กระบวนการพัฒนางานวิจัยด้านเด็กและเยาวชน: จุดพลังการเปลี่ยนแปลง สถาบันรามจิตติ | การวิจัยเป็นการสร้างพลังปัญญาเพื่อการพัฒนาสังคมไปสู่ความเข้มแข็งมั่นคง ในกระบวนการสร้างพลังปัญญาเพื่อพัฒนาสังคมนี้ การสนับสนุนการวิจัยจำเป็นต้องมองให้เห็นถึงมิติต่างๆ ของ “พลัง” ดังกล่าว เพื่อให้แน่ใจว่าการวิจัยที่เกิดขึ้นจะมีคุณลักษณะและถูกออกแบบให้เป็นจุดกำเนิดของ “พลัง” ทางปัญญาอย่างแท้จริง ในส่วนของเครือข่ายวิจัยด้านเด็กและเยาวชนและการศึกษาของ สกว. ขอเสนอมุมมองหรือกระบวนทัศน์ในการส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดงานวิจัยหรือการออกแบบงานวิจัยลักษณะต่าง ๆ ที่เชื่อว่าจะเป็น “พลัง” ในการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะในมิติของการพัฒนาเด็กและเยาวชน ดังนี้ 1) กระบวนวิจัยเพื่อ “รู้เท่า” ได้แก่ งานวิจัยเชิงเฝ้าระวังทางสังคม (Social Watch) ซึ่งค่อนข้างเน้นงานวิจัยเชิงสำรวจลักษณะต่างๆ ที่มีจุดมุ่งหมายให้สังคมมีระบบและฐานข้อมูลในการติดตามสภาวการณ์เด็ก และเยาวชนอย่างต่อเนื่อง อันจะเป็นฐานในการตัดสินใจแก้ปัญหา หรือพัฒนาเด็กและเยาวชนในด้านต่างๆ ต่อไป 2) กระบวนวิจัยเพื่อ “ก้าวทัน” ได้แก่ งานวิจัยในลักษณะที่เป็นงานวิจัยและพัฒนา (R&D) หรืองานวิจัยและขับเคลื่อน (Research & Movement) ดังตัวอย่างโครงการ Child Watch หรือโครงการติดตามสภาวการณ์เด็กและเยาวชนรายจังหวัด ซึ่งนอกจากจะเป็นงานวิจัยเชิงเฝ้าระวังแล้ว ยังถูกออกแบบให้มีมิติของ การขับเคลื่อน เช่น การนำข้อมูลไปผลักดันยุทธศาสตร์เมืองน่าอยู่สำหรับเด็ก ทั้งในระดับจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาลต่างๆ ตลอดจนการใช้ข้อมูลจากโครงการไปขับเคลื่อนมาตรการระดับชาติผ่านเวทีนโยบายร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น การใช้ข้อมูลพฤติกรรมการพนันของเยาวชนสกัดกั้น พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลในปี 2549 การใช้ข้อมูลพฤติกรรมการติดสื่อโทรทัศน์ของเยาวชนในการร่วมผลักดันระบบเรตติ้งรายการโทรทัศน์ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเด็กและเยาวชน เช่น โครงการ “บ้านหลังเรียน” เป็นต้น 3) กระบวนวิจัยเพื่อ “สร้างปัญญา” ได้แก่ การใช้กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการเรียนรู้ของบุคคลและองค์กร นำไปสู่วัฒนธรรมการเรียนรู้และรับข่าวสารข้อมูลที่จะช่วยบุคคลและองค์กรให้มีพลังทางปัญญาความคิดในการเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายเยาวชน ได้แก่ โครงการเครือข่ายวิจัยปริญญาตรี (UR-Net) โครงการให้ทุนสนับสนุนโครงงานอุตสาหกรรมสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี (IRPUS) โครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น นอกจากนี้การเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ที่เป็นภาคีของ สกว. ได้มีการพัฒนาและใช้ประโยชน์การวิจัย อย่างเช่น กรณีการสำรวจสภาวการณ์ทางวัฒนธรรม ของกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับโครงการ Child Watch ของ สกว. การเข้าไปร่วมพัฒนาระบบเฝ้าระวังทางสังคมร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ล้วนเป็นตัวอย่างกระบวนวิจัยเพื่อ “สร้างปัญญา” ที่ยั่งยืนในระดับองค์กร ที่หวังให้เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนงานขององค์กรนั้นๆ ต่อไป |