เออร์ลี รีไทร์ 36 เดือนคุ้มไหม ?
โครงการเกษียณอายุงานก่อนกำหนดหรือเออร์ลี่ รีไทร์ ของ การบินไทยที่เพิ่งเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการหลังผ่านมติบอร์ด เมื่อการประชุมครั้งที่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้พนักงานต่างรู้กันดีว่า ดังนั้นพลันที่เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการจึงมีเสียงตอบรับกันอย่างล้นหลามด้วยการสมัครผ่านอินเตอร์เน็ตในองค์กร
ประเด็นที่คนการบินไทยอยากเออร์ลี่ รีไทร์ส่วนหนึ่งนั้นมาจาก ตัวเลขผลประกอบการของสายการบินทั่วโลกที่ตกต่ำ ขาดทุนหนักจากพิษน้ำมันและตัวเลขขาดทุนไตรมาส 2 ของการบินไทยที่ออกมาแล้วเป็นไปตามคาด ขาดทุนบักโกรกร่วม 9 พันล้านบาท
ทำให้อดคิดกันไม่ได้ว่าแล้วครึ่งปีหลังล่ะตัวเลขจะเป็นอย่างไร ในเมื่อไตรมาส 3 ก็รู้ๆกันดีว่าเป็นช่วงโลว์ซีซันและเศรษฐกิจโลก ปัญหาซับไพรม์ ยังไม่จบ สถาบันการเงินโลกยังปั่นป่วน ค่าเงิน ราคาน้ำมันยังผันผวน
สิ่งเหล่านี้ทำให้เป็นที่กังวลและอาการน่าห่วงสำหรับผลประกอบการที่อาจจะขาดทุนต่อเนื่องไปถึงสิ้นปีแน่นอน โบนัสก็คง "อด" เพราะประเมินสถานการณ์ ณ ขณะนี้แล้ว ราคาหุ้นก็รูดลงไปเหลือ 15 บาทเศษ ๆ ซึ่งตกต่ำสุดขีด ครั้นจะหวังเงินปันผลสิ้นปีก็คงลำบากอีกเช่นกัน
ในเมื่อความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน ถ้าไม่มีภาระอะไรมาก ทางออกที่ดีของหลายคนจึงเลือกกำเงินไว้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน เพราะไม่แน่ใจว่าอนาคตธุรกิจการบินจะเป็นเช่นไร
ฟื้นได้หรือไม่ สำหรับผู้ที่มีอายุงานเกิน 20 ปีขึ้นไปแล้วผลประโยชน์ตอบแทนจะไม่ค่อยคุ้มเมื่อเทียบกับผู้ที่อายุงานเหลืออีก 3 ปีก่อนเกษียณจะคุ้มสุดคุ้มกว่า
ด้วยสูตรคำนวณผลตอบแทนคร่าว ๆ เงินเดือนเดือนสุดท้ายคูณอายุงาน สูงสุด 30 ปี แถมอีก 6 เดือน ตั๋วบินฟรี ปีละครั้งทั้งในและต่างประเทศตลอดชีพ ค่ารักษาพยาบาล ที่เบิกได้ในอัตราราชการ ดังนั้นถ้าอยู่ในตำแหน่งระดับหัวหน้างานได้เงินก้อนไปสัก 3- 4 ล้านบาทติดกระเป๋าไป
ตั้งตัวแล้วหางานใหม่ก็ยังคุ้ม ดีกว่า อยู่ต่อไปเหมือนเอาชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายในสถานการณ์เช่นนี้
ในขณะที่สายการบินเอกชนไม่ว่าจะเป็นนกแอร์ วันทูโกนั้น ก็โละคนกันถ้วนหน้าและจ่ายแค่ตามกฎหมายแรงงานเท่านั้น ไม่เหมือนรัฐวิสาหกิจที่ให้มากกว่า แต่ถ้าเศรษฐกิจดี ๆ ก็คงไม่คุ้มเพราะบางคนอยู่ได้ด้วยเงินโอทีทำงานล่วงเวลา หรือเงินเบี้ยเลี้ยง แต่ตอนนี้คงหวังพึ่งพาเงินพวกนี้ลำบาก เพราะนโยบายประหยัด ตัดลดค่าใช้จ่ายทุกด้านอย่าว่าแต่พนักงานทั่วไปจะโวยเรื่องโอทีเลย ขนาดนักบิน แอร์โฮสเตส สจวร์ตที่ว่าเคยรับกันอู่ฟู่ยังบ่นกันอุบเพราะเพอร์เดียม (Perdium) หาย
ยิ่งการบินไทยกำลังประกาศขายเครื่องบิน แอร์บัสเอ 340-500 จำนวน 3 ลำที่ซดน้ำมันหนักผ่านอินเตอร์เน็ต หลังเลิกบินตรงกรุงเทพฯ-นิวยอร์ก ก็คงขาดทุนเพราะซื้อมาในราคาราว 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อลำ อาจจะขายได้ราว 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือมากกว่านี้แต่ก็ขาดทุนแน่ ๆ เพราะเครื่องบินเพิ่งใช้งานได้แค่ 3 ปีไม่ทันตัดค่าเสื่อมราคา และเมื่อขายได้ก็คงไปปรากฏในตัวเลขงบดุลสิ้นปี
ดูอาการแล้วคนที่เลือก 36 เดือนคงไม่ผิดหวัง
ที่มา : .thannews.th.com