มันฝรั่ง – อาหารหลักของชาวยุโรป


1,139 ผู้ชม


มันฝรั่ง – อาหารหลักของชาวยุโรป


ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของหมอชาวบ้าน กับเว็บไซต์วิชาการดอทคอม
www.doctor.or.th 




           ⇒ มันฝรั่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum tuberosum Linn. วงศ์ Solanaceae


มันฝรั่ง – อาหารหลักของชาวยุโรป


           แหล่งกำเนิดของมันฝรั่งคือประเทศเปรู ได้มีการขุดพบเครื่องใช้ที่มีรูปร่างคล้ายมันฝรั่ง ซึ่งสันนิษฐานว่า ทำขึ้นประมาณ 200 กว่าปีก่อนคริสต์ศักราช (2,200 ปีมาแล้ว) จากหลักฐานดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าชาวอินเดียนแดงในเปรูเป็นชาติแรกที่รู้จักปลูกและกินมันฝรั่ง มาก่อนชาติอื่นมันฝรั่งเป็นอาหารหลักที่รองจากขนมปังของชาวยุโรป อเมริกา และลาตินอเมริกา เหมือนข้าวเป็นอาหารหลักของชาวเอเชีย ในราวปี ค.ศ.1537 (พ.ศ.2080) ได้มีการนำมันฝรั่งไปปลูกในประเทศสเปน และในราวคริสต์ศตวรรษที่ 16 ได้มีผู้นำมันฝรั่งจากเปรู ชิลี และสเปนไปปลูกในยุโรป มีเรื่องเล่ากันว่าในระยะแรกที่นำมันฝรั่งเข้าไปในยุโรป ประชาชนส่วนใหญ่ไม่กล้ากิน เพราะกลัวว่ากินแล้วจะทำให้อายุสั้น


           ดังนั้นหลังจากแพร่เข้าไปแล้วกว่า 200 ปี ประชาชนจึงค่อยๆนิยมกินโดยเป็นอาหารของประชาชนที่ยากจนก่อน ต่อมาจึงค่อยๆ แพร่หลายกลายเป็นอาหารหลักที่รองจากขนมปังของชาวยุโรป
           สำหรับประวัติการ ใช้มันฝรั่งในการรักษาโรคมีมานาน ชาวเปรูเป็นชาติแรกที่นำมันฝรั่งมาเป็นยาพอกกระดูก เมื่อกระดูกหัก นอกจากนี้ยังมีการนำมันฝรั่งมาทาบริเวณหัวเพื่อรักษาอาการปวดหัว หรือกินร่วมกับอาหารอื่นเพื่อช่วยย่อย จากการศึกษาวิจัยพบว่า มันฝรั่งมีโปแตสเซียมจำนวนมาก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยย่อยมันฝรั่งนอกจากจะมีประโยชน์ในการใช้เป็นยาและอาหาร แล้ว ยังใช้ในทางอุตสาหกรรม เช่น เป็นส่วนผสมในการทำแอลกอฮอล์ ล้อยาง ฟิล์ม พลาสติก สีน้ำมัน เป็นต้น
⇒ สรรพคุณ
           มันฝรั่งมีคุณสมบัติเป็นกลาง มีรสหวาน ช่วยย่อย รักษาโรคคางทูม แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
มันฝรั่ง – อาหารหลักของชาวยุโรป
⇒ ตำรับยา
           1. คางทูม : ใช้มันฝรั่ง 1 ลูก ฝนกับน้ำส้มสายชู ทาบริเวณที่เป็น แห้งแล้วทาซ้ำจนหาย
           2. ไฟไหม้น้ำร้อนลวก : ใช้น้ำคั้นจากมันฝรั่งทาบริเวณแผลบ่อยๆ หรือตำให้ละเอียดพอก แล้วเปลี่ยนหลายๆครั้ง
⇒สารเคมีที่พบ
           หัวมันฝรั่งมีน้ำ 75.0% แป้ง 18.5% น้ำตาล 0.8% เส้นใย 1.0% พวกไนโตรเจน 2.0% ไขมัน 0.2% ash 0.9% นอกจากนี้ยังมี Solanine ในมันฝรั่ง 1 ก.ก.จะมี Solanine ตั้งแต่ 20 ม.ก. ถึงหลายร้อย ม.ก. Solanine มีมากในรากและเปลือก มันฝรั่งเปลือกแดงจะมี Solanine มากกว่าเปลือกเหลือง มันฝรั่งดิบมี Solanine มากกว่ามันฝรั่งที่สุกแล้ว เมื่อโดนแสงอาทิตย์เปลือกมันฝรั่งจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียว และทำให้ปริมาณของ Solanine เพิ่มมากขึ้น
⇒ผลทางเภสัชวิทยา
           เฉพาะเนื้อในของมันฝรั่งที่มีรากงอกออกมา หรือเปลือกเปลี่ยนเป็นสีเขียว จะมีปริมาณของ Solanine น้อย กินแล้วไม่เกิดอันตราย ถ้าปริมาณของ Solanine เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ 4-5 เท่า หรือมากกว่า 0.4 กรัม/ก.ก. กินแล้วจะเกิดอาการพิษได้ แต่ไม่ถึงกับตาย เคยมีรายงานว่า เด็กที่กินมันฝรั่งซึ่งเปลือกผิวเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทำให้เกิดอาการกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบถึงตาย
⇒ข้อควรระวัง
           ในการเลือกซื้อมันฝรั่ง ควรเลือกที่มีผิวสวย เนื้อแน่น ไม่มีรากงอกออกมา หรือเปลือกเปลี่ยนสี มีรอยแผลเน่ามีสีดำ เขียวหรือเนื้อนิ่ม ทั้งนี้เนื่องจากจะทำให้ปริมาณของ Solanine เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณราก ตาราก เปลือกหรือบริเวณที่เน่า กินเข้าไปแล้วจะเกิดพิษกับร่างกาย อาการที่เกิดขึ้นเมื่อกินสารพิษ Solanine เข้าไป ถ้าน้อยจะมีอาการคอแห้ง ชา อาเจียน ท้องเสีย ชักมีไข้ สลบ เป็นต้น
           นอกจากนี้มีรายงานว่า หญิงมีครรภ์ถ้ากินสาร Solanine เข้าไปจะทำให้แท้งได้ ถ้ามันฝรั่งที่มีรากงอกออกมา หรือมีตาราก ให้ตัดส่วนรากและตาออกนำไปแช่น้ำสักพัก ก็สามารถนำไปปรุงอาหารได้


อัพเดทล่าสุด