ฉล่ำ โนปิง ยืนสู้เพื่อป่าสร้างอาชีพเพื่อคน
ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของวารสารพลังไทย และ วิชาการ.คอม
https://www.pttplc.com/TH/Default.aspx
จากผืนป่าในพื้นที่ของบ้านกุ่มเนิ้งใต้ ตำบลแม่มอก อำเภอเดิน จังหวัดลำปาง ซึ่งถูกรัฐบาลสัมปทานปิดป่าแก้ปัญหาต่างชาติเข้ามาเก็บผลประโยชน์ในพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ป่านี้จึงไม่มีใครเข้าไปดูแลหรือจัดสรรให้เป็นสัดส่วน คงเหลือทิ้งไว้เป็นป่าเสื่อมโทรมมานานหลายปี ทำให้ไม่สามารถปลูกพืชเพื่อครองเป็นอาชีพทำกินได้เลย
ฉล่ำ โนปิง ผู้ใหญ่บ้านกุ่มเนิ้งใต้จึงนำประสบการณ์จากการไปดูงานการจัดการสิ่งแวดล้อมทางภาคเหนือเพื่อมาปรับปรุงพื้นที่ป่าของบ้านกุ่มเนิ้งใต้ พร้อมจัดตั้งกองทุนเพื่อนำมาชื้ออุปกรณ์จัดทำแนวเขตป่า โดยขอรับบริจาคจากชาวบ้านครอบครัวละ 10 บาท ด้วยกองทุนที่มุมานะทำเพื่อส่วนร่วมใครจะคิดว่าจากเศษเงินเพียง 10 บาท ก็มีค่าอย่างมหาศาลต่อคนอีกเป็นร้อยเป็นพันคน หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ใหญ่ฉล่ำจึงเป็นผู้นำพลิกป่าสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชนตนเอง ชาวบ้านในพื้นที่จึงเลิกอาชีพรับจ้างตัดไม้ให้เหล่านายทุนที่หวังเพียงโกยกำไรเข้ากระเป๋า แต่ไม่ตอบแทนคืบสังคม หรือคืนสู่ป่าเลยสักบาทเดียว
ด้วยความเป็นนักพัฒนาของผู้ใหญ่ฉล่ำนั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่นายหน้าค้าป่าเป็นอย่างมาก ผู้ใหญ่ฉล่ำจึงถูกลอบทำร้ายจากอิทธิพลมืดจนต้องขึ้นโรงฟ้องศาลสู้คดีอย่าง ไม่เกร่งกลัวต่ออำนาจใด เพราะคิดดี ทำดีเพื่อหมู่บ้านอันเป็นที่รักของตน ในท้ายที่สุดก็พ้นคำครหาเหล่านั้นมาได้ แต่ด้วยความเป็นนักสู้และมีความคิดที่จะให้ชาวบ้านไม่ตกเป็นเหยื่อนายทุนอีก ต่อไปผู้ใหญ่ฉล่ำจึงหันมาให้ความสำคัญทางด้านสร้างอาชีพปลูกสมุนไพรแปรรูป เพื่อส่งให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ในตัวเมืองโดยทางมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้สนับสนุน และเข้ามาช้วยจัดสรรและดูแล ด้วยเจตนาดีทำเพื่อชุมชนของผู้ใหญ่ฉล่ำ จากผลงานในวันนั้นทำให้วันนี้ ผู้ใหญ่ฉล่ำได้รับเลือกเป็นประธานเครือข่ายป่าชุมชนลุ่มแม่น้ำมอก และเป็นรองประธานเครือข่ายป่าชุมชนประจำจังหวัดลำปาง แม้จะดำรงตำแหน่งและหน้าที่อีกมากมาย ผู้ใหญ่ฉล่ำก็ยังคงในอุดมการณ์เดิม เพื่อเพิ่มเติมความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ป่า และส่งต่อไปยังผู้คนในชุมชนอีกมากมาย
“ใครจะคิดว่าจากเศษเงินเพียง 10 บาท ก็มีค่าอย่างมหาศาลต่อคนอีกเป็นร้อยเป็นพันคน”