กฎหมายแรงงาน : ทนายความตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
มาตรา 8 ให้รัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางนิติศาสตร์ เพื่อมีอำนาจฟ้องคดีหรือแก้ต่างคดีแรงงานให้แก่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตาย และเมื่อกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมแจ้งให้ศาลทราบแล้ว ก็ให้มีอำนาจกระทำการได้จนคดีถึงที่สุด
โดยปกติ การฟ้องคดีแรงงานในฐานะเป็นโจทก์หรือการต่อสู้คดีแรงงานในฐานะเป็นจำเลยนั้น ลูกจ้างหรือนายจ้างอาจไปฟ้องหรือต่อสู้คดีด้วยตนเองได้โดยไม่ต้องว่าจ้างทนายความหรือมีทนายความช่วยเหลือ แต่ในคดีที่มีข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่เป็นประเด็นแห่งคดีหลายข้อ หากมีผู้ช่วยเหลือในทำนองเดียวกันกับทนายความก็จะช่วยให้การพิจารณาคดีได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนและมีข้อกฎหมายชัดแจ้งประกอบการพิจารณาพิพากษาของศาล นายจ้างมีฐานะทางเศรษฐกิจเพียงพอที่จะจ้างทนายความได้เองหรือมีทนายประจำอยู่แล้วแต่ลูกจ้างส่วนใหญ่ไม่มีทรัพย์เพียงพอที่จะว่าจ้างทนายความได้ จึงต้องจัดให้มีผู้ที่ทำหน้าที่ดังเช่นทนายความไว้ช่วยเหลือลูกจ้างในการฟ้องหรือแก้ต่างคดี ตามบทบัญญัติดังกล่าวแสดงว่าลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างอาจขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งทำหน้าที่เป็นทนายความ(แม้กฎหมายจะมิได้กำหนดให้เป็นทนายความ) ในคดีที่ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างฟ้องหรือถูกฟ้องได้ ไม่ว่าคดีเรื่องนั้นจะเป็นคดีที่พิพากษา กันตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือกฎหมายอื่น แต่ต้องเป็นคดีแรงงานหรือคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงานเท่านั้น