ผู้ประกันตนได้สิทธิ 7 กรณี …มีอะไรบ้าง


890 ผู้ชม


ผู้ประกันตนได้สิทธิ 7 กรณี …มีอะไรบ้าง




เลขที่ :
วันที่ประกาศ : 21/3/2551

         สำนักงานประกันสังคม  มีหน้าที่ให้ความคุ้มครองลูกจ้างในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่         1 คนขึ้นไป  เมื่อประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย  ทุพพลภาพ  ตาย  ไม่เนื่องจากการทำงาน  รวมถึงการคลอดบุตร  สงเคราะห์บุตร  ชราภาพ  และการว่างงาน  ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม  ซึ่งสิทธิต่าง ๆ นี้ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิในแต่ละกรณี  ได้แก่
         1.กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วย ไม่เนื่องจากการทำงานผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์ คือ 
            - สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลที่ระบุไว้ในบัตรรับรองสิทธิการรักษาพยาบาลโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ  แต่หากเป็นกรณีฉุกเฉินไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิได้ ผู้ประกันตนสามารถเข้ารักษาได้ที่โรงพยาบาลใดก็ได้ที่อยู่ใกล้ที่สุด  และควรให้ญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ  ให้รับทราบ  โดยด่วน สำหรับค่ารักษาพยาบาลผู้ประกันตนสามารถเบิกค่าบริการทางการแพทย์ได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นภายในระยะเวลาไม่เกิน  72  ชั่วโมงแรก
         2.กรณีทุพพลภาพ  อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน  ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์  คือ   
            2.1ได้รับค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกินเดือนละ  2,000  บาท
            2.2ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้รายเดือนร้อยละ  50  ของค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบตลอดชีวิต
            2.3ได้รับค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ทุพพลภาพทางร่างกาย จิตใจและอาชีพ     ตามประกาศสำนักงานประกันสังคมเท่าที่จ่ายจริง  ตามความจำเป็นไม่เกิน  40,000  บาท
         3.กรณีตายอันไม่เนื่องจากการทำงาน  ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์  คือ 
            - ผู้จัดการศพ  จะได้รับค่าทำศพ  40,000  บาท
            - ทายาทของผู้ตายจะได้รับเงินสงเคราะห์  ดังนี้
            3.1กรณีที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่  3  ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง  10  ปี  ทายาทหรือผู้มีสิทธิจะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ตายหนึ่งเดือนครึ่ง
            3.2กรณีที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่  10  ปีขึ้นไปทายาทหรือผู้มีสิทธิจะได้รับเงินสงเคราะห์เท่ากับค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ตาย  5  เดือน

         4.กรณีคลอดบุตร  ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์  คือผู้ประกันตนหญิง
            4.1ได้รับค่าคลอดบุตร  12,000  บาท
            4.2ได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรร้อยละ  50  ของค่าจ้างที่นำส่งเงินสมทบเฉลี่ยเป็นเวลา 90 วัน
            ผู้ประกันตนชายที่มีภรรยาไม่ได้เป็นผู้ประกันตน
            -ใช้สิทธิได้ 2 ครั้ง โดยจะได้รับค่าคลอดบุตรเหมาจ่ายครั้งละ  12,000  บาทแต่ไม่มีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร 
           เป็นผู้ประกันตนทั้งสามีและภรรยา
           -ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิได้คนละ 2 ครั้ง ซึ่งขอแนะนำให้ผู้ประกันตนใช้สิทธิของภรรยาก่อนเนื่องจากจะได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรด้วยนอกเหนือจากค่าคลอดบุตร  12,000  บาท      แต่อย่างไรก็ตามการใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรรวมกันแล้วต้องไม่เกิน  4  ครั้ง  โดยบุตรที่นำมาใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตร  แล้วไม่สามารถนำมาขอรับค่าคลอดบุตรได้อีก
         5.กรณีสงเคราะห์บุตร  ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์  คือ 
            - ได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ  350  บาทต่อบุตร  1  คน สำหรับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์เบิกได้คราวละไม่เกิน  2 คน
        6.กรณีชราภาพ  ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์  คือ 
           - เงินบำนาญชราภาพ
           - ได้รับเมื่อผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบครบ  180  เดือนอายุครบ  55  ปีบริบูรณ์และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลงโดยจะได้รับเป็นรายเดือนไปตลอดชีวิต
           -  เงินบำเหน็จชราภาพ
           - ได้รับเมื่อผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบไม่ครบ  180  เดือน  อายุครบ  55  ปีบริบูรณ์  และความเป็นผู้   ประกันตนสิ้นสุดลงหรือเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตายโดยจะได้รับเป็นเงินก้อนครั้งเดียว
       7.กรณีว่างงาน  ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิประโยชน์  คือ 
          - ผู้ประกันตนที่ว่างงานต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงานและยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน ณ สำนักจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับจากวันแรกที่ว่างงาน
          - ได้รับการจัดหางานให้ใหม่ตามความเหมาะสม
          - จะได้รับการฝึกฝีมือแรงงานตามความจำเป็นต่องานใหม่ที่จะได้รับแต่อย่างไรก็ตามการเกิดสิทธิประโยชน์ในกรณีต่าง ๆ  ข้างต้นนั้นยังคงต้องเป็นไปตามเงื่อนไขในแต่ละกรณีด้วย ซึ่งจะแตกต่างกันไป       สำนักงานประกันสังคมจึงอยากเน้นย้ำผู้ประกันตนควรศึกษาสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนพึงจะได้รับอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งทางสำนักงานประกันสังคมเองก็ได้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกันตน เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์อย่างสูงสุดอยู่ตลอดเวลา ผู้ประกันตนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันสังคม 1506 ติดต่อทางระบบโทรศัพท์ตอบรับอัตโนมัติให้บริการทุกวันตลอด24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรงให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด ตั้งแต่เวลา 07.00–19.00 น.หรือดูรายละเอียดได้ที่ 
www.sso.go.th
                      --------------------------------------------------------
                 ศูนย์สารนิเทศ  สายด่วนประกันสังคม  1506 
www.sso.go.th


อัพเดทล่าสุด