แฟนพันธุ์แท้หรือผู้ที่ชื่นชอบ BMW คงจะยังจงจดจำการออกแบบที่น่าประทับใจของสปอร์ตคูเป้ซีรีย์ 8 เมื่อครั้งอดีตได้เป็นอย่างดี วันนี้ดีไซน์ของ 325 Coupe น่าจะทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าแนวทางการออกแบบจะไม่แบนราบเหมือนอย่างในอดีต แต่ด้วยเส้นสายสมัยใหม่ที่ประกอบขึ้นเป็น Coupe คันนี้ ก็ทำให้เกิดความประทับใจได้ไม่ยาก และดูลงตัวกว่า Coupe ร่วมค่ายรุ่นพี่เสียอีก
ด้วยการดีไซน์ที่เฉียบคมของรถรุ่นนี้ เรียกได้ว่าน่าจะกลายมาเป็นแนวทางในการออกแบบ BMW แบบที่ควรจะเป็นเสียที เพราะในช่วงหลังๆ การดีไซน์ออกจะดูแปลกตาและฉีกแนว จนบางครั้งทำให้ BMW บางรุ่นกลายเป็นรถที่น่าขบขันเสียมากกว่าชวนมอง และเหตุผลเดียวกันนี้ทำให้รถยนต์รุ่นยอดนิยมอย่างซีรียส์ 3 ต้องพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่งไปอย่างน่าเสียดาย
Coupe คันนี้มีไฟหน้าหรือดวงตาที่โฉบเฉี่ยว ทำให้รู้สึกถึงความคมคาย แตกต่างจากบางรุ่นของ BMW ที่มักจะดีไซน์ไฟหน้าให้เฉียงลงคล้ายคนตาตกหรือกำลังเศร้า ดูแล้วรู้สึกไม่กระปรี้กระเป่า (แต่จะมาแก้ไขอีกครั้งตอนไมเนอร์เชนจ์ที่จะทำให้ไฟหน้าดูดีขึ้น) ส่วนเส้นสายตลอดทั้งคันดูลงตัว และกลมกลืนไปจนถึงรูปแบบของด้านท้ายที่ชวนมอง เมื่อประกอบกับตัวถังสีขาวสะอาดตัดกับสีแดงสดของไฟท้ายด้วยแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเมื่ออยู่บนท้องถนนจึงรู้สึกโดดเด่นแบบไม่รู้ตัว
การเปิดประตูรถทำได้อย่างง่ายๆ เพียงมีกุญแจรถติดอยู่กับตัวและแตะที่มือจับประตูเท่านั้น เซ็นทรัลล็อคก็พร้อมที่จะอนุญาตให้คุณเข้าไปนั่งได้ทันที นอกจากนี้เมื่อเปิดประตูกระจกหน้าต่างจะลดลงนิดหน่อย ก่อนที่จะเลื่อนชิดกับขอบหลังคาด้านบนเมื่อปิดประตู ส่วนการสตาร์ทนั้นก็ต้องทำการเหยียบแป้นเบรกก่อนแล้วจึงกดปุ่ม เสียงเครื่องยนต์ครางเบาๆ พร้อมกับมี “แขนพิเศษ” ที่จะยื่นเข็มขัดนิรภัยมาให้คาด โดยที่ไม่ต้องเอี้ยวตัวไปดึงให้เสียบุคลิก เมื่อหยิบเข็มขัดมาคาดแขนจะดึงตัวเองกลับอัตโนมัติ แต่หากไม่คาดก็จะดึงกลับเช่นกันแต่จะมาพร้อมกับเสียงเตือนอยู่ตลอดเวลา
ตามประสาของรถหรูหราราคาแพงโดยเฉพาะเมื่อเป็นรถยุโรปด้วยแล้ว วัสดุที่ใช้ย่อมไม่ธรรมดา เบาะหนังแท้สีแดงสด Dakota นอกจากจะสวยแล้วยังโอบกระชับพอดีกับแผ่นหลัง รวมถึงความยาวของเบาะสามารถรองรับต้นขาได้อย่างดีเยี่ยมแถมยังปรับด้วยไฟฟ้า จนการันตีได้ว่างานนี้ไม่เกิดอาการเมื่อยล้าก่อนถึงเส้นชัยอย่างแน่นอน แม้จะเป็นรถคูเป้ แต่สำหรับเบาะนั่งด้านหลังแล้วไม่คับแคบแต่อย่างใด ซึ่งผู้โดยสารที่ร่วมทางไปด้วยนั้นถึงกับเอ่ยปากว่านั่งสบายกว่ารถคอมแพ็คชื่อดังของญี่ปุ่นเสียอีก แถมยังมีแอร์ส่วนตัวของใครของมันอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้สบายกันทุกที่นั่ง
สวนคอนโซลหน้าออกแบบได้ค่อนข้างจะล้ำสมัยและสามารถใช้งานได้ง่าย วัสดุต่างๆ ล้วนแล้วแต่คัดสรรมาแต่เกรด A ทั้งสิ้น พวงมาลัยหุ้มหนังจับกระชับมือมาพร้อมการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชัน แต่ในส่วนของปุ่มควบคุมอัจฉริยะหรือ i- Drive ยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจสักหน่อย
การทดสอบ 325 คันนี้ เราเลือกที่จะไปสัมผัสอาการเย็นๆ ของฤดูหนาวกันที่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยจุดหมายสิ้นสุดที่สะพานมอญ สะพานไม้ชื่อดังที่สร้างข้ามแม่น้ำซองกาเลียที่ไหลมาจากพม่า ซึ่งเส้นทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีไปจนถึงสะพานมอญนั้นก็มีทางหลายรูปแบบให้ได้ทดลองกัน ไม่ว่าจะเป็นทางตรงยาวๆ ทางโค้ง ทั้งโค้งธรรมดาและโค้งแคบๆ ซึ่งน่าจะสามารถเก็บสมรรถนะมาฝากกันได้อย่างเต็มอิ่ม
เครื่องยนต์ 6 สูบ 24 วาล์ว มาพร้อมระบบ VALVETRONIC และ Double-VANOS ขนาด 2,497 ซีซี มีม้ายุโรปมาให้ใช้กัน 218 ตัว ที่ 6,500 รอบต่อนาที ไม่ต้องพึ่งระบบอัดอากาศใดๆ ก็สร้างอัตราเร่งขั้นเทพที่ 0-100กิโลเมตร/ชั่วโมงเพียง 7.6 วินาที แต่สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับการออกตัวแข่งกับมอเตอร์ไซค์คงต้องทำใจสักหน่อยเพราะอัตราเร่งตอนออกตัวนั้นค่อนข้างเอื่อยไปสักนิด ก่อนจะสนุกเมื่อเข้าสู่แรงบิดแบบเต็มๆ 250 นิวตันเมตรที่ 2,750 ยาวไปจนถึง 4,000 รอบต่อนาที
การเร่งแซงแบบธรรมดาเป็นไปแบบนุ่มๆ แต่หนักแน่น เพียงกดคันเร่งเพิ่ม พลังที่ซ่อนอยู่ในตัวก็แสดงอิทธิฤทธิ์ให้ได้เห็นถึงความแข็งแรงของม้ายุโรปที่ขยันทำงานกันอย่างเต็มที่และไม่ต้องกลัวว่าจะหดหาย หรือหากไม่ทันใจต้องการแซงแบบม้วนเดียวจบก็เพียงแค่คิกดาวน์เท่านั้น รับรองว่าที่ผู้ขับและผู้โดยสารมีอาการหลังติดเบาะได้อย่างไม่ยากเย็น และถึงแม้ต้องเปลี่ยนเลนหรือหักเข้าเลนกะทันหันในขณะที่ความเร็วยังสูงอยู่ ก็ไม่ได้น่าหวาดเสียวแต่อย่างใด เพราะความรู้สึกของตัวรถยังไม่วอกแวกและมั่นคงมั่นใจได้
หากลองขับในเส้นทางตรงๆ ยาวๆ แล้วกดกันถึงความเร็วที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ช่วงล่างยังสร้างความรู้สึกมั่นใจได้มาก ไม่เครียด และต้องหวั่นวิตกแต่อย่างใด เสียอย่างเดียวที่น้ำหนักของพวงมาลัยไม่ค่อยจะสัมพันธ์กับความเร็วเท่าใดนัก ทำให้ถ้าเร็วกว่านี้คงต้องระมัดระวังกันหน่อย เช่นเดียวกับตอนเข้าโค้งที่ช่วงล่างยังคงทำงานได้ดีแต่น้ำหนักพวงมาลัยก็เบาเกินกว่าที่จะเข้ากันแบบมันๆ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับผู้ที่ชอบขับแบบชิว ชิว กินลมชมวิวไปเรื่อย เพราะสมรรถนะโดยรวมยังถือว่าโดดเด่นและมีระบบเบรคที่ดีเยี่ยม
สายลมเย็นๆ ของฤดูหนาวทำให้การเดินทางในยามเช้าครั้งนี้ไม่ต้องพึ่งพาระบบแอร์อัตโนมัติแต่อย่างใด เพียงเปิดซันรูฟด้านบนก็สูดอากาศธรรมชาติได้อย่างเต็มอิ่ม และเพลิดเพลินด้วยการเดินทางด้วยเครื่องเสียงชั้นดีด้วยซีดีเชนเจอร์ 6 แผ่น พร้อมระบบลำโพงไฮไฟในตัว ที่ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนอีก หากเป็นนักฟังธรรมดาที่ไม่ใช่พวกหูเทพ เพียงเท่านี้ 325 Coupe ก็สร้างความสุนทรีย์ในการเดินทางให้คุณได้อย่างเต็มที่
แม้ในช่วงเดินทางกลับจะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แต่ความมืดที่คืบคลานเข้ามาก็ไม่ได้สร้างปัญหาในการเดินทางแต่อย่างใด เพราะไฟหน้ารถที่เป็นแบบ Bi-Xenon สามารถให้ความสว่างได้แบบหายห่วง และโรแมนติกด้วยไฟส่องภายในที่ซ่อนอยู่ตามจุดต่างๆ ที่จะสว่างขึ้นเมื่อเปิดไฟหน้า ช่วยให้ภายในสีแดงสดนี้ดูสดใสขึ้นในยามค่ำคืน และทำให้การเดินทางที่รอบข้างมีแต่ความมืดดูมีชีวิตชีวาขึ้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ประทับใจและไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลยคือระบบควบคุมการจอด ที่จะแสดงเป็นรูปตัวรถบนจอมอนิเตอร์เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง โดยสามารถแสดงได้ว่าการจอดในครั้งนี้ปลอดภัย (สีเขียว) หรือกำลังอยู่ในจุดอันตราย (สีแดง) พร้อมเสียงเตือนเมื่อเข้าใกล้กับสิ่งกีดขวางทั้ง 4 มุมของตัวรถ ทำให้งานนี้ยิ่งสบายไปกันใหญ่
ส่วนทางด้านการจิบน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ตามโฆษณาทางทีวีที่ว่า BMW รุ่นใหม่นั้นพัฒนาให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ซึ่งจากการทดสอบในครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า วันนี้การขับสนุกไม่จำเป็นต้องสวนทางกับการประหยัดอีกต่อไป
4,900,000 บาท แลกกับ BMW 325i Coupe SE คันนี้ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกสปอร์ตคูเป้สักคัน เพื่อเป็นของขวัญให้รางวัลกับตัวเอง เพราะสิ่งที่จะได้รับนอกเหนือไปจากสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมตามแบบฉบับ BMW แล้ว ยังแถมมาด้วยสุนทรีย์ทางอารมณ์ในการขับขี่ ความสะดวกสบายและปัจจัยอื่นๆ ที่เจ้าของจะได้รับ โดยเฉพาะเมื่อต่อท้ายด้วย SE ด้วยแล้ว ออปชันต่างๆ จึงมีประเคนมาให้ใช้กันอย่างเพลิดเพลิน แล้วอย่างนี้จะหันไปหาคูเป้คันอื่นให้เสียเวลาทำไม...
ช่างภาพ : ธงรบ พรหมฉิน