ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Recruitment Agency และ Executive Search Firm


521 ผู้ชม


ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Recruitment Agency และ Executive Search Firm




ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Recruitment Agency และ Executive Search Firm คือ วิธีการในการหาคน Recruitment Agency จะหาผู้สมัครจากการโฆษณารับสมัครพนักงานในสื่อต่างๆ หรือไม่ก็จากงานตลาดนัดแรงงาน ในขณะที่ Executive Search Firm จะพยายามหาผู้สมัครจากบริษัทที่ทำธุรกิจเดียวกันหรือแม้แต่จากบริษัทที่เป็นคู่แข่งกับลูกค้าของตน โดยอาศัยการสำรวจค้นหาและเข้าไปติดต่อเสนองานแบบเป็นการส่วนตัว แต่ก็อาจใช้โฆษณารับสมัครพนักงานบ้างในกรณีที่ลูกค้าต้องการหรือในกรณีเร่งด่วน
พนักงานที่ Executive Search Firm สรรหาให้บริษัทลูกค้าจะเป็นตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง หรือไม่ก็ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคต่างๆ ที่มักจะมีงานทำอยู่แล้ว และไม่สนใจอ่านโฆษณารับสมัครพนักงาน หรือถึงจะบังเอิญเห็นโฆษณารับสมัคร พวกเขาก็อาจยังคงมีความสุขกับงานที่ทำจึงไม่สนใจที่จะเสียเวลาไปกับการสมัครงาน (เว้นเสียแต่ว่าจะมีใครมาเสนองานให้ถึงที่) ส่วนระดับเงินเดือนของบุคลากรที่สรรหานั้นโดยทั่วไปจะอยู่ในระดับ 50,000 บาท ขึ้นไป
แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการสรรหาบุคลากรโดยใช้ Executive Search Firm จะสูงมากเมื่อเทียบกับการสรรหาบุคลากรด้วยวิธีอื่นๆ แต่บริษัทหรือองค์การใหญ่ๆ ก็นิยมใช้บริการนี้ เนื่องจากมันประหยัดเวลา และมันทำให้คู่แข่งของคุณก็จะไม่รู้ว่าบริษัทของคุณกำลังขาดบุคลากรคนสำคัญ ไม่รู้ว่าคุณกำลังทำโครงการอะไรที่จะมีผลกระทบต่อพวกเขาบ้าง เพราะชื่อบริษัทของคุณจะถูกปิดเป็นความลับจนกว่าจะมีการเสนองานให้แก่บุคลากรที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ
อย่างไรก็ตามใช่ว่า Executive Search Firm จะสามารถหาคนให้คุณได้อย่างมีประสิทธิผลเสมอไป ดังนั้นคุณจึงต้องประเมิน Executive Search Firm ต่างๆ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะเลือกใช้บริการของใคร โดย
1. ดูให้แน่ใจว่าบริษัทนั้นสามารถที่จะดำเนินการค้นหาบุคลากรได้อย่างทั่วถึง เนื่องจากเงื่อนไขในการให้บริการของ Executive Search Firm ข้อหนึ่ง คือ ผู้ให้บริการสรรหาบุคลากรจะไม่เสนองานหรือรับสมัครผู้สมัครที่ปัจจุบันเป็นพนักงานของบริษัทลูกค้า ภายในระยะเวลา 2 ปี ( ...) หลังจากการใช้บริการครั้งล่าสุดของลูกค้ารายนั้น ด้วยเหตุนี้เอง Executive Search Firm จึงต้องค้นหาผู้สมัครจากตลาดแรงงานเฉพาะกลุ่มที่มีขนาดเล็กลงๆ เรื่อยๆ ตามจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง Executive Search Firm รายใหญ่ๆ ที่มีลูกค้าหลายบริษัท ก็อาจจะหาผู้สมัครได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากบุคลากรที่ดีๆ เก่งๆ อาจทำงานอยู่กับบริษัทลูกค้าและเป็นบุคคลต้องห้ามสำหรับ Executive Search Firm รายนั้นไปแล้ว
2. ลองติดต่อพูดคุยกับคนที่จะรับผิดชอบในการค้นหาบุคลากรให้คุณ เพราะเขามีผลต่อความสำเร็จในการค้นหาบุคลากรอย่างยิ่ง เพราะถ้าเขาไม่มีความสามารถ โอกาสที่คุณจะได้ผู้สมัครที่ดีเหมาะสมกับตำแหน่งที่สุดก็จะริบหรี่มาก จำไว้ว่าที่ปรึกษาจากบริษัทผู้ให้บริการสรรหาบุคลากรที่มาเจรจากับที่ดูเก่งๆ คุณนั้น อาจไม่ใช่คนที่จะทำหน้าที่ค้นหาผู้สมัครให้คุณ
3. สอบถามเกี่ยวกับค่าบริการ โดยทั่วไปแล้วอัตราค่าบริการของ Executive Search Firm จะอยู่ในช่วง 25 – 30 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งปี (annual income) ทีผู้สมัครคนนั้นจะได้จากการเข้าไปทำงานในตำแหน่งนั้น โดยลูกค้าจะต้องชำระเงินประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ของค่าบริการ เมื่อมีการทำสัญญาว่าจ้าง ทั้งนี้ไม่ว่าสุดท้ายแล้ว ใส่รายละเอียดเพิ่ม
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายตามจริงอื่นๆ เช่น ค่าโฆษณารับสมัครพนักงานในกรณีที่ลูกค้าต้องการให้ลงโฆษณา
4. เลือก Executive Search Firm ที่คุณไว้วางใจได้ เพราะพวกเขาคือคนที่จะได้รู้ทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งของบริษัทคุณ ดังนั้นคุณจึงต้องหาคนที่คุณสามารถไว้วางใจพอที่จะบอกความลับบางอย่างของบริษัทได้
5. ตรวจสอบกับลูกค้าของ Executive Search Firm ให้ขอชื่อลูกค้าที่ Executive Search Firm แห่งนั้นเพิ่งทำการสรรหาบุคลากรให้ จาก นั้นก็สอบถามไปทางลูกค้าเหล่านั้น ว่าผู้สมัครที่บริษัทผู้ให้บริการสรรหาบุคลากรสรรหามาให้มีคุณสมบัติ ความ สามารถตรงกับที่ต้องการหรือไม่ ใช้เวลาในการค้นหานานไหม ฯลฯ
นอกจากแนวทางในการพิจารณาเลือก Executive Search Firm นี้แล้ว คุณก็ควรนำเอาวิธีป้องกันปัญหาในการใช้ Recruitment Agency มาใช้ด้วย เพื่อให้การสรรหาบุคลากรนั้นมีประสิทธิผลที่สุด

จากหนังสือ "การสรรหาคัดเลือกบุคลากรแบบมืออาชีพ"

อัพเดทล่าสุด