เก่งแค่ก่อนรับตำแหน่ง


793 ผู้ชม


เก่งแค่ก่อนรับตำแหน่ง




เรามักพบเห็นกันอยู่เสมอว่า ผู้บริหารหลายคนดูเก่งกาจเป็นพิเศษ ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งจริงๆ ก่อนได้รับตำแหน่งทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปได้เสียทั้งหมด ทุกอย่างดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ในทันที แต่พอถึงวันที่ผู้บริหารท่านนั้นเข้ารับตำแหน่ง ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป ที่เคยดูเหมือนว่ารวดเร็ว ก็กลายเป็นเชื่องช้า ที่ดูเหมือนว่าจะทำได้ในวันนี้ ก็กลายเป็นทำได้ในปีหน้า หลายอย่างที่คุยเอาไว้ก่อนรับตำแหน่ง กลายเป็นภาพลวงตาในระยะเวลาเพียงไม่นาน หลังจากเข้ารับหน้าที่บริหารงานนั้น

ความเก่งที่ลดน้อยถอยลงไปเมื่อเข้ารับตำแหน่งจริงๆ นั้น ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะตัวผู้บริหารเองเก่งแต่คุยเรื่องการบริหารแต่บริหารไม่เก่งเหมือนที่คุย ก็มักเป็นเพราะลูกน้องในองค์กรฝีมือดีไม่พอที่จะทำงานรองรับแนวทางที่ท่านผู้บริหารได้ประกาศไว้ก่อนรับตำแหน่ง ประกาศไว้ว่าจะทำสารพัดเรื่อง แต่พอรับตำแหน่งแล้วพบว่า มีลูกน้องก็เหมือนไม่มี มีลูกน้องจำนวนมากก็เหมือนจำนวนน้อย ด้วยจำกัดทั้งฝีมือในการทำงานและความมุ่งมั่นในการที่จะทำงานให้สำเร็จ กลายเป็นผู้บริหารต้องเคี่ยวเข็ญไปเสียทุกเรื่อง ทำให้เรื่องต่างๆ ที่เคยพูดไว้ทำสำเร็จได้ไม่ครบถ้วนตามที่พูด

ผู้บริหารเก่งอย่างไรก็ทำเองไม่ได้หมดทุกเรื่อง ต้องมีลูกน้องมาช่วยทำงาน ผู้บริหารเก่งแต่ลูกน้องเฉื่อย ทำอย่างไรก็ไม่มีทางได้ผลเหมือนกับที่ได้ป่าวประกาศไว้ก่อนรับตำแหน่ง แต่ถ้าลูกน้องก็มีฝีมือแถมยังขยันขันแข็ง ช่วยกันขับเคลื่อนให้องค์กรเดินไปข้างหน้าตามแนวทางที่ผู้บริหารคนใหม่กำหนดขึ้นไว้แล้วยังไม่ได้ผลงานเหมือนกับที่ผู้บริหารได้เคยป่าวประกาศไว้ก่อนรับตำแหน่ง ก็จะต้องพิจารณาดูว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บริหารไม่สามารถทำตามที่ตนเองได้เคยป่าวประกาศไว้ได้

ถ้ามีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับงานที่ตนเองต้องมาบริหารไม่ครบถ้วนเพียงพอแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถคิดไปได้ทั้งหมด ไม่รู้ข้อมูลเพียงพอย่อมไม่เห็นข้อจำกัดต่างๆ เมื่อไม่เห็นข้อจำกัดก็คิดไปได้สารพัด พูดไปได้ทุกเรื่อง แต่วันใดก็ตามที่เข้ารับตำแหน่งบริหารและได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติม จึงรู้ว่าข้อจำกัดและอุปสรรคมีอยู่มากมายหลายประการ สรรพสิ่งที่เคยคิดว่าสามารถทำได้ ก็กลายเป็นเพียงคำประกาศแบบลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้จริง

ก่อนที่ท่านผู้บริหารท่านใดจะประกาศให้ผู้คนได้ทราบว่า ตนเองจะทำอะไรบ้าง ขอให้รวบรวมข้อมูลข่าวสารให้เพียงพอจนแน่ใจว่า ตนเองรู้ถึงข้อจำกัดและอุปสรรคต่างๆ ครบถ้วนแล้ว ซึ่งถ้ามีข้อมูลเพียงพอมาตั้งแต่ต้น ก็จะรู้ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ จะประกาศแนวทางการบริหารอย่างใดออกไปก็มั่นใจได้ว่า มีโอกาสเกิดความสำเร็จตามที่ประกาศไม่มากก็น้อย เก่งจริงทั้งก่อนและหลังเข้ารับตำแหน่ง

ถ้าพูดแต่ไม่ได้ลงมือทำ จะพูดอะไรก็เป็นไปได้แทบทุกเรื่องเพราะพูดโดยไม่ต้องทำ ผลลัพธ์ยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ผู้บริหารจึงไม่ต้องกังวลกับผลกระทบใดๆ ที่จะตามมา เรื่องเล็กเรื่องใหญ่พูดได้หมด

บางครั้งก่อนรับตำแหน่งสามารถเลือกทฤษฎีต่างๆ มาใช้กำหนดเป็นแนวทางในการบริหารงานได้อย่างไม่จำกัด เพราะเป็นทฤษฎีที่ใช้พูด แต่ไม่ใช่ทฤษฎีที่ใช้ลงมือทำ ดังนั้น แม้ผู้บริหารจะเข้าใจทฤษฎีนั้นเพียงพอหรือไม่ก็ตาม ก็สามารถหยิบยกทฤษฎีนั้นมาใช้ได้ในสารพัดเรื่อง เพราะพูดถึงแต่ทฤษฎีโดยยังไม่ต้องลงมือทำ ทุกทฤษฎีใช้ได้หมดตราบเท่าที่ยังมิได้ลงมือนำไปปฏิบัติ

วันใดก็ตามที่เข้ารับหน้าที่ ถ้าเลือกใช้ทฤษฎีผิดเพราะไม่เข้าใจทั้งทฤษฎี ทั้งหน้าที่การงานที่แท้จริง วันนั้นก็จะพบความจริงว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เคยบอกกล่าวกับผู้คนว่า จะใช้ทฤษฎีนั้นทฤษฎีนี้มาแก้ปัญหา กลายเป็นเพียงแค่ทฤษฎีเพื่อการพูดคุยเท่านั้น หาใช่เป็นทฤษฎีที่จะใช้ในการปฏิบัติได้จริงแต่ประการใด

ก่อนเข้ารับหน้าที่ยังไม่มีผลประโยชน์ใดๆ มาเกี่ยวข้อง ทุกวิธีการบริหารก็ป่าวประกาศได้หมด แต่วันใดที่เข้ารับตำแหน่งแล้วต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ต่างๆ วันนั้นข้อจำกัดหลายเรื่องจะเกิดขึ้นมาให้เห็น ซึ่งน้อยคนนักจะคาดการณ์เรื่องผลประโยชน์ล่วงหน้าได้อย่างชัดเจน พูดโดยปราศจากผลประโยชน์กับการลงมือทำ โดยมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมากมายนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ผู้บริหารหลายคนจึงดูเด็ดขาดตอนหาเสียง เพื่อเข้าชิงตำแหน่ง แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว ผลประโยชน์ทำให้ความเด็ดขาดที่คุยไว้หายไปหมด เก่งก่อนรับตำแหน่งเพราะยังไม่เห็นผลประโยชน์ คำว่าผลประโยชน์นั้นมิได้หมายถึงเรื่องของเงินทองแต่อย่างเดียว หากยังรวมไปถึงอำนาจวาสนา และการเลือกที่รักมักที่ชังอีกด้วย

ดังนั้น หากท่านใดกำลังเตรียมตัวจะเป็นผู้บริหารแล้ว ต้องประกาศวิธีการบริหารให้ผู้คนได้ทราบ ขอได้โปรดศึกษาข้อมูลและข้อจำกัดต่างๆ ให้ครบถ้วนเสียก่อน รวมทั้งต้องคาดการณ์ผลลัพธ์และผลประโยชน์ที่ตนเองจะต้องเข้าไปผูกพัน เมื่อได้รับตำแหน่งบริหารนั้นให้ชัดเจนเสียก่อน จะได้รู้ว่าอะไรประกาศไปแล้ว สามารถทำได้ อะไรได้แค่พูด

ทำได้ดังนี้จะได้หลุดพ้นจากการเป็นผู้บริหารที่เก่งแค่ตอนก่อนเข้ารับตำแหน่ง และเป็นผู้บริหารที่เก่งทั้งก่อนและระหว่างดำรงตำแหน่ง ให้ผู้คนได้เห็นฝีไม้ลายมือต่อไป

ที่มา : ดร.บวร ปภัสราทร

อัพเดทล่าสุด