ากวิวาทะระหว่างกลุ่มของคุณนที ธีระโรจนพงษ์ กับกลุ่มที่นำโดยสมาคมฟ้าสีรุ้ง ซึ่งทั้งสองกลุ่มเคลื่อนไหวต่อสู่เพื่อศักดิ์ศรีของเพศที่สาม
บทความกฎหมาย บทความ : วิวาทะ ?ตัดลูกอัณฑะ? ภาพสะท้อนการต่อสู้สิทธิการเลือกเพศ อังคาร ที่ 8 เดือน เมษายน พ.ศ.2551 |
วัฒนะ วรรณ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เลี้ยวซ้าย พรรคแนวร่วมภาคประชาชน
จากวิวาทะระหว่างกลุ่มของคุณนที ธีระโรจนพงษ์ กับกลุ่มที่นำโดยสมาคมฟ้าสีรุ้ง ซึ่งทั้งสองกลุ่มเคลื่อนไหวต่อสู่เพื่อศักดิ์ศรีของเพศที่สาม (ผมขอใช้คำว่าเพศที่สามเรียกรวมสำหรับกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่เพศชายและหญิง แต่หากการใช้คำที่ของผมไม่ถูกต้องกรุณาแนะนำด้วย) เป็นเรื่องที่เราต้องสนับสนุน แต่ภายใต้ข้อถกเถียงนี้ มันสะท้อนอะไรบ้าง
ประเด็นแรกคือ ข้อเสนอของนทีที่เสนอให้เพศที่สามเรียบร้อย ไม่แสดงกริยา “วี้ดว้ายกระตู้วู้” ที่พวกอนุรักษ์นิยมชอบออกมาเสนอ ประเด็นที่สองคือ การตัดสินใจเลือกเพศของตนเอง และประเด็นสุดท้ายเรื่องความปลอดภัย
การที่คุณนที มองว่าการแสดงกริยา “วี้ดว้ายกระตู้วู้” นั้นเป็นเหตุผลหนึ่งที่สังคมไม่ยอมรับเพศที่สาม ถ้าจะเรียกร้องให้สังคมยอมรับเพศที่สามจึงจำเป็นต้องให้พวกเขาเรียบร้อย รู้กาลเทศะ อย่าทำอะไรขัดหูขัดตา ข้อเสนอเช่นนี้เป็นการโทษผู้ถูกกระทำมากกว่า ไม่ต่างจากที่พวกอนุรักษ์นิยมชอบนำเสนอกรณีหญิงถูกข่มขื่นว่าเหตุผลหนึ่งคือการแต่งตัวโป๊ของผู้หญิงเอง หรือกรณีของผู้ใช้แรงงานที่ออกมาเรียกร้องสิทธิแล้วถูกไล่ออกก็จะถูกมองจากบางคนว่า “ไม่เจียมตัว” เหล่านี้เป็นการโทษผู้ถูกกระทำทั้งสิ้น แทนที่จะโทษที่ต้นเหตุ
ก่อนอื่นต้องตั้งคำถามก่อนว่าคนในสังคมมีสิทธิที่จะแสดงออกซึ่งความบันเทิงของตนเองรึเปล่า คนจนในสังคมมีสิทธิที่จะดื่มเหล้าเพื่อพักผ่อนรึเปล่า (การดื่มเหล้าของคนจนไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับความรวยหรือความจน ดังเช่นสื่อโฆษณาเลิกเหล้าเลิกจนนำเสนอ) รวมถึงการแต่งตัวของวัยรุ่นเช่น สายเดี่ยว เอวลอย ซึ่งในยุคหนึ่งพวกอนุรักษ์นิยมได้ออกมาประณามยังกับคนพวกนี้ก่ออาชญากรรม
ว่ากันตามจริง มนุษย์ย่อมมีสิทธิในการเลือกรสนิยมของตนเอง สังคมไม่มีสิทธิไปประณาม แต่หลายครั้งพบว่าคนในสังคมแสดงออกในแง่ที่เป็นขบถต่อสังคมด้วย ซึ่งมักเกิดจากแรงกดดันจากสังคมที่ไม่ยอมรับเสรีภาพ
ในยุคหนึ่งของสังคมไทย พวกเสรีชนที่ชอบไว้ผมยาวใส่กางเกงยีนก็เป็นกลุ่มคนที่ไม่พอใจกับสังคมในยุคเผด็จการทหาร ยุคหนึ่งคนหนุ่มสาวที่ออกมาแสดงออกในรูปแบบแนวดนตรีพังก์ หรือสายเดี่ยวเอวลอยก็ล้วนแต่ไม่พอใจกับสังคมที่มันมีแต่การควบคุม การแสดงออกของเพศที่สามก็น่าจะเช่นเดียวกัน ดังนั้น การเสนอให้เพศที่สามเรียบร้อยนอกจากจะไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้เพื่อสิทธิของเพศที่สามแล้ว ยังเป็นสร้างแรงกดดันให้กับกลุ่มเพศที่สามและไปสนับสนุนแนวคิดของพวกอนุรักษ์นิยมอีกด้วย
ในเรื่องสิทธิในการเลือกเพศ ประเด็นนี้นักเคลื่อนไหวภาคประชาชนไม่ว่าจะเป็นส่วนใดก็ตาม ควรที่จะต้องชัดเจนว่ามันเป็นสิทธิและต้องร่วมมือกันสนับสนุน แต่สิทธิในการเลือกเพศนั้นจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการป่วยไข้ ไม่เกี่ยวข้องกับสังคมในการควบคุมร่างกายของเรา มันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในร่างกายตนเองที่สังคมไม่มีสิทธิในการเข้าไปควบคุม นอกเสียจากอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย การพูดเรื่องความปลอดภัยต้องไม่ไปเป็นข้ออ้างในการควบคุมคนในการเลือกเพศ ความปลอดภัยในที่นี้รัฐต้องจัดหาสถานบริการที่ปลอดภัยรวมถึงนักจิตวิทยาในการให้คำแนะนำในกระบวนการเลือกเพศ และต้องเป็นการให้บริการที่ไม่ควรมีค่าใช้จ่ายด้วย เพราะถือว่าเป็นรัฐสวัสดิการทางสังคมรูปแบบหนึ่ง
การควบคุม “การเลือกเพศ” เป็นเรื่องชนชั้นในระบบทุนนิยม การพยายามควบคุมคนในสังคมเป็นเรื่องปกติของสังคมที่มีความเป็นเผด็จการ สังคมไทยเองก็ยังมีความเป็นเผด็จการทุนนิยม นายทุนมีอำนาจมหาศาลผ่านสถาบันต่างๆ ทั้งทางการเมือง และทางสังคม
การควบคุมคนในสังคมก็เพื่อเป้าหมายหลักสำคัญคือการทำให้คนเชื่อง เพื่อง่ายต่อการหลอกลวง เพื่อง่ายต่อการขูดรีดมูลค่าส่วนเกินของสังคมไปเป็นของกรรมสิทธิ์ส่วนตน พร้อมกับการสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์และศีลธรรมของพวกเขาขึ้นมา ราวกับว่าเป็นสิ่งที่อยู่เช่นนี้ตลอดมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง เช่น ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม เพศที่มีอยู่สองเพศ ดินแดนที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ รัฐชาติที่ดูเหมือนจะมีเผ่าพันธุ์เดียว และอื่นๆ อีกมากมาย
การพยายามควบคุมคนในสังคมมันเกี่ยวข้องโดยตรงกับการสร้างสมการส่วนแบ่งผลผลิตภายใต้ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ที่ต้องมีนายทุนและแรงงาน ซึ่งใครๆ ก็รู้ว่าส่วนแบ่งแบบนี้มันไม่เคยยุติธรรม นายทุนที่เป็นคนส่วนน้อยของสังคมกับได้ส่วนแบ่งมากมายมหาศาล มากกว่าคนส่วนใหญ่ที่ใช้แรงงานสร้างผลผลิตเหล่านั้นขึ้นมา แต่ภายใต้ระบบเศรษฐกิจสังคมแบบเสรีนิยม จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างรูปแบบการควบคุมคนแบบต่างๆ ขึ้นมา แต่มันเป็นเรื่องตอแหลทั้งหมด
การควบคุมคนในเรื่องต่างๆ เช่นนี้ไม่กระทบกับคนรวยเลย คนรวยสามารถไปทำแท้งที่ปลอดภัยได้ในที่ต่างๆ ทั่วโลก แต่คนจนต้องรับสภาพทำแท้งตามคลินิกที่ไม่ปลอดภัย คนที่เป็นกะเทย เป็นเกย์และเพศอื่นๆ ที่เป็นคนชนชั้นสูงได้รับเกียรติและหน้าตาทางสังคม จนไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง แต่สำหรับคนจนที่เป็นเพศที่สามมักจะถูกดูถูก ตำนิ หรือถูกกดดันจากสังคมมหาศาล ซึ่งเป็นภาพสะท้อนว่าการควบคุมคนในสังคมนั้นมุ่งไปที่การควบคุมคนจนคนชั้นล่างเป็นหลัก มันเป็นเรื่องชนชั้น มันเป็นการต่อสู้ระหว่างคนจนชนชั้นล่างกับคนชนชั้นสูง
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจึงมีความชอบธรรมและมีเหตุผลที่องค์กรประชาชน นักศึกษา สหภาพแรงงาน จะต้องออกมาปกป้องคนที่ออกมาต่อสู้เพื่อสิทธิในการเลือกเพศของตนเอง เพราะมันเป็นการต่อสู้ของเราทั้งหมด เป็นการต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกันของตนในสังคมโดยร่วม และการต่อสู้แบบนี้เป็นการต่อสู้เพื่อสิทธิเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มิใช่เป็นการต่อสู้เพื่อต้องการความเห็นใจแบบสังคมสงเคราะห์ โดย : ประชาไท |