น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ( Gasohol )
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ( Gasohol )
แก๊สโซฮอล์ คืออะไร
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ คือ น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่ได้จากการผสมระหว่างน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว ออกเทน 91 กับเอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 99.5 โดยปริมาตรในอัตราส่วน 9 : 1 หรือ น้ำมันเบนซินร้อยละ 90 และเอทานอลร้อยละ 10 โดยปริมาตร
สมบัติของน้ำมันแก๊สโซฮอล์
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีค่าออกเทน 95 (สีส้ม) มีคุณลักษณะทางเคมีและกายภาพเป็นไปตามข้อกำหนด ลักษณะและคุณภาพของกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน สามารถใช้กับรถยนต์ทุกรุ่นตามที่ผู้ผลิตแนะนำโดยไม่ต้องปรับแต่งเครื่องยนต์ แต่โดยทั่วไปสามารถใช้ได้กับรถยนต์ ที่ระบบเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด ไม่แนะนำให้ใช้กับรถยนต์รุ่นเก่าที่มีระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบคาร์บูเรเตอร์ น้ำมันแก๊สโซฮอล์มีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ข้อกำหนด ได้แก่
1.มีค่าออกเทนไม่ต่ำกว่า 95.0 ค่าออกเทนของน้ำมันเบนซินจะบ่งถึงคุณภาพในการต้านทานการน๊อก หรือความสามารถของน้ำมันเบนซินที่จะเผาไหม้โดยปราศจากการน๊อกในเครื่องยนต์
2.มีค่าความดันไอ ณ อุณหภูมิ 37.80 ซ. ไม่สูงกว่า62 กิโลปาสคาล (kPa) ค่าความดันไอคุณลักษณะอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความสามารถในการระเหยและการเกิดฟองอากาศในระบบจ่ายเชื้อเพลิง ซึ่งจะมีผลต่อการสตาร์ทเครื่องยนต์
3.มีคุณภาพเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ทุกประการโดยไม่มีความแต่กต่างในเชิงสมบัติของน้ำมัน ยกเว้นสารเพิ่มค่าออกเทนที่กำหนดให้มีการเติมในน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 95 ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้สาร MTBE ( Methyl Tertiary – Butyl Ether ) แต่ในน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เอทานอลจะทำหน้าที่เป็นสารเพิ่มค่าออกเทนโดยยังคงมีสมบัติการใช้งานกับเครื่องยนต์เหมือนกับน้ำมันเบนซิน 95 ทุกอย่าง
* รถยนต์สามารถเติมน้ำแก๊สโซฮอล์ผสมกับน้ำมันที่เหลืออยู่ในถังได้เลยโดยไม่ต้องรอให้น้ำมันในถังหมดและผู้ใช้รถไม่ต้องดำเนินการปรับแต่งเครื่องยนต์แต่อย่างใด เพราะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อรถยนต์ และมีสมบัติการใช้งานที่ทำให้เกิดการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์
ข้อดีของการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์
ผลดีต่อเครื่องยนต์
- การเผาไหม้สมบูรณ์กว่า เมื่อเทียบกับการ ใช้น้ำมันเบนซินออกเทน 95
- ไม่มีผลกระทบต่าสมรรถนะการใช้งานและอัตราการเร่งดีกว่าหรือไม่แตกต่างจากน้ำมันเบนซิน ออกเทน 95
- ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการปรับแต่งเครื่องยนต์
- สามารถเติมผสมกับน้ำมันที่เหลืออยู่ในถังได้เลย โดยไม่ต้องรอให้น้ำมันในถังหมด
ผลดีต่อประเทศ
- ช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ลดการขาดดุลทางการค้า
- ใช้ประโยชน์จากพืชผลทางการเกษตรสูงสุด และยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร
- ช่วยลดมลพิษไอเสียทางอากาศ และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยสามารถลดปริมาณไฮโดรคาร์บอนและคาร์บอนมอนอกไซด์เฉลี่ยร้อยละ 20-25 ทำให้ปัญหาด้านสุขภาพของประชาชนลดลง
- ทำให้เกิดการลงทุนที่หลากหลายทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม