ขั้นตอนการจัดทำ Training & Development Road Map
แบ่งเป็น 4 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. การหาความจำเป็นในการฝึกอบรมและพัฒนา
การหาความจำเป็นในการฝึกอบรมและพัฒนาเป็นขั้นตอนแรกในการจัดทำ Training& Development Road Map เพื่อนำมากำหนดหลักสูตรสำหรับตำแหน่งงาน ทั้งนี้การรวบรวมข้อมูลจะแตกต่างกันจากการจัดทำ Annual Training Development Plan เนื่องจากการจัดทำ Training & Development Road Map จำเป็นต้องคำนึงข้อมูลด้านการพัฒนาและความก้าวหน้าในสายอาชีพของตำแหน่งงานนั้นๆ ประกอบด้วย ซึ่งการจัดทำ Training& Development Road Map จะกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานเป็นช่วงระยะเวลาที่แตกต่างกันไป โดยวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆตามตัวอย่างต่อไปนี้
2. การกำหนดหลักสูตรฝึกอบรมและพัฒนาของตำแหน่งงาน
การกำหนดหลักสูตรการฝึกอบรมและพัฒนาของตำแหน่งงานตามลักษณะของ Training& Development Road Map มีหลักการพิจารณาว่าปัจจุบันทำงานอะไร และจะทำงานนั้นๆ ให้ได้ดีอย่างไร เป็นการพัฒนาความสามารถและผลการปฏิบัติงานจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน (Potential) ของพนักงานในอนาคต ทั้งนี้สามารถให้ข้อมูลด้านลักษณะงาน โดยสามารถใช้ Job Description ของตำแหน่งงานที่จัดทำขึ้นมาเป็นแนวทางในการกำหนดลักสูตรการฝึกอบรมและพัฒนา ซึ่งควรกำหนดโปรแกรมหรือหลักสูตรการฝึกอบรมและพัฒนาตามระยะเวลาการทำงานของพนักงานนับตั้งแต่พนักงานเริ่มเข้ามาดำรงตำแหน่ง และหลังจากที่พนักงานดำรงตำแหน่งนั้นๆ ในช่วงระยะเวลา 1,2,3,4 และ 5 ปี ตามลำดับ โดยสามารถจัดแบ่งหลักสูตรหรือโปรแกรมเป็น 2 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
· หลักสูตรการฝึกอบรมและพัฒนาสำหรับระดับพนักงาน (Non Executive Level)
· หลักสูตรการฝึกอบรมและพัฒนาสำหรับผู้บริหาร (Executive Level) : จะแบ่งตามระดับของผู้บริหาร ได้แก่
1. หลักสูตรสำหรับผู้บริหารระดับต้น เช่น ตำแหน่งหัวหน้างาน หัวหน้าหน่วย หัวหน้าแผนกเป็นต้น
2. หลักสูตรสำหรับผู้บริหารระดับกลาง เช่น ตำแหน่งผู้จัดการฝ่าย ผู้จัดการอาวุโส เป็นต้น
3. หลักสูตรสำหรับผู้บริหารระดับสูง เช่น ตำแหน่งผู้อำนวยการ เป็นต้น
โดยทั่วไปหลักสูตรการอบรมและพัฒนาที่จัดให้กับระดับพนักงานและระดับผู้บริหารนั้นสามารถกำหนดเป็น 3 โปรแกรมหลัก เช่นเดียวกับการกำหนดโปรแกรมเพื่อจัดทำ Annual Training & Development Plan ดังนี้
1. โปรแกรมทั่วไป : สำหรับพนักงานทุกคน ทุกระดับตำแหน่งงาน
2. โปรแกรมด้านการบริหาร : สำหรับผู้บริหาร และพนักงานบางตำแหน่ง ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่ระดับผู้บริหารจะมี
โปรแกรมด้านการบริหารมากกว่าระดับพนักงาน
3. โปรแกรมด้านเทคนิค : จะแตกต่างกันไปตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต่างกัน
รายละเอียดของแต่ละโปรแกรมจะไม่ขอกล่าวถึง เนื่องจากได้กล่าวถึงไว้แล้วในช่วงของการจัดทำ Annual Training& Development
การจัดทำ Training & Development Road Map ของตำแหน่งงานควรกำหนดเป็นภาพใหญ่ หรือแผนแม่บท (Master Plan) ก่อน โดยระบุโปรแกรมหรือหลักสูตรของปีที่1 (ตั้งแต่เริ่มเข้างาน หรือเริ่มดำรงตำแหน่งงาน) และในปีถัดไปรวมเป็นระยะเวลา 5 ปีและเมื่อได้แผนแม่บทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้จัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี (Action Plan) ซึ่งเป็นแผนดำเนินการในรายละเอียดสำหรับการกำหนดโปแกรมหรือหลักสูตรที่กำหนดขึ้นไปใช้ปฏิบัติภายในองค์กร
ขอให้ท่านพิจารณาตัวอย่างการจัดทำ Training & Development Road Map ทั้งแผนแม่บท (Master Plan) และแผนปฏิบัติการประจำปี (Action Plan) ดังต่อไปนี้
ตัวอย่าง : การกำหนด Training & Development Road Map - แผนแม่บท (Master Plan)
3. การจัดทำแผนฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานรายบุคคล
การจัดทำแผนฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานรายบุคคล (Individual Training & Development Plan) จะถูกกำหนด Training & Development Road Map ของตำแหน่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นให้พิจารณาว่าพนักงานผู้นั้นดำรงตำแหน่งงานใด โดยให้ยึดถือ Road Map ของตำแหน่งงานที่ได้กำหนดขึ้น และหากกรณีที่พนักงานได้รับการเลื่อนตำแหน่ง (Promotion) และการโอนย้าย (Job Rotation) ก็จะยึดถือ Road Map ของตำแหน่งงานใหม่ที่ต้องรับผิดชอบต่อไป
ดังนั้นขั้นตอนการจัดทำแผนฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานบุคคลด้วย วิธีการ Training & Development Road Map จะไม่ยุ่งยากและซับซ้อนเหมือนกับการจัดทำแผนฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานรายบุคคลด้วยวิธีการจัดทำ Annual Training & Development Plan เพียงแต่ว่าจะให้กำหนดตำแหน่งงานของบุคคลนั้นให้ชัดเจนก่อนก็สามารถนำมาจัดทำ Training & Development Road Map ของพนักงานเป็นรายบุคคลได้
ตัวอย่างเช่น : นาย A เข้ามาทำงานในตำแหน่งพนักงานขาย ฝ่ายขายและตลาด ทั้งนี้การจัดทำ Training & Development Road Map ของ นาย A ให้ยึดตาม Training & Development Road Map ของพนักงานบุคคลที่ถูกกำหนดขึ้น
4. การดำเนินการและติดตามผลการฝึกอบรมและพัฒนา
ขอให้ผู้สนใจศึกษาและวิเคราะห์ขั้นตอนการดำเนินการและติดตามผลการฝึกอบรมและพัฒนาโดยวิธีการ Annual Training & Development Plan ซึ่งได้กล่าวไว้ข้างต้น เนื่องจากวิธีการจะไม่แตกต่างกัน
ข้อมูลอ้างอิง : หนังสือ Career Development in Practice
โดย : คุณอาภรณ์ ภู่วิทยพันธุ์