เจ้าประจำขาโวย คือคุณหรือเปล่า?


634 ผู้ชม


เจ้าประจำขาโวย คือคุณหรือเปล่า?




Post Today - เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนก็ให้บังเอิญได้เจอะเจอแต่คนช่างติช่างโวยจนน่าเวียนหัว บางครั้งผู้เขียนอดคิดสงสัยไม่ได้ว่าอาการโวยวายตามประสาคนอารมณ์ขึ้นแบบนี้ เป็นนิสัยที่เกิดจากการเลี้ยงดู หรือจิตใต้สำนึกของเราเองกันแน่ พอได้เห็นแบบทดสอบน่าสนใจ จึงอดไม่ได้ที่จะหยิบเอามาให้ผู้อ่านได้ทดลองเช็กอารมณ์ตัวเองกันดูสิว่า คุณเป็นคนเจ้าอารมณ์ขาประจำกันบ้างหรือเปล่า??

1.หลังจากที่สั่งอาหารจานเด็ดที่คุณอุตส่าห์ตั้งใจมากิน แต่แล้วบ๋อยก็ดันจดรายการอาหารให้คุณผิด จนกระทั่งยกรายการอาหารอื่นที่คุณไม่ได้สั่งมาให้ คุณจะ...

ก.โวยวายกับผู้จัดการร้านให้เอาเรื่องกับบ๋อยคนนั้นให้ได้ เรื่องอะไรไม่ทวนรายการอาหาร
ข.นั่งรับประทานจานนั้นไปหมดจาน แล้วค่อยบ่นว่าไม่อร่อยเลย
ค.เรียกบ๋อยมาสั่งรายการอาหารใหม่ แต่เก็บจานเดิมไว้ แล้วบอกผู้จัดการขอลดค่าอาหารครึ่งราคา

2.เพื่อนโทร.มาบ่นเรื่องแฟนจอมเจ้าชู้เกือบจะทุกเวลาหลังอาหาร มาวันนี้โทร.มาตอนเที่ยงคืน แหม.. กำลังหลับสบาย คุณจะ...

ก.รับแล้วด่าทันที ไม่รู้จักเวล่ำเวลาบ้างเลย คนจะหลับจะนอน
ข.รับแล้วคุย แต่รีบตัดบทว่า เนี่ย กำลังหลับสบาย แค่นี้ก่อนนะ
ค.ไม่รับสาย แกล้งทำสายหลุด แล้วนอนต่อ

3.สอบมิดเทอมผ่านไป ปรากฏว่าคะแนนเพื่อนคุณได้คะแนนดีกว่า ทั้งๆ ที่เราก็ติวด้วยกัน

ก.กระแหนะกระแหนทันทีว่า ได้แนวข้อสอบมาแล้วไม่บอกหรือเปล่าเนี่ย
ข.ทำใจ ยอมรับว่า เพื่อนอาจหัวดีกว่าเรา คงจะทำคะแนนได้ดีในข้อที่เราทำไม่ได้
ค.รีบเข้าไปห้องพักครูขอดูข้อสอบ แล้วบอกให้ตรวจใหม่เถอะ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

4.ออกเดตกับแฟนครั้งนี้ เค้าโทร.มาบอกว่า งานยังไม่เสร็จ อาจมาช้าสักครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมงเลย คุณจะ...

ก.โวยวายว่าแล้วทำไมไม่โทร.มาบอกก่อน จะได้ไม่ต้องรีบออกมา!
ข.ไม่เป็นไร จะได้มีเวลาซื้อของกระจุกกระจิก ตามประสาผู้หญิงอย่างเรา
ค.อ้อนให้ที่รักของคุณมาเร็วๆ คุณรอเขานานมากแล้ว

5.คุณเข้าร้านเสริมสวยเพื่อแต่งหน้าไปงานเลี้ยงรุ่น ซึ่งเป็นร้านที่เพื่อนคุณโม้ให้ฟังว่าดีที่สุดในย่านตลาดสดแถวนี้ แต่ อุ...แม่เจ้า! เมื่อแต่งออกมาแล้ว หน้าคุณเหมือนงิ้วหลงโรง คุณจะ...

ก.บอกให้ช่างแต่งหน้าลบหน้าออกแล้วแต่งใหม่เดี๋ยวนี้
ข.นั่งหน้าหงิก บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่จะเสียเวลา แค่ไม่มาเข้าร้านนี้เป็นครั้งที่ 2 ก็เท่านั้น
ค.น้ำตาซึม แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว ไปงานเลี้ยงรุ่นมันทั้งยังงั้น คิดซะว่าไปงานแฟนซีก็แล้วกัน

6.กำลังต่อแถวรอเข้าห้องน้ำ อยู่ๆ ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้ที่คุณแม่เด็กจูงมือมาบอกว่า ขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ คุณจะ...

ก.ยังไงก็ต้องไปต่อคิวค่ะ เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ที่ต้องรู้จักมารยาทในการต่อคิวเหมือนกัน
ข.ให้เข้าๆ ไปเถอะ แค่เด็กคนเดียวเอง เราเองก็รออยู่คนเดียวเองด้วย แต่ถ้ารู้ว่าแม่เอาลูกมาอ้าง เพื่อตัวเองจะได้เข้าก่อนล่ะมีเรื่องแน่
ค.ยืนเฉยๆ นิ่งๆ ถ้าเขามีจิตสำนึกที่ดี เค้าคงเกรงใจแล้วไปต่อคิว

การให้คะแนน

ข้อ 1 ก.3 ข.2 ค.1 
ข้อ 2  ก.3  ข.2 ค.1
ข้อ 3  ก.2 ข.1  ค.3 
ข้อ 4  ก.3  ข.1  ค.2 
ข้อ 5  ก.3  ข.2  ค.1 
ข้อ 6  ก.3  ข.2  ค.1 

คะแนน 1-6 สาวน้อยโอนอ่อนผ่อนตาม

คุณไม่เคยมีปากมีเสียงกับใครเลย ใครว่าไงก็ว่าตามกัน อย่าทำตามคนอื่นมากเกินไปจนรู้สึกว่าตัวเองต้อยต่ำไร้ค่า ถ้าคุณมัวคิดว่าช่างมัน อย่างไรก็ได้ เพราะคุณไม่อยากจะมีปัญหากับใครเค้า คุณก็จะไม่มีโอกาสออกความคิดเห็นต่อหน้าคนอื่นเลย การทำแบบนี้อาจทำให้คุณถูกมองข้ามได้ หัดเคารพในสิทธิของเราบ้าง โดยเฉพาะเวลาที่ได้รับคำชม อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญซะมากกว่า หรือเวลามีปัญหากับใครๆ ก็อย่าโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว หัดชื่นชมหรือให้กำลังใจในผลงานเล็กๆ น้อยๆ ของเราเองบ้างจะช่วยทำให้คุณดูดีมากๆ เลยล่ะ

คะแนน 7-12 สาวไร้อารมณ์

บางครั้งการกระทำของบุคคลรอบข้างก็ทำให้คุณอดรำคาญไม่ได้ ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นความรู้สึกที่น่าจะเคยชินแล้วด้วยซ้ำ จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรืออะไรก็เถอะ จนบางครั้งรู้สึกท้อแท้ หดหู่เวลาคนอื่นทำอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ จนเกิดอาการเบื่อหน่าย ไม่รู้จะกระตือรือร้นไปทำไม เพราะผลมันก็เท่านั้น ความรู้สึกเย็นชากับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจนไม่อยากใส่ใจกับเรื่องของใครเค้า อาจทำให้คุณดูเป็นคนเย็นชาน่าเบื่อในสายตาคนอื่น โดยเฉพาะเวลาที่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็คิดว่ามันต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ไม่เห็นแปลก อย่ามองโลกในแง่ร้ายเกินไปนัก หัดไขว่คว้าหรือกระตือรือร้นในสิ่งที่ควรบ้าง

คะแนน 13-18 สาวใจร้อน ขี้หงุดหงิด

คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าไม่มีใครเขาอยากเข้าใกล้คุณแล้ว เพราะความเจ้าอารมณ์ของคุณทำให้คนอื่นเขาหัวหดกันไปหมดแล้ว และบางครั้งการที่เราเอาแต่โมโหใส่อารมณ์กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แถมยังหงุดหงิดขี้รำคาญกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ก็ทำให้คนอื่นรำคาญได้เหมือนกัน พยายามสร้างขีดความอดทนให้สูงขึ้นมาอีกนิด แล้วใช้เหตุผลให้มากขึ้นอีกหน่อย อย่าพยายามผลักดันหรือโยนความผิดให้คนอื่นทั้งหมด จนลืมนึกถึงเหตุและผลที่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะบ่อยครั้งที่เราไม่ยอมอยู่อย่างสงบ คิดแต่จะตอบโต้ ทั้งๆ ที่การนิ่งเฉยจะช่วยเราได้มากกว่า บางครั้งการทำใจให้สบายๆ ก็จะช่วยเราได้ดีเหมือนกันนะ

ว่ากันว่าจิตใจของมนุษย์เรานั้นคือส่วนที่ยากเกินหยั่ง และลึกเกินจะสามารถเข้าใจได้ เปรียบเสมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน ซึ่งประกอบไปด้วยด้านที่คิดดีและด้านที่คิดไม่ดี เมื่อไรที่คนเราประสบกับเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ หรือปัญหาที่น่ากวนใจ ความรู้สึกภายในจากด้านใดด้านหนึ่งก็ย่อมจะแสดงออกมา ซึ่งหากคุณเป็นคนหงุดหงิดง่าย และมองโลกในแง่ร้ายอยู่เสมอ ก็ย่อมแสดงด้านมืด หรือที่เราเรียกว่า Negative Thinking ออกมาโดยไม่รู้ตัว เช่น อาการโวยวาย ขว้างปาข้าวของ หรือในบางเรื่องแค่คิดก็ผิดแล้ว แต่หากคุณเป็นผู้ที่มีความฉลาดทางอารมณ์ รู้จักสงบจิตสงบใจ ไม่อคติ และสามารถฝึกตัวเองให้คิด หรือมองโลกในแง่ดี กิริยาท่าทางที่จะแสดงออกมาก็ย่อมสื่อถึงด้านดี หรือที่เราเรียกว่า Positive Thinking ออกมาให้เห็นนั่นเอง

แต่ขาวีนขาโวยเจ้าประจำก็อย่าเพิ่งน้อยใจ ขนาดนางร้ายในหนังไทยบางเรื่องยังสามารถกลับตัวได้ เพราะรู้จักวิธีข่มใจและระงับอารมณ์ตนเอง แล้วขาโวยเจ้าประจำอย่างเช่นคุณจะทำไม่ได้เชียวหรือ? มีวิธีง่ายๆ ในการฝึกตนเองมาฝากกันดังนี้

  1. อดทน ไม่ตีโพยตีพาย ไม่นานก็จะปรับตัวได้ พูดง่ายๆ คือชินไปเอง คิดเสียว่าคนเราไม่ว่าจะทุกข์แค่ไหน จิตใจก็มักจะปรับตัวให้คุ้นชินได้เสมอ หากมีเวลาพอ หรือไม่คิดสั้นเสียก่อน มีคาถาหนึ่งที่จะช่วยให้เราทนได้มากขึ้นก็คือ เมื่อหายใจเข้า ให้พูดกับตนเอง “ทนได้” เมื่อหายใจออก ให้พูดในใจว่า “สบายมาก”
  2. รู้วิธีการใช้ตา หู รวมไปถึงจมูก ลิ้น และกาย ให้เป็นประโยชน์ และสามารถโยงไปถึงจิตใจได้ ความทุกข์นั้นบ่อยครั้งเกิดขึ้นก็เพราะใจเราไม่อยู่สุข ชอบสั่งตาหรือหูให้ไปรับเอาสิ่งไม่ดีมาสร้างปัญหาแก่จิตใจ เสียงนั้นแม้จะดัง แต่ถ้าไม่ฟัง ปัญหาก็ไม่เกิด ใครเขาจะบ่น จะว่า ถ้าไม่สนใจเสียอย่าง จะทุกข์ได้อย่างไร ข้อสำคัญคือต้องรักษาใจให้ดี อย่าปล่อยใจให้เพ่นพ่านออกไปนอกตัวมากนัก จะทำอย่างนั้นได้ต้องมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ หรือไม่เช่นนั้น ก็ให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่างที่ดีๆ เช่น เสียงเพลงที่ไพเราะ หรือจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกก็ได้
  3. มองโลกในแง่ดี เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมา ลองมองให้เห็นแง่ดีของมันบ้าง ไม่มีอะไรที่ไม่มีแง่ดีเลย เจ็บป่วยก็มีแง่ดี คือได้พักผ่อน ได้มีเวลาทำสิ่งที่ชอบ อยู่กับครอบครัว หรือเข้าหาธรรมะ อย่างน้อยๆ แง่ดีอย่างหนึ่งที่ต้องมีแน่ๆ ก็คือ ดีที่ไม่หนักกว่านั้น เงินหาย 1,000 บาท ก็ยังนับว่าดีที่ไม่หาย 10,000 บาท เวลาถูกคนนินทา ก็ยังดีที่เขาไม่ทำร้ายเรามากกว่านั้นนั่นเอง

ได้วิธีง่ายๆ มาลองฝึกฝนกันบ้างแล้วก็ลองทำดูนะคะ อย่างไรก็ตาม การมองโลกในแง่ดีอย่างเดียวบางครั้งอาจไม่พอ ต้องลงมือจัดการกับปัญหา หรือป้องกันมิให้เกิดซ้ำอีก ความทุกข์นั้นเราสามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นความไม่ทุกข์ หรือเปลี่ยนให้กลายเป็นความสุขได้ สิ่งเลวร้ายไม่น่าพอใจ เมื่อเกิดขึ้นกับเรา ใช่ว่าจะทำให้เราทุกข์ไปเสียหมด ก็หาไม่ ทุกข์หรือไม่ทุกข์อยู่ที่ตัวเรา ไม่ได้อยู่ที่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเรา ดังนั้น คราวหน้าหากคุณเห็นใครลุกขึ้นมาส่งเสียงดังโวยวาย ก็ลองฝึกคิดง่ายๆ ในใจว่า “ยุบหนอ พองหนอ...ยิ่งโกรธยิ่งโวยวาย ยิ่งเกิดทุกข์ในใจ และลดคุณค่าของตัวเขาเอง”

ที่มา : โพสต์ ทูเดย์

อัพเดทล่าสุด