทีมงานอ่านดู วิธีการปรับตัวคงไม่ยากมากนัก ลองมาอ่านกันดูนะครับ ว่า ต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะปรับตัวเข้ากับทีมงานและ วัฒนะธรรมองค์กรได้ และเพื่อให้เราพ้นการทดลองงาน เพราะเราโชคดีที่มีโอกาสทำงานแล้ว มาอ่านดูกันเลยดีกว่า
1.การแต่งกาย กล่าวคือ เมื่อเราเข้าไปทำงาน บริษัทฯ หรือองค์กร ส่วนใหญ่มักจะมีแบบฟอร์ม พนักงาน หรือรูปแบบในการแต่งกายมาทำงาน เราคงต้องอยู่สายกลาง คือ แต่งตัวเรียบร้อยแบบสากล และสีสุภาพ แต่ถามผมว่าอย่างไร คงต้องใช้การสังเกตเข้าช่วยนะครับ และถ้าเป็นไปได้อย่าแต่งชุดนักศึกษาไปทำงาน เพราะคุณไม่ใช่นักศึกษาฝึกงานอีกต่อไปแล้ว
2.การมีสัมมาคารวะ รู้จักกาละเทศะ และใช้คำพูดที่เหมาะสม กล่าวคือ ต้องรู้ว่า ใครอาวุโส ใครเป็นหัวหน้างาน ใครคือเพื่อนร่วมงาน และรู้จักใช้คำพูดคำถาม หรือคำลงท้ายให้เหมาะสมกับ บุคคลที่เราพูดคุยด้วย รวมทั้งการทักทาย และพูดคุยในสถานที่ทำงาน การใช้โทรศัพท์ด้วย
3. ความรักในงานและสนใจที่จะเรียนรู้ กล่าวคือ การทำงานต้องมีใจรัก และการเรียนรู้ รวมทั้งต้องมีความอดทน และพร้อมที่จะรับคำตำหนิ การมีใจรัก คงเหมือนความรักทุกอย่าง ที่เรารัก ส่วนการเรียนรู้มีหลายวิธี แล้วแต่ว่าเราจะเลือกวิธีใด ง่าย ๆ คือ สอบถาม แต่ก็ไม่ควรถามทุกเรื่อง ควรใช้การสังเกต การลงมือทำ และต้องมีความระมัดระวังในงานนั้น ๆ ให้ผิดพลาดน้อยที่สุด และต้องมีความอดทน เพราะเมื่อเกิดข้อผิดพลาด เราอาจถูกตำหนิ หรือได้คำแนะนำใด ๆ ก็ตามต้องรู้จัดอดทนฟังเสียก่อนว่า คำพูดนั้น สอนอะไรเราพราะการทำงานต้องมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าผู้นั้นจะทำงานมานานแค่ไหนก็ตาม
4. การมีน้ำใจไมตรี กล่าวคือ แม้เราจะเป็นเด็กใหม่ แต่เราก็สามารถแสดงน้ำใจได้ เช่น การช่วยเหลืองานเล็กๆ น้อย ๆ , มีงานอะไรเราก็ทำได้ โดยไม่เลือกว่างานนั้นจะเลอะเทอะ หรือดูเป็นงานที่ไม่มีเกียรติ ที่มักจะถูกมองข้าม หรือไม่มีใครชอบทำ แม้แต่กระทั้งงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับแม่บ้าน หรือพ่อบ้าน หรือพนักงานรักษาความปลอดภัย อย่าดูแคลนคนพวกนี้เด็ดขาด เพราะผู้บริหารมีกาแฟ น้ำเย็น หรืออาหารว่าง ก็กลุ่มคนพวกนี้คอยให้บริการอยู่ ส่วนพนักงานรักษาความปลอดภัย คือคนที่คอยดูแล รถยนต์ หรือทรัพย์สินของบริษัทฯ เขายอมมีความสำคัญพอ ๆ กับหน้าที่การงานของเราเช่นกัน
5. การรู้จักปฏิบัติตามกฎระเบียบของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด กล่าวคือ ต้องศึกษาระเบียบบริษัทฯ ให้รู้ ให้เข้าใจอย่างดี และต้องติดตามประกาศ หรือข่าวสารของบริษัทฯ อยู่เสมอ รวมทั้งการใช้ และรักษาทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี
6. การรักษาความลับของบริษัทฯ ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม กล่าวคือ เราเป็นพนักงาน มีหน้าที่รับผิดชอบ เราต้องรู้ว่า ข้อมูลใด สามารถพูดได้ และข้อมูลใดพูดไม่ได้ ซึ่งไม่ควรพูดต่อบุคคลภายนอกบริษัทฯ
7. หากรู้เห็นสิ่งผิดปรกติ หรือทราบข้อมูลใด ๆ ที่มีผลเสียต่อบริษัทฯ ก็ควรนำมาปรึกษาหัวหน้างาน หรือแจ้งข่าวต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางป้องกันปัญหาที่จะตามมาด้วย
8. การสนับสนุนสินค้าของบริษัทฯ กล่าวคือ บริษัทฯ ที่เราทำงานด้วย ขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ใด ที่เราต้องซื้อใช้เป็นประจำ หรือสามารถอุดหนุนได้ เราก็ซื้อใช้ให้การสนับสนุนด้วย หรือแนะนำเพื่อน ๆ ให้ใช้สินค้าของบริษัทฯ ด้วย เพราะถ้าบริษัทฯ มีกำไร เราก็มีโอกาสได้เงินเดือนขึ้นเช่นกัน
9. ควรปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ขององค์กร ตามระยะเวลา และให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมั้งให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัทฯ เป็นอย่างดี
10. ไม่เป็นผู้ปล่อยข่าวลือสร้างความเสียหายต่อบริษัทฯ หรือสร้างความเสียหายใด ๆ ต่อบริษัทฯ รวมทั้งมีทัศนคติในแง่ลบกับบริษัทฯ ครับ เพื่อนสมาชิก และทีมงาน คงเคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย
โดยคุณ เทพอักษร