พนักงาน หลอกลวงเรียกรับผลประโยชน์จากผู้อื่น


712 ผู้ชม


พนักงาน หลอกลวงเรียกรับผลประโยชน์จากผู้อื่น




คดีแดงที่  3117/2543

นายพิมพ์ ปั้นแตง โจทก์
บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) จำเลย

 

ป.พ.พ. มาตรา 582
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 46, 47

โจทก์อาศัยโอกาสที่โจทก์เป็นพนักงานของจำเลยหลอกลวงเรียกรับผลประโยชน์จากผู้อื่นเพื่อให้ผู้นั้นได้รับการบรรจุเป็นพนักงานของจำเลยทั้งได้ติดต่อทำเอกสารปลอมเพื่อใช้ในการสมัครงานของผู้อื่นด้วย เป็นการประพฤติชั่วประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคมหรือจำเลยไม่รักษาเกียรติ ชื่อเสียง และกระทำผิดกฎหมายเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย การที่จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานเพราะเหตุดังกล่าวจึงไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และเงินโบนัสให้แก่โจทก์

 

…………………..……………………………………………………………..

 

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เข้าทำงานเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม๒๕๒๓ ครั้งสุดท้ายทำหน้าที่พนักงานขับรถ ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๑๑,๔๕๕ บาทกำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ ๒๗ ของเดือน วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๑ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างเหตุว่าโจทก์อาศัยความเป็นพนักงานของจำเลยหลอกลวงเรียกค่าตอบแทนในการช่วยเหลือบุคคลอื่นให้เข้าทำงานกับจำเลยและมีส่วนร่วมในการปลอมแปลงเอกสารราชการที่ใช้เป็นหลักฐานในการสมัครงาน ความจริงโจทก์ไม่ได้กระทำความผิดตามที่จำเลยกล่าวอ้าง การเลิกจ้างของจำเลยดังกล่าวเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตามกฎหมายเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๑๗,๙๔๖.๑๖บาท ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ๖๘๗,๓๐๐ บาท เงินบำเหน็จ ๒๑๒,๔๐๐บาท เงินโบนัส ๑๗๑,๘๒๕ บาท และค่าชดเชย ๖๘,๗๒๙.๙๙ บาท แก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากโจทก์ได้อาศัยความเป็นพนักงานของจำเลยหลอกลวงบุคคลอื่นหลายรายว่าสามารถช่วยให้เข้าทำงานกับจำเลยได้โดยโจทก์เรียกร้องรับเงินค่าตอบแทนในการช่วยเหลือให้เข้าทำงานดังกล่าว และยังมีส่วนร่วมในการปลอมแปลงเอกสารราชการใช้เป็นหลักฐานในการสมัครงานด้วย จำเลยแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและพิจารณาโทษทางวินัยแล้วได้ข้อเท็จจริงดังที่กล่าวมาข้างต้น จึงมีความเห็นว่าการกระทำของโจทก์เป็นการไม่รักษาเกียรติชื่อเสียงของจำเลย ประพฤติชั่ว กระทำผิดกฎหมาย รวมทั้งประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคม เป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรงตามระเบียบข้อบังคับของจำเลย จำเลยจึงมีคำสั่งลงโทษไล่โจทก์ออกจากการเป็นพนักงาน อันเป็นการเลิกจ้างโดยชอบ มิใช่การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหาย บำเหน็จ และเงินโบนัสตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง

วันนัดพิจารณา ก่อนกำหนดประเด็นพิพาท โจทก์แถลงขอสละประเด็นเรื่องเงินบำเหน็จโดยจะไปดำเนินการแก่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไป จำเลยแถลงว่าค่าจ้างโจทก์เดือนละ๑๐,๐๐๐ บาท ค่าครองชีพเป็นประจำทุกเดือน เดือนละ ๑,๔๕๕ บาท แต่กระทรวงการคลังกำหนดว่าไม่ให้นำค่าครองชีพมาคำนวณเป็นค่าจ้าง

ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างจำเลยเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๒๓ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นพนักงานขับรถ ค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท ค่าครองชีพเดือนละ ๑,๔๕๕ บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ ๒๗ ของเดือน โจทก์เป็นผู้ดำเนินการติดต่อในการเข้าทำงานและทำเอกสารหลักฐานปลอมเพื่อใช้ในการสมัครงานของนายมีชัย เข็มอนุสุขนายคมสัน บุญสวัสดิ์ และนายธำรงเดช เข็มอนุสุข ที่ประสงค์จะเข้าทำงานเป็นพนักงานของจำเลย โดยเรียกร้องค่าตอบแทนและค่าติดต่อทำเอกสาร ทั้งโจทก์ยังเคยถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการเรียกร้องเงินเพื่อดำเนินการให้บุคคลดังกล่าวเข้าทำงานกับบริษัทคาร์แม็กซ์ จำกัด การจัดทำหลักฐานใบสุทธิการศึกษาเพื่อให้พนักงานของบริษัทคาร์แม็กซ์ จำกัด ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานของจำเลย และโจทก์ยินยอมคืนเงินให้แก่ผู้ร้องเรียนทั้งสองราย แล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของโจทก์ดังกล่าวข้างต้นเป็นการอาศัยโอกาสที่โจทก์เป็นพนักงานของจำเลยเรียกรับผลประโยชน์จากผู้อื่น เป็นการประพฤติชั่ว ประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคมหรือจำเลย และกระทำผิดกฎหมาย ถือเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลย ข้อ ๕.๑๒ และข้อ ๑๓.๒.๓ การที่จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานเมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๔๑ จึงไม่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และเงินโบนัสให้แก่โจทก์ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การกระทำของโจทก์ตามข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมานั้นเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยหรือไม่ และการวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เรียกร้องค่าตอบแทนในการติดต่อให้ผู้อื่นเข้าทำงานกับบริษัทคาร์แม็กซ์ จำกัด และเข้าเป็นพนักงานของจำเลย ทั้งได้ติดต่อทำเอกสารปลอมเพื่อใช้ในการสมัครงานของผู้อื่นด้วย เห็นว่า การกระทำดังกล่าวของโจทก์เป็นการอาศัยโอกาสที่โจทก์เป็นพนักงานของจำเลยเรียกร้องผลประโยชน์จากผู้อื่น ถือได้ว่าเป็นการประพฤติชั่ว ประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคม ไม่รักษาเกียรติชื่อเสียง และกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำผิดวินัยที่ร้ายแรงตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยเอกสารหมาย ล.๖ ข้อ ๕.๑๒ และข้อ ๑๓.๒.๓ ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้นชอบด้วยระเบียบข้อบังคับของจำเลยและกฎหมายแล้ว

พิพากษายืน.

 

(รุ่งโรจน์ รื่นเริงวงศ์ - สละ เทศรำพรรณ - หัสดี ไกรทองสุก )

 

ศาลแรงงานกลาง - นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม

ศาลอุทธรณ์ -

อัพเดทล่าสุด