ฟ้องละเมิด
คำวินิจฉัยของอธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางที่ 38/2548
เรื่อง ละเมิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยประเมินผลปฏิบัติงานของโจทก์ว่าต่ำกว่ามาตรฐาน และมีหนังสือเตือนโจทก์ให้ปรับปรุงการปฏิบัติงานและได้มีคำสั่งปลดโจทก์ออกจากการเป็นพนักงานแล้วไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง ซึ่งต่อมาศาลแรงงานกลางได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้บริษัทฯ รับโจทก์กลับเข้าทำงานต่อไป การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ทั้งสามได้รับความเสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การทำนองเดียวกันว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน ขอให้ยกฟ้อง
อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของบริษัท ท. มีจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการอำนวยการ จำเลยที่ 2 เป็นรองกรรมการอำนวยการ และจำเลยที่ 3 เป็นผู้รับผิดชอบการผลิต ในระหว่างที่โจทก์เป็นลูกจ้าง จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ โดยประเมินผลปฏิบัติงานของโจทก์ต่ำกว่ามาตรฐานและมีหนังสือเตือนให้โจทก์ปรับปรุงการปฏิบัติงานและมีคำสั่งปลดโจทก์ออกจากงานอันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตและได้ไขข่าวให้แพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่ออนามัย จิตใจ ชื่อเสียงเกียรติคุณ ทางทำมาหาได้และทางเจริญของโจทก์ และสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจัดสรรหุ้นของบริษัทฯ นั้น เป็นการกล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามซึ่งมีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ท. ซึ่งเป็นนายจ้างได้ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์ แต่มูลละเมิดดังกล่าวมิได้สืบเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน แต่สืบเนื่องจากการที่โจทก์ถูกเลิกจ้างคดีตามมูลละเมิดดังกล่าว จึงไม่ใช่คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างและลูกจ้างสืบเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงานตมพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 8 (5)
วินิจฉัยว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน
ที่มา : สมบัติ ลีกัล