ความจริง...ความเท็จ


707 ผู้ชม


ความจริง...ความเท็จ

kanjanida (11,390 views) first post: Fri 21 May 2010 last update: Fri 21 May 2010

"จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม บางครั้งหลายๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็มีสาเหตุมาจากเพียงแค่เรื่องของการพูด ความจริง กับ ความเท็จ"


หน้าที่ 1 - ความจริง...ความเท็จ


ความจริง...ความเท็จ


ความจริง...ความเท็จ


ขณะที่นั่งดูความเป็นไปของเหตุการณ์ทางการเมืองที่ต่างฝ่ายมักอ้างในสิ่งที่พูดออกมาว่า เป็น “ความจริง” ที่อีกฝ่ายไม่เคยกล่าวถึงนั้น ชายหนุ่มก็คิดไปว่า บางครั้ง “ความจริง” ที่ถูกอ้างถึงกันจนเฝือ แท้จริงแล้วก็ไม่ต่างอะไรจาก “ความเท็จ”


เขาค้นพบว่า เรื่องบางเรื่องที่ผู้พูดกล่าวอ้างว่าเป็นความจริงที่มิเคยมีใครกล้าพูดนั้น กลับเป็น “ความจริงครึ่งเดียว” ที่ผู้พูดเลือกที่จะเล่าแต่ในส่วนที่ต้องการเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจ “ความจริง” ในแบบที่ผู้พูดต้องการ และเลือกที่จะเก็บงำความจริงอีกครึ่งเอาไว้


เพราะหากเล่าออกมาหมด ผู้ฟังก็อาจปะติดปะต่อเรื่องราวจนเห็น “ความจริง” ที่ “จริงแท้” หรือไม่ ก็ใคร่ครวญไตร่ตรองเรื่องเหล่านั้นจนเกิดความเข้าใจผิดแผกไปจากที่ผู้เล่าต้องการจะให้เข้าใจ


จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม บางครั้งหลายๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็มีสาเหตุมาจากเพียงแค่เรื่องของการพูด “ความจริง” กับ “ความเท็จ”


เด็กหนุ่มบางคนบอกถึงเหตุผลที่เขาเลือกโกหกคนรักเพียงเพื่อต้องการไปเที่ยวกับเพื่อนให้พี่ชายฟังว่า แฟนไม่ชอบเพื่อนกลุ่มนี้ เลยต้องโกหกเมื่อต้องไปกับเพื่อน เพราะไม่อยากให้แฟนไม่สบายใจ


สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ต้องมีปากเสียงกับคนรักเมื่อเธอจับได้ว่าเขาโกหก


พี่บอกกับน้องว่า เราอาจเคยได้ยินว่า การโกหกบางครั้งก็เป็นเรื่องที่ดี ทำให้หลีกเลี่ยงอะไรต่อมิอะไรที่ยุ่งยากตามมาได้ แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วการโกหกนั้นกลับเป็นการเพิ่มความยุ่งยากมากกว่าเดิมเมื่อเรื่องเดินมาสุดปลายทาง


อาจสบายใจในช่วงต้น แต่สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฏออกมา ความวุ่นวายก็ย่อมมาเยือนอยู่ดี


พี่เล่าถึงคำสอนที่เคยได้ฟังจากครูบาอาจารย์ว่า “การพูดปดเป็นทางเสื่อม เสื่อมทั้งชีวิตตัวเองและผู้อื่น ในศีล 5 จึงมีบัญญัติไว้อย่างชัดเจน พระพุทธ องค์ท่านแสดงไว้เป็นพุทธวจนะว่า ผู้กล่าวคำเท็จอยู่ จะไม่ทำความผิดอื่นเป็นไม่มี”


ท่านว่า ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ผิดกับการโกหกที่เราสร้างเรื่องหรือบิดเบือนเพื่อปิดบังความจริง แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าช้าหรือเร็วกำแพงแห่งความเท็จย่อมพังทลายไป และเผยให้เห็นถึงความจริงที่อยู่เบื้องหลัง


เมื่อได้ยินเรื่องราวที่เป็น “ความจริงครึ่งเดียว” หรือ “ความจริงตามใจผู้พูด” ชายหนุ่มจึงมักนึกถึง “เจค็อบ” ชายทำขนมปังผู้มากด้วยปัญญา ในเรื่องเล่าสุดคลาสสิกของ โนอาร์ เบนชี อยู่เสมอ


วันหนึ่งขณะที่ เจค็อบ กำลังขายขนมปังของเขาอยู่ ก็มีชายวัยกลางคนเข้ามาท้าเจค็อบให้ตอบคำถามของเขาว่า


“เพราะข้าไปโกหกเรื่องคนอื่นเข้า ใครๆ ในหมู่บ้านนี้ก็เลยพากันเรียกข้าว่า หัวขโมย ท่านว่าข้าสมควรที่จะถูกลงโทษแบบเดียวกับหัวขโมยอย่างนั้นเหรอ”


“ไม่หรอก” เจค็อบตอบแบบแทบจะไม่ใส่ใจเลย


“ก็นั่นนะซิ ข้าก็บอกพวกเขาอย่างนั้นแหละ” ชายผู้นั้นพูดพร้อมกับชูนิ้วแม่โป้งให้ฝูงชนที่อยู่ข้างหลังตน


“โทษของท่านควรจะหนักกว่านั้น” คำพูดของเจค็อบทำให้ผู้ถามถึงกับผงะ


เขาพรั่งพรูคำสบถออกมาไม่หยุดยั้ง แต่เจค็อบก็ยังพูดต่อไป


“มันเป็นอย่างนี้ หัวขโมยอาจจะถูกบังคับให้เอาของที่ขโมยไปมาคืนได้ แต่เมื่อท่านพูดโกหก คนที่อยู่รายรอบไม่อาจจะถูกบังคับให้นำสิ่งที่ได้ยินมาคืนได้ เหมือนกับที่เราก็ไม่อาจนำสิ่งที่เราเห็นมาคืนได้ ฉันใดฉันนั้น”


“แต่ข้าไม่ได้พูดโกหกกับทุกคนนี่”


“ในเมล็ดพันธุ์แห่งการกล่าวเท็จ” เจค็อบ พูด “ก็คือป่าไม้แห่งความหลอกลวง ร่มเงาของมันแผ่คลุมไปถึงแม้กระทั่งผู้คนที่ไม่ได้ยินคำพูดอันไม่จริงนั้น” (การเดินทางของเจค็อบ : สำนักพิมพ์คบไฟ)


“จริงอย่างที่เจค็อบว่า” ชายหนุ่มนึกในใจ เมื่อใดก็ตามที่พูดสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกไปให้คนอื่นฟัง เราก็ไม่สามารถไปทวงสิ่งที่เขาได้ยินจากเราไปแล้วคืนมาได้


ที่สำคัญหากคำพูดเหล่านั้นเป็นความจริงครึ่งเดียว หรือความจริงที่เล่าไม่หมด หรือไม่ก็เป็นเรื่องเท็จที่แต่งกันขึ้นมาล้วนๆ ก็ยิ่งสร้างผลกระทบในวงกว้างเช่นเดียวกับที่เจค็อบกล่าวเอาไว้ว่า ร่มเงาของป่าไม้แห่งความหลอกลวงนั้น ได้แผ่คลุมไปถึงแม้กระทั่งผู้ที่ไม่ได้|ยินคำพูดอันไม่จริง


หลายครั้งที่เรามักจะพบว่า ใครบางคนมีความเชื่อในเรื่องบางอย่างชนิดสุดโต่ง ทั้งที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแท้จริงแล้วเรื่องเหล่านั้นมีความเป็นมาอย่างไร เพียงแต่ที่เชื่อเช่นนี้ก็เพราะ “ได้ยินมา” หรือไม่ก็ “ฟังเขาเล่ามา” อีกที บ่อยเข้าๆ ก็กลายเป็นความเชื่อฝังหัว
สิ่งที่ปรากฏให้เห็นผ่านข่าวสารในแต่ละวันในขณะนี้ก็ประจักษ์ชัดว่า เงาทะมึนของป่าไม้แห่งความหลอกลวงที่แผ่ขยายไปถึงผู้ที่ไม่ได้ยินคำพูดอันไม่จริงนั้น ได้ทำให้หน่อเนื้อแห่งปัญหาแตกยอดตามมามากมาย


สังคมกำลังลุกเป็นไฟเพียงเพราะความจริงครึ่งเดียวที่หลุดจากปากของคนไม่กี่คน...


ในห้วงเวลาที่ “ความเท็จ” กลายเป็นเครื่องมือของใครหลายคนที่ใช้ทำทุกวิถีทางเพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง โดยไม่สนใจว่าผลพวงที่เกิดขึ้นจากความเท็จเหล่านั้นจะแผ่ขยายกว้างขวางออกไปเพียงใด


สิ่งที่เราต้องทำอาจเป็นเพียงแค่การพยายามฟังและการค้นหาเพื่อให้เข้าใจถึงความจริงแท้ที่บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่ตรงกับที่ใจคิด เพื่อที่อย่างน้อยสายตาของเราก็จะได้ไม่ถูกบดบังด้วยความเท็จ และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อให้เราไม่เลือกพูดความจริงอย่างที่เราอยากได้ยิน จนกลายเป็นการหลอกตัวเองเข้าโดยไม่รู้ตัว


ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 

อัพเดทล่าสุด