Benchmarking กับการปรับปรุงตนเอง


704 ผู้ชม


Benchmarking กับการปรับปรุงตนเอง




คุณเคยรู้สึกปลื้มหรือชอบนักแสดง นักร้อง นักการเมือง หรือ นักพูดคนไหนบ้างหรือไม่ แล้วคุณแสดงพฤติกรรมอย่างไร พบว่าบางคนจะซื้อรูปมาสะสมเก็บไว้จัดเป็นอัลบั๊ม บางคนเกาะติด concert แบบว่าไปดูทุกงานที่มีการแสดง บางคนถึงขนาดเลียนแบบพฤติกรรมต่าง ๆ ของคนที่คุณรู้สึกชื่นชอบ ทั้งนี้ความรู้สึกปลื้มหรือชอบนี้เองจะเกิดขึ้นจากการที่คุณคิดว่าพวกเค้ามีสิ่งที่โดดเด่นที่โดนใจหรือที่คุณเองรู้สึกประทับใจอยู่มาก โดยคุณพยายามที่จะแสดงหรือเลียนแบบบุคคลที่คุณชื่นชอบ และพยายามเปรียบเทียบตัวคุณเองกับบุคคลเหล่านั้น ซึ่งนั่นก็คือ Benchmarking

Benchmarking เป็นการกำหนดบุคคล กลุ่มคน หรือสถาบัน/องค์การที่มีลักษณะโดดเด่น หรือประสพความสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่คุณยึดเป็นตัวอย่าง และต้องการพัฒนาให้มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายคลึง เสมือนกับเป็นโมเดลหรือเป็นแบบอย่างที่ให้คุณเห็นและพยายามจะปรับปรุงให้มีตามแบบฉบับที่โดดเด่นนั้น

ดังนั้นการทำ Benchmarking จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้คุณปรับปรุงตนเอง (Self Improvement) ในการทำงาน และช่วยให้คุณประสพความสำเร็จในหน้าที่การงานได้เร็วขึ้น โดยวิธีการนั้นไม่ยุ่งยากและมีขั้นตอนไม่สลับซับซ้อนอะไรมากนัก ซึ่งคุณเองย่อมสามารถปฏิบัติตามได้ ดังต่อไปนี้

D - Define : กำหนดเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน
การทำ Benchmarking จะไม่เกิดขึ้นได้เลย ถ้าคุณไม่มีแม่แบบหรือแบบฉบับที่คุณต้องการจะเปรียบเทียบเพื่อการปรับปรุงตนเองให้มีคุณลักษณะหรือพฤติกรรมตามแม่แบบของคุณ ทั้งนี้ก่อนเลือกบุคคลที่จะเป็นแม่แบบให้กับคุณเองนั้น คุณควรจะกำหนดเป้าหมาย (Goal) ที่คุณอยากจะเป็นหรือใฝ่ฝันว่าจะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อว่าคุณจะได้กำหนดตัวบุคคลให้ตรงตามเป้าหมายของคุณ เช่น คุณอยากจะเป็นนักบัญชีมืออาชีพและได้รับการยอมรับจากบุคคลต่าง ๆ และเมื่อคุณเองมีเป้าหมายที่ชัดแจนแล้วขอให้คุณควรเริ่มมองหาว่าใครในปัจจุบันที่เป็นนักบัญชีที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากในการหาบุคคลที่อยู่ในสายอาชีพที่คุณอยากจะให้เค้าเป็นแบบฉบับให้กับตัวคุณเอง คุณอาจจะสอบถามจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อนที่เป็นเครือข่ายของคุณ จากหัวหน้างาน หรือจากการสอบถามไปยังสมาคมหรือชมรมที่เกี่ยวข้อง

A - Analyze : วิเคราะห์และพิจารณาคัดเลือกแม่แบบ
หลังจากที่คุณรู้ว่าใครบ้างที่อยู่ในสายอาชีพที่คุณเองสามารถพิจารณาให้เป็นแม่แบบได้ ขอให้คุณเริ่มศึกษาชีวประวัติ แนวทางการดำเนินชีวิต และวิธีการที่จะทำให้พวกเค้าเหล่านั้นประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน รวมทั้งผลงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและโดดเด่น ตลอดจนคติพจน์ประจำใจที่เป็นหลักปฏิบัติในการทำงาน ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่ทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าใครที่คุณเองต้องการประพฤติและปฏิบัติตาม การคัดเลือกบุคคลที่จะเป็นแม่แบบนั้นจะขึ้นอยู่กับเกณฑ์การตัดสินใจของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนชอบนาย ก บางคนชอบนาย ข เป็นต้น เพราะนอกเหนือจากการพิจารณาคัดเลือกแม่แบบตามผลงานของพวกเค้าแล้ว บางคนอาจจะพิจารณาเลือกจากภาพลักษณ์และบุคลิกภาพภายนอกประกอบด้วย เช่น การใช้คำพูด การวางตัว การแสดงกิริยาท่าทาง เป็นต้น

D - Do : ปฏิบัติตามแบบฉบับที่เป็นแม่แบบของคุณ
การเริ่มลงมือปฏิบัติตามตัวอย่างหรือแม่แบบที่คุณต้องการ โดยคุณจะต้องเริ่มปรับปรุงตนเองและประพฤติตามแบบอย่างที่แม่แบบของคุณเองปฏิบัติ และโดยเฉพาะคติประจำใจของพวกเค้าเหล่านั้น ซึ่งคุณจะต้องเริ่มวางแผนการปฏิบัติของคุณเองว่าคุณจะเริ่มต้นอย่างไร และผลที่คุณเองคาดหวังนั้นคืออะไร ทั้งนี้ดิฉันขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของตนเองที่ชื่นชอบบุคคลท่านหนึ่งและยึดถือให้เป็นแม่แบบประจำใจ ซึ่งดิฉันขอยกย่องให้เป็นแม่แบบเนื่องจากท่านเป็นนักพูดที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง และเป็นบุคคลที่มีเป้าหมายและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ปัจจุบันท่านเป็นกรรมการผู้จัดการที่ทำงานเกี่ยวกับการสอนในสถาบันแห่งหนึ่ง และสิ่งที่ดิฉันพยายามมุ่งมั่นให้เป็นเสมือนอย่างที่แม่แบบ นั่นก็คือ การเป็นนักถ่ายทอดที่สามารถจูงใจคนให้มีความคิดคล้อยตามและปฏิบัติตามให้ได้ รวมทั้งการปฏิบัติตามคำสอนของบุคคลผู้นี้ นั่นก็คือ "การพูดทีละคำ ฟังทีละเสียง" เป็นความพยายามทำงานให้เสร็จเป็นอย่าง ๆ ไป ใจต้องจดจ่อต่อการทำงานที่มอบหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่วอกแวก หรือพูดง่าย ๆ ว่าต้องฝึกจิตให้มีสมาธิ และทุกครั้งที่ดิฉันทำงานแล้วเกิดสภาวะจิตที่ฟุ้งแล้วล่ะก็ ดิฉันจะต้องระลึกถึงคำพูดของแม่แบบเพื่อเตือนตนเองให้เกิดสถานการณ์ของ "การพูดทีละคำ ฟังทีละเสียง"

F - Follow Up : ประเมินผลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ
คุณควรประเมินผลตนเองเป็นระยะว่าคุณประสบความสำเร็จตามแม่แบบของคุณไปมากน้อยอย่างไร ซึ่งอาจไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ณ ตอนนี้ แต่ขอให้คุณอย่าท้อถอย และคิดว่าเป็นเรื่องยาก แต่จงเตือนตนเองเสมอว่าการที่จะประสบความสำเร็จตามแบบฉบับของแม่แบบที่คุณเลือกไว้นั้นอาจจะต้องใช้ระยะเวลา บางคนอาจใช้เวลา 4 ปี 5 ปี 10 ปี หรืออาจมากกว่านั้น ทั้งนี้เวลาของแต่ละคนจะไม่เท่าเทียมกัน บางคนใช้เวลาน้อย บางคนใช้เวลามาก เพียงแต่ขอให้คุณมีความพยายาม อดทน และตั้งใจแน่วแน่ว่าคุณจะเป็นผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานเหมือนอย่างแม่แบบของคุณเอง หากคุณประเมินตนเองแล้วและพบว่ายังมีส่วนที่ตนเองยังไม่สามารถทำได้ ขอให้คุณเริ่มวางแผนชีวิตของตนเองและเริ่มต้นทำ เช่น คุณอยากเป็นนักบัญชีที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับเหมือนอย่างคุณ xxxx ซึ่ง ณ ตอนนี้คุณเองอาจยังไม่มีใครรู้จักเท่าที่ควร แต่เมื่อคุณมีแม่แบบที่จะเป็นเสมือนผู้จุดประกายให้คุณมีแนวทางในการทำความฝันให้เป็นจริง คุณจะมีความหวังและสู้ใหม่โดยการประเมินเป็นระยะ เพื่อว่าสักวันหนึ่งคุณก็จะเป็นผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จตามแม่แบบของคุณ

การปรับปรุงตนเองด้วยวิธีการ Benchmarking นั้น จะทำให้คุณมีบุคคลที่คอยเตือนใจเสมอ เป็นเสมือนเป้าหมาย (Goal) ของชีวิตว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องทำให้ได้เสมือนอย่างแม่แบบของคุณเอง แม่แบบของคุณจะทำให้คุณมีการเปรียบเทียบและถามตนเองเป็นระยะว่า คุณประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานไปมากน้อยอย่างไรบ้าง ชีวิตที่มีการเปรียบเทียบจะทำให้เกิดความกระตือรือร้น มีความมุ่งมั่นและความใฝ่ฝัน มิใช่ชีวิตที่อยู่ไปวัน ๆ แบบไร้จุดหมาย 

 แหล่งที่มา : อาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์ ([email protected])


อัพเดทล่าสุด