ลูกผู้ชาย ก็ร้องไห้ได้!
ขอขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของ
สสส. และ วิชาการดอทคอม
ที่มา www.thaihealth.or.th
ขึ้นชื่อว่า “ลูกผู้ชาย” น้อย ครั้งที่จะเสียน้ำตา เพราะได้ชื่อว่าเป็นเพศเข้มแข็ง ย่อมไม่ให้ใครเห็นน้ำตาของพวกเขาได้ง่ายๆ แต่หากวันใดเกิดเหตุต้องมีน้ำใสๆ ออกมาจากตาเรื่องนั้นที่อยู่ในใจ คงสุดที่จะอดทนอดกลั้นได้ต่อไป
เพื่อนๆ คงสังเกตเห็นหรือรับรู้ได้...หากบ้านใครมีลูกชายมักจะถูกผู้ใหญ่ปลูกฝังด้วยคำสอนที่ว่า “น้ำตาผู้ชายเป็นของหาอยาก” หรือ “เกิดเป็นชายอย่าเสียน้ำตาให้ใครง่ายๆ” หรือแม้แต่ “แม่ไม่ตาย ห้ามร้องไห้” คำสอนเหล่านี้!!ตีกรอบทางความคิดของลูกผู้ชาย จะร้องไห้ได้ก็ต่อเมื่อคนที่รักสิ้นลมหายใจ
เมื่อขนบธรรมเนียมและความเชื่อที่ว่า...ลูกผู้ชายคือเพศที่เข้มแข็ง ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมองการร้องไห้เป็นเครื่องหมายของความอ่อนแอที่ ผู้ชายไม่ควรมี ตรงข้ามกลับมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่มองว่าเป็น “ผู้หญิงเจ้าน้ำตา” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว “น้ำตา” ไม่ ใช่เครื่องหมายแห่งความทุกข์หรือความขี้ขลาด เมื่อใดก็ตามที่เรามีความสุข สมหวัง อิ่มเอมใจ ก็ทำให้น้ำตารินไหลปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกในจิตใจออกมาไม่ต่างกัน
สอดคล้องกับ ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ที่ปรึกษาโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้อธิบายเรื่องนี้ว่า เวลาคนเราเกิดอารมณ์ดีใจ เสียใจ เศร้าใจ หรือ รู้สึกปลื้มปิติ น้ำตาก็จะไหลออกมา เนื่องจากส่วนของสมองที่ควบคุมอารมณ์ อยู่ที่บริเวณใต้ตาพอดี สมองส่วนนี้จะทำหน้าที่หลีกเลี่ยงความทุกข์ ต้องการที่จะปลดปล่อยความทุกข์ และต้องการความสุข ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะสุขหรือเสียงใจเพียงใด ย่อมกระตุ้นให้น้ำตาไหลออกมาได้ผู้ชายร้องไห้คลายเครียดใช่เรื่องขี้คลาด
หนุ่มๆ ร้องไห้ใครว่าไม่แมน ในมุมกลับกันมันคือความกล้า กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตนเอง ทั้งยังช่วยลดความเครียดจากร่างกายได้อย่างดี จากผลวิจัยของ Ramsey Dry Eye and Tear Research Center พบว่า เมื่อเราร้องไห้ ร่างกายจะขจัดฮอร์โมนความเครียดส่วนเกิน อาทิ ฮอร์โมนโพรแลกติน (prolactin) ด้วย เหตุนี้การร้องไห้จึงไม่ใช่เรื่องน่าอายหรืออะไรทั้งสิ้น แต่ช่วยบำบัดจิตใจภายในด้วยตัวมันเอง ฉะนั้นแล้วจะเป็นไรไปถ้าผู้ชายจะเสียใจเสียน้ำตา อารมณ์ความอ่อนไหวฝืนไปย่อมบั่นทอนสุขภาพ ผู้หญิงยังเจ็บได้ร้องไห้เป็นแล้วทำไมผู้ชายจะรู้สึกแบบนั้นบ้างผิดด้วยหรือ?เลี้ยงดูตามคาดหวังตอกย้ำให้เข้มแข็งจริงหรือ?
ว่ากันว่า “ผู้ชายต้องเข้มแข็ง” อ่อน แอขี้แยไม่ได้ เค้าเรียกว่าขี้แพ้ ความคาดหวังของสังคมเหล่านี้ กลายเป็นสิ่งปิดกั้นผู้ชายแสดงความอ่อนโยนจนกระทั่งกลายเป็นเรื่องน่าอาย พร้อมทำร้ายผู้ชายให้เรียนรู้แต่วิธีแสดงออกในทางก้าวร้าวด้วยเข้าใจไปว่า นั่นคือลูกผู้ชายตัวจริงที่แมนเกินร้อย คราใดถูกเพื่อนรังแกความเก็บกดบวกคำสอนและการยอมรับจากเพื่อฝูง กระตุ้นให้ต้องโต้ตอบกลับด้วยความรุนแรงใช้กำลังตัดสินปัญหาไม่อย่างนั้นไม่ สมศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
จะโทษเด็กเป็นตัวปัญหาคงไม่ใช่เมื่อปัจจัยการเลี้ยงดูและความคาดหวังผิดๆ ของสังคมบีบทางเดินชีวิตแม้จะเจ็บหรือทุกสักเพียงใดอย่าร้องไห้ง่ายๆ ต้องข่มน้ำตาไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ใครจะรู้ความรู้สึกเก็บกดนั้นไม่ได้จางหายตรงข้ามพร้อมจะปะทุขึ้นเมื่อไรก็ได้......ใครว่าน้ำตาไร้ประโยชน์
ใครหลายคนอาจมอง “น้ำตา” ไม่มีค่าไร้ประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงทุกครั้งเมื่อของเหลวหลั่งออกมาจากต่อมน้ำตาซึ่งแต่ละ ครั้งที่เปลือกตากระพริบ จะมีของเหลวขับออกมาจากต่อมน้ำตาเล็กน้อยล้วนก่อให้เกิดผลดี....
• ผลดีต่อดวงตา ไม่ว่าจะหญิงหรือชายการร้องไห้ช่วยหล่อเลี้ยงลูกนัยน์ตาทำให้ดวงตาไม่แห้ง และช่วยทำให้นัยน์ตาสะอาดปราศจากฝุ่นผง เมื่อน้ำตาไหลหล่อลื่นลูกนัยน์ตาแล้ว ก็จะออกไปทางรูปิดเล็ก ๆ สองรูตรงมุมนัยน์ตาด้านจมูกแล้วไหลต่อไปตามท่อน้ำตาและในที่สุดน้ำตาก็ออกมา ทางช่องจมูก นั่นเป็นคำตอบที่ว่าทำไมเวลาร้องไห้ถึงมีน้ำมูก
• ผลดีต่อร่างกาย การมีน้ำตายังอาจช่วยให้ร่างกายกำจัดสารเคมีในร่างกายชนิดอื่นได้อีกหลาย ชนิด เช่น แมงกานีส ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า และเอนไซม์บางชนิดที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดแผลพุพอง สำหรับผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน ระดับของฮอร์โมนโพรแลกติน (ฮอร์โมนกลุ่มโปรตีนจากต่อมใต้สมองส่วนหน้ากระตุ้นให้ต่อมน้ำนมสร้างน้ำนม เลี้ยงลูก) ลดลงอย่างรุนแรงมักพบมีอาการตาแห้ง เพราะต่อมน้ำตาหลั่งน้ำตามาหล่อลื่นได้ไม่เพียงพอ ความสามารถในการหลั่งน้ำตาจึงเสียไปบ้างและหลั่งน้ำตาได้ช้าแม้จะเกิดความ รู้สึกสะเทือนอารมณ์ บางรายจึงรักษาอาการตาแห้งโดยวิธีคิดถึงเรื่องที่สะเทือนอารมณ์จนน้ำตาไหล ออกมา นับได้ว่าเป็นประโยชน์ประการหนึ่งของน้ำตา ที่ช่วยรักษาโรคทางกายบางโรคได้
จะเห็นได้ว่าน้ำตานั้นมิได้เป็นสิ่งที่ไร้ค่าไร้ประโยชน์เลยทีเดียว และการร้องไห้ก็ไม่น่าจะถือเป็นเรื่องเสียหายอะไร ไม่ใช่เครื่องหมายแห่งความทุกข์หรือแสดงถึงความสิ้นหวังในชีวิต ผู้ชายเราไม่จำเป็นต้องพยายามสะกดกั้นหลีกเลี่ยงเก็บงำความทุกข์ไว้ในใจตลอด เวลาจนสั่งสมเป็นความเครียดทำร้ายสุขภาพทางอ้อม ลองปลดปล่อยอารมณ์ด้วยการร้องไห้ระบายความทุกข์นั้นออกไปบ้าง
เมื่อสมองปลอดโปร่งย่อมคิดหาหนทางต่อสู้แก้ไขปัญหาที่มีอยู่ให้ลุล่วงไปได้ และในเวลาเดียวกันเมื่อพบเจอความสุขก็พร้อมรับด้วยรอยยิ้มหรืออิ่มเอมด้วย น้ำตาไปพร้อมกัน นี่ไงตัวตนที่ซ่อนอยู่ภายใน ยอมรับและรับรู้ความรู้สึกของตนเองได้ใครว่าไม่แมน