อาหารบํารุงสมองลูก อาหารบํารุงสมองทารกในครรภ์ คุณแม่ทั้งหลายอย่าพลาดข้อมูลนี้


1,131 ผู้ชม


อาหารเช้าไข่กับเบคอน ส่งเสริมสมองทารกในครรภ์พัฒนาด้วยดี

อาหารบํารุงสมองลูก อาหารบํารุงสมองทารกในครรภ์ คุณแม่ทั้งหลายอย่าพลาดข้อมูลนี้

           นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนา ของสหรัฐฯ พบว่า มารดาสามารถช่วยให้ลูกในท้องเกิดมามีสติปัญญาดีได้  โดยการกินอาหารเช้าแบบตะวันตก  อันมีไข่และเบคอนเป็นหลัก...
พวกเขาได้พบสาเหตุว่า เพราะในผลิตภัณฑ์อาหารที่มีหมูและไข่ มีสารเคมีซึ่งจะช่วยพัฒนาสมองที่กำลังเติบโตอยู่นั้นได้ สารนั้นมีชื่อว่าโชไลน์ เป็นวิตามินชนิดหนึ่ง พบได้ในเนื้อสัตว์และพืช ช่วยพัฒนาบางส่วนของสมองที่มีหน้าที่เกี่ยวกับความจำและการจำ
ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาแสดงให้เห็นแล้วว่า อาหารของหญิงมีครรภ์ ช่วยกำหนดชีวิตความเป็นอยู่ของลูกได้
หัวหน้านักวิจัยนายสตีเวน ไซเสล ได้แจ้งว่า "การทดลองกับหนูของเรา ส่อว่าอาหารของแม่ที่มีครรภ์โดยเฉพาะที่มีสารโชไลน์อยู่ด้วย สามารถจะเปลี่ยนแปลงสวิตช์ซึ่งควบคุมการพัฒนาสมองในทารกตัวอ่อนได้"
ในเวลาเดียวกัน ดร.เจรัลด์ ไวสส์มานน์ บรรณาธิการวารสาร ของสมาคมชีววิทยาทดลองอเมริกัน ซึ่งเผยแพร่ผลการศึกษานี้ กล่าวแสดงความเห็นว่า "นับเป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า อาหารของสตรีมีครรภ์ที่ดี มีความสำคัญต่อชีวิตลูกไปตลอดชีวิตของเขา อย่างขาดไม่ได้".
เผยอาหารบำรุงสมองเพิ่มพัฒนาการลูกน้อย

แพทย์ชี้ "นมแม่" อาหารที่ดีที่สุด

          เรื่องของ "สมอง" นั้นสำคัญที่สุด โดย เฉพาะกับลูกน้อย ซึ่งปัจจัยสำคัญ "อาหาร" ที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของลูกน้อย

          พญ.วรีรัตน์ ยมจินดา กุมารแพทย์ สาขาพัฒนาการ และพฤติกรรมเด็ก รพ.พญาไท 3 บอกว่า สมองของทารกมีการพัฒนาตั้งแต่อยู่ในท้องคุณแม่ ซึ่งจะแบ่งเซลล์เร็วมากในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด ฉะนั้น ต้องเริ่มบำรุงตั้งแต่ในครรภ์และบำรุงต่อเนื่องจนหลังคลอด โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีแรก ถ้าลูกได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอและเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง จะทำให้สมองมีการพัฒนาดีขึ้น

          แน่นอนว่า "นมแม่" นั้นเป็น "อาหารที่ดีที่สุด" กุมารแพทย์ บอกต่อด้วยว่า ในช่วง 4-6 เดือนแรก นมแม่อย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว ทารกที่กินนมแม่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 2 เดือนขึ้นไปจะมีการเจริญเติบโตและมีขนาดสมองที่สมวัย มีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ และเชาวน์ปัญญา การรับรู้ การมองเห็น การใช้กล้ามเนื้อที่แตกต่างจากทารกที่ได้รับนมผสม

          นอกเหนือจากนมแม่แล้ว ลองดูอาหารอื่นที่เหมาะสมในแต่ละวัยกันบ้าง

          "4 เดือน" เลือกข้าวบดละเอียดใส่ไข่แดงต้มสุก สลับกับตับบด น้ำซุป กล้วยน้ำว้าขูด 2 ช้อนชา แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็นครึ่งถ้วย

          "5 เดือน" เพิ่มเนื้อปลาต้มสุกและผักต้มเปื่อยประมาณครึ่งถ้วย ปลาต้มควรยีให้ยุ่ย อย่าให้มีก้างเหลือ ถ้าเด็กแพ้อาหารทะเล เลือกปลาน้ำจืดแทนก็ได้

          "6 เดือน" เพิ่มเนื้อสัตว์ สับละเอียด รวมทั้งไข่ไก่ และข้าวบดที่หยาบขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1 ถ้วย

          "7 เดือน" ลูกสามารถกินผลไม้ได้บ้างแล้ว ควรเลือกผลไม้ย่อยง่าย เช่น กล้วย มะละกอสุก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ฝึกให้ลูกเคี้ยว แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

          "8-9 เดือน" ลูกเริ่มมีฟันขึ้น 3-4 ซี่ สามารถกินอาหารเนื้อหยาบกว่าเดิมได้ คุณแม่สามารถให้อาหารเสริมได้ 1-2 มื้อ

          "10-12 เดือน" อาหารเสริมเพิ่มเป็น 3 มื้อ อาหารว่างวันละ 1 มื้อ หลังจากอายุ 6 เดือน จำนวนมื้อของนมแม่จะลดลง เมื่ออายุ 1 ปี อาหารเสริมจะกลายเป็นอาหารมื้อหลัก 3 มื้อ และนมแม่ วันละ 3-4 มื้อ

          "1-3 ปี" หัดให้กินข้าวสวยหุงนิ่ม เหมือนผู้ใหญ่ได้แล้ว แต่ไม่ควรปรุงรส และควรให้อาหารว่างระหว่างมื้อด้วย เช่น น้ำผลไม้กับแพนเค้ก หรือ เลือกผลไม้ที่ลูกชอบ เช่น มะม่วงสุก ส้ม แอปเปิ้ล ฝรั่ง

          อาหารเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาการของลูกน้อยอย่างยิ่ง เลือกให้เหมาะสมเพื่อให้ลูกได้เติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ 

 

 ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน และ ไทยรัฐ

อัพเดทล่าสุด