โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคติดต่อ หมายถึง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีอะไรบ้าง


2,239 ผู้ชม


การมีเพศสัมพันธ์ เรื่องปกติของคู่รักทุกคู่ แต่ถึงจะมีการระมัดระวังสักเพียงใด โอกาสในการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ก็มีได้อย่างไม่คาดคิด.... . โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เรารู้จักกันมีมากมายหลายชนิด แต่ใครจะรู้บ้างว่ามีกี่ชนิด และมีวิธีการดูแลตัวเองไม่ไห้ติดโรคได้อย่างไร.....

      ซึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยเรียงตามลำดับตามเป อร์เซ็นต์ที่พบสูงสุด คือ หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส แผลริมอ่อน กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง เริม เชื้อรา โรคพยาธิในช่องคลอด โรคหูดหงอนไก่ และโรคเอดส์ซึ่งยังไม่มียารักษาให้หายได้ อีกทั้งเป็นอันตรายถึงชีวิต

     โรคเหล่านี้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดเชื้อกามโรคอยู่ เชื้อโรคจะถูกขับออกตามน้ำเมือกหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อบุต่า งๆ หรือเป็นแผลอยู่ที่อวัยวะเพศ ในเพศชายเชื้ออาจซ่อนอยู่ในแผลบริเวณ องคชาต หรือถูกขับออกมาทางน้ำอสุจิ เมื่อมีเพศสัมพันธ์ผิวหนังและเยื่อบุจะเกิดการเสียดสีจนเป ็นแผลเล็กๆ เชื้อโรคจะเข้าไปตามแผลนี้ เข้าไปในกระแสเลือด และเกิดการอักเสบของทางเดินปัสสาวะต่อมน้ำเหลืองและผิวหนั งบริเวณอวัยวะเพศ

      บางครั้งเชื้ออาจลุกลามเข้าไปถึงปากมดลูก และโพรงมดลูกทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีหลายชนิด เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส พยาธิและเชื้อรา อาการสำคัญที่พบ คือ มีหนองไหลออกทางท่อปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัด ตกขาว มีแผลที่อวัยวะเพศ ฝีที่บริเวณขาหนีบ หูดบริเวณอวัยวะเพศและมีผื่นตามตัว ถ้าสงสัยว่าตนเองมีอาการดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์ทันที

     ถ้าคุณผู้หญิงเริ่มมีอาการปวดท้องน้อย ปัสสาวะขัด เจ็บปวด หรือคันบริเวณอวัยวะเพศ ขาหนีบบวมและเจ็บ มีตกขาวออกมามาก ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบไปพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยากินเองเพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายโรคอา จแสดงอาการคล้ายคลึงกัน แต่มีสาเหตุจากเชื้อคนละชนิดจึงต้องการการักษาที่แตกต่างก ัน และบางคนอาจจะได้รับเชื้อหลาย ชนิดในการมีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งเดียว การซื้อยากินเองอาจทำให้เกิดอันตรายตามมา เช่น เป็นหมัน ติดเชื้อถึงลูกในครรภ์ได้

      ส่วนคุณผู้ชายที่เกิดอาการบริเวณปลายหัวอวัยวะเพศมีตุ่มเ ล็กๆ ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นโรคอะไร โดยตุ่มที่อวัยวะเพศนี้อาจเป็นโรคติดต่อก็ได้ ถ้าคุณเคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนอาจมีโอกาสเป็นโรคหูด หรือหูดข้าวสุก แต่ถ้าไม่ใช่โรคติดต่ออาจเป็นเนื้อธรรมดาที่เรียกตามภาษาห มอว่า " Pearly Penile Papules "ซึ่งไม่มีอันตรายไม่ต้องรักษา

     โรคหูด หรือหูดข้าวสุก เป็นโรคที่ได้มาจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรต้องเจาะเลือดดูว่าจะได้รับเชื้อไวรัสเอดส์มาด้วยหรือไ ม่ เพราะส่วนใหญ่คนที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มักจะมีโอก าสเป็นโรคได้มากกว่า 1 โรค แต่ถ้าคุณไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ มา ก็คงไม่ต้องกังวลใจ…..

      ส่วนโรคหนองในเทียมชนิดเรื้อรังซึ่งมีอยู่ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ป่วย โรคนี้มักจะเป็นๆ หายๆ ถึงแม้ว่าจะได้รับการรักษาโดยยาอย่างถูกต้องแล้วก็ตาม……

      สาเหตุที่ทำเป็นๆ หายๆ มีอยู่ 3 ประการด้วยกัน อาการข้อแรก คือการไปติดมาใหม่ เช่น ภรรยาหรือคู่รักไม่ได้รับการรักษาพร้อมกัน เชื้อชนิดดื้อยา ซึ่งพบมากขึ้นในระยะหลังเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ท่อปัสสาวะตีบ หรือต่อมลูกหมากอักเสบ

      อาการข้อ 2 ต้องมีการตรวจดูว่ามีการอักเสบในท่อปัสสาวะหรือไม่ หรือมีแต่มูกใส โดยดูจากจำนวนเม็ดเลือดขาว ในการย้อมเชื้อจากท่อปัสสาวะ หรือในการตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดขาวของปัสสาวะ ซึ่งกลั่นมาทั้งคืนถ้าหากมีหลักฐานว่าอักเสบจริง ต้องดูว่าอาการอักเสบนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ ต่อมลูกหมาก หรือกรองไตอักเสบ

      อาการข้อ 3 คุณคงเป็นเริมมากกว่าแผลริมอ่อนโรคเริมเกิดขึ้นได้เอง แผลอาจมีติดเชื้อแบคทีเรียแทรกจนลักษณะคล้ายแผลริมอ่อน

      การติดโรคทางเพศสัมพันธ์ เมื่อเป็นแล้วต้องมีการรักษาที่ถูกวิธี เพื่อเป็นกาป้องกันโรคนี้อย่างดีที่สุดคือ ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์ ไม่สำส่อน รักเดียวใจเดียว โอกาสในการติดเชื้อจะมีน้อยลง

      ส่วนน้องนักเรียนนักศึกษาก็ไม่ควรที่จะมีเพศสัมพันธ์ก่อน วัยอันควร ควรรักตัวเองยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด.... เพราะถ้าพลาดไปแล้วจะเรียกกลับคืนมาไม่ได้ คนที่เสียใจที่สุดคือตัวเราเอง.....

1. ความหมายของกามโรค คือ (วีดี)
วีดี หรือกามโรค เป็นคำที่นิยมใช้ หมายถึง โรคที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยคำว่า วีดี มาจากคำย่อของ วี คือ วีนัส ซึ่งชาวโรมัน หมายถึง เทพเจ้าแห่งความรัก โดยทางการแพทย์สมัยใหม่จะใช้คำว่า เอส ที ดี ซึ่งมีความหมายเจาะจงกว่าคำว่า วี ดี
2. โรค เอส ที ดี ติดต่อกันได้อย่างไร (S.T.D.)
โรคนี้ติดต่อกันได้โดยผ่านกิจกรรมทางเพศต่างๆ เช่น การร่วมเพศ การมีเพศสัมพันธ์ทางปากทวารหนัก โดยมีการแลกเปลี่ยนน้ำอสุจิ น้ำในช่องคลอด น้ำลาย และน้ำเลือด โดยเชื้อจุลชีพจะผ่านเข้าสู่กระแสเลือดโดยผ่านรอยแตก หรือถลอกที่ผิวหนังและเยื่อเมือก เช่น ช่องคลอด ปาก ทวารหนัก และเฉพาะบุคคลที่มีเชื้อจุลชีวะของเอส ที ดี เท่านั้นที่สามารถ่ายทอดเชื้อจุลชีพให้แก่ผู้อื่นได้
3. โรคเอส ที ดี สามารถรักษาให้หายได้หรือไม่
โรคเอส ที ดี มีปัจจัยเชื้อจุลชีพก่อโรคหลายเชื้อ บางเชื้อสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมีอาการ ดังนั้นถ้าสงสัยจะติดเชื้อ เอส ที ดี ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป
4. โรค เอส ที ดี มีโรคอะไรบ้าง
โรค เอส ที ดี ประกอบไปด้วยหลายโรคแตกต่างกันไป การติดเชื้อก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายไม่มากก็น้อย โรคเอส ที ดี มีดังต่อไปนี้
  • โรคติดเชื้อแคลมไมเดีย
  • โรคหนองในโกโนเรีย
  • การติดเชื้อ เชื้อรา
  • การติดเชื้อโปรโตซัวทริโคโมนาส
  • หูดที่อวัยวะเพศ
  • โลน
  • หิด
  • ซิฟิลิส
  • เอดส์
  • และโรคไวรัสตับอักเสบ บี
5. คำแสลง เช่น หนองใหล การรับเชื้อหมายถึง
คำว่า หนองใหล โดยทั่วไปใช้บอกว่ามีการติดเชื้อ เอส ที ดี โดยหมายถึง หนองใน หรือโกโนเรีย ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยมาก คำว่า การรับเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจจะหมายถึงโรค เอส ที ดี อะไรก็ได้แต่ส่วนใหญ่จะหมายถึง การติดเชื้อเอดส์แคลมไมเดีย โกโนเรีย และซิฟิลิส
6. โรคเอส ที ดี ที่สำคัญและอันตรายที่สุด คือ
ปัจจุบันโรคเอส ที ดี สำคัญและอันตรายที่สุด คือ โรคเอดส์หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง ใครเป็นแล้วอัตราป่วย ตายสูง ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด การพัฒนาวัคซีนป้องกันรักษาคงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร
7. การติดเชื้อแคลมไมเดีย หมายถึง
การติดเชื้อแคลมไมเดียเป็นการติดเชื้อเอส ที ดี ชนิดหนึ่ง พบได้บ่อย มีสาเหตุจากเชื้อจุลชีพ ลักษณะคล้ายเชื้อไวรัส ติดต่อโดยการมีเพศสัมเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ ในผู้ชายอาจพบอาการไม่ค่อยสบายเพียงเล็กน้อยและปัสสาวะผิดปกติ ขัดๆ ส่วนในผู้หญิงไม่เคยพบอาการแสดงที่บ่งบอกการติดเชื้อ อาจมีความรู้สึกอึดอัดบริเวณท้องน้อยและพบตกขาวได้ ส่วนผู้ชายที่แสดงอาการเด่นชัด จะพบลักษณะหนอง ที่ออกจากท่อทางเดินปัสสาวะ จะมีลักษณะเฉพาะการวินิจฉัย ทำได้โดยพบแพทย์ การรักษามีให้เลือกด้วยยาปฏิชีวนะหลายขนาน
8. การติดเชื้อแคลมไมเดียใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะแสดงอาการ
อาการของการติดเชื้อแคลมไมเดียจะแสดงภายหลัง ติดเชื้อแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์
9. จะเกิดปัญหาอะไรตามมา ถ้าไม่รักษาการติดเชื้อแคลมไมเดีย
ในผู้หญิง ถ้าไม่รักษาจะกลายเป็นการติดเชื้อในช่องเชิงกรานได้ (PID)
ในผู้ชาย จะพบภาวะกลับเป็นโรคติดเชื้อท่อทางเดินปัสสาวะ ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะรักษาให้หายขาด
10. โรคหนองในหมายถึงอะไร และมีสาเหตุจากอะไร
โรคหนองในจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ติดต่อโดยร่วมประเวณี โรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ นิสเซอเรีย โกโนเรีย (N.gonorrhea)
11. อาการของโรคหนองในในผู้ชายและระยะฟักตัว ก่อนจะแสดงอาการ
อาการของโรคหนองในในผู้ชาย ค่อนข้างจะทราบได้เร็ว โดยเฉพาะอาการปวดบริเวณอวัยวะเพศอย่างมาก และขณะปัสสาวะจะปวดมาก ผู้ป่วยจะรีบมาพบแพทย์ เพื่อขอรับการรักษา โดยทั่วไปอาการดังกล่าว จะเกิดหลังจากมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อแล้ว 3-5 วัน อาการอื่นๆ ที่พบได้คือ มีลักษณะหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะปนกับน้ำปัสสาวะ
12. อาการของโรคหนองไหลในผู้หญิง และระยะฟักตัวก่อนจะแสดงอาการ
ผู้ติดเชื้อหนองในในผู้หญิง จะเป็นแบบไม่แสดงอาการ ถึงร้อยละ 80 แต่อาจพบอาการปวดบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะลำบาก อาจพบตกขาวผิดปกติ และปวดบริเวณที่มีการติดเชื้อ จุดที่พบมีการติดเชื้อบ่อยก็คือ ช่องคลอด ปากมดลูก และมดลูก นอกจากนี้อาจพบการติดเชื้อบริเวณคอทวารหนัก และท่อทางเดินปัสสาวะ
อาการจะค่อยเป็นค่อยไป และจะทราบก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระยะแรก จนถึงระยะกลาง โดยทราบจากเมื่อคู่นอนมาบอกว่าไปพบแพทย์มา ถ้าไม่ทราบ ผู้ติดเชื้อจะไม่สนใจและปล่อยให้โรคลุกลามไป และสร้างความเสียหายต่อช่องท้องและท่อนำไข่ เป็นผลให้เป็นหมันได้
13. โรคหนองในรักษาหายขาดหรือไม่ อย่างไร
ปัจจุบันมียาปฏิชีวนะหลายขนานที่ใช้รักษาโรคหนองใน แต่เชื้อหนองในเองก็ปรับตัวดื้อต่อยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาหลายขนาน ดังนั้นควรจะได้มีการเพาะเชื้อ เพื่อหายาปฏิชีวนะ ที่ทำลายเชื้ออย่างได้เหมาะสม
14. อุ้งเชิงกรานอักเสบหมายถึงอะไร
การติดเชื้อในระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของผู้หญิง โดยถ้ามีสาเหตุจากเชื้อหนองในจะมีอาการปวดท้องแบบรุนแรง ต่อเนื่อง มีไข้ บางครั้งมีอาการคล้ายติดเชื้อแคลมไมเดีย
15. การติดเชื้อรา หรือยีสต์ หมายถึงอะไร
การติดเชื้อราหรือยีสต์ ชื่อ แคนดิคา จัดเป็นเชื้อราขนาดเล็ก ติดต่อกันโดยมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อรา ในผู้หญิงจะพบตกขาว มีลักษณะเนยหรือตะกอนนม กลิ่นเหม็น ในผู้ชายอาจพบอาการอักเสบของอวัยวะเพศชาย โดยทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะพบอาการคันและระคายเคืองบริเวณที่เป็น และถ้าเกามากๆ จะถลอกเป็นเหตุให้เกิดภาวะเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนได้ การรักษาโดยใช้ครีมรักษาเชื้อราทาบริเวณที่ติดเชื้อ
16. การติดเชื้อโปรโตซัวทริโคโมนาสในผู้หญิง จะมีตกขาวลักษณะเป็นฟอง และมีอาการคันปัสสาวะแสบขัด บางครั้งผู้หญิงที่ติดเชื้ออาจไม่พบอาการผิดปกติก็ได้ การติดต่อโดยการร่วมเพศปัจจุบันมียาใช้รักษาได้หลายขนาน
17. หูดอวัยวะเพศ หมายถึงอะไร
หูดที่อวัยวะเพศ มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่จะพบบริเวณอวัยวะเพศหรือบริเวณส่วนปลายองคชาต ในผู้หญิงจะพบหูดได้บริเวณแคมและทวารหนัก อาจพบอาการคันและระคายเคืองได้ ปัจจุบันมียาใช้รักษา โดยป้ายที่บริเวณหูด ถ้าหูดมีขนาดใหญ่อาจทำการผ่าตัดออกโดยตรงได้ เช่น ใช้วิธีการเลเซอร์ หรือการใช้ไฟฟ้าจี้ตัด
18. เริมที่อวัยวะเพศหมายถึงอะไร
เริมที่อวัยวะเพศจะมีลักษณะเป็นตุ่มใส และปวดแสบปวดร้อน พบบ่อยบริเวณองคชาติและช่องคลอด ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะการร่วมเพศ
19. เริมที่อวัยวะเพศมีความเกี่ยวข้องกับเริมที่ริมฝีปากอย่างไร
เริมทั้งสองแห่ง มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกัน แต่ต่างสายพันธุ์ เริมที่บริเวณริมฝีปากจะเป็นตุ่มใส ส่วนที่อวัยวะเพศจะมีลักษณะต่างออกไป อาจเป็นจุดแดงๆ และเป็นแผลหลุม ปวดแสบ ปวดร้อน การรักษาก็แตกต่างกัน ในเรื่องของยาใสแผล ส่วนยารักษาเชื้อไวรัสจะเป็นตัวเดียวกัน
20. เริมที่อวัยวะเพศสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ อย่างไร
เริมที่อวัยวะเพศเมื่อเป็นแล้ว ไม่มีการรักษาให้หายโดยตรงได้ การรักษาเป็นเพียงลดความรุนแรงและความเจ็บปวด และอาการต่างๆ จะหมดไปเอง การให้ยาเพื่อให้อาการต่างๆ ดีขึ้นเร็วแต่ไม่เป็นการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ยาที่ยิยมใช้ชื่อ อะไซโคลเวีย (Acyclovir) ไวรัสเริมจะแฝงตัวอยู่ในร่างกายตลอดไป และเมื่อร่างกายอ่อนแอ เช่น อดนอน เครียด เป็นหวัด เริมจะกลับเป็นซ้ำได้ถึงร้อยละ 75 แต่อาการจะไม่รุนแรง เท่ากับเป็นครั้งแรก
21. คนทั่วไปจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเริมที่อวัยวะเพศ
ในผู้ชาย เมื่อเป็นเริมที่อวัยวะเพศ จะมองเห็นได้ชัดกว่าในผู้หญิง แต่ถ้าผู้หญิงมีอาการปวดแสบ ปวดร้อน บริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรนึกถึงเรื่องเริมที่อวัยวะเพศด้วย
22. ในผู้ชายเมื่อเป็นเริมที่อวัยวะเพศแล้วจะมีผลอย่างไร
ผลกระทบของเริมที่อวัยวะเพศในผู้ชายไม่ชัดเจน แต่ขณะเป็นตุ่มใส จะทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ตามปกติได้ เพราะเจ็บ ดังนั้นต้องดูแลรักษาให้แผลหายเป็นปกติก่อน
23. ในผู้หญิงเมื่อเป็นเริมที่อวัยวะเพศแล้วจะมีผลอย่างไร
ในผู้หญิงเมื่อเป็นเริมที่อวัยวะเพศแล้ว จะมีผลร้ายแรงตามมาได้ โดยเฉพาะปัญหาปากมดลูกอักเสบเรื้อรัง และอาจกลายเป็นเนื้อร้ายได้ จึงต้องมีการตรวจสุขภาพ และเฝ้าระวังโรคเป็นระยะๆ โดยสูตินรีแพทย์
24. ผู้ที่เคยเป็นเริมที่อวัยวะเพศเมื่อแผลหายแล้ว จะถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่นเมื่อมีเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่
ถ้าแผลหายสนิท โอกาสถ่ายทอดแทบไม่มี แต่การจะแน่ใจว่า แผลหายดีหรือยัง คงเป็นการยาก เพราะมีอาการแสดงหลายอย่าง บางครั้งไม่ชัดเจน ซึ่งคงต้องขอคำปรึกษาจากแพทย์
25. เหาและโลนหมายถึงอะไร และติดกันได้อย่างไร
โลนจัดเป็นแมลงขนาดเล็กๆ ชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่บริเวณขนเพชร และบางครั้งจะฝังตัวที่ใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ หนังศีรษะ และหน้าอก
โลนที่ขนเพชร จะวางไข่ที่บริเวณเส้นขนและฟักตัวเป็นตัวโลนต่อมา โลนจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บางครั้งจะพบโลนได้ จากบริเวณทางกางเกงใน ผ้าปูที่นอนที่ผู้ติดโลนใช้
โลนจะเป็นสาเหตุให้คันอย่างมาก และเมื่อเกา และติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจะทำให้ผิวหนัง และต่อมน้ำเหลืองอักเสบตามมา
การรักษาให้ยาทาฆ่าเหาและโลน ทาบริเวณที่คัน การดูแลสุขอนามัยตลอดจนเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนตากแดด จะช่วยทำลายเหาและโลนได้
26. หิดเป็นอย่างไร และติดต่อได้ทางไหน
หิดเป็นโรคที่มีสาเหตุจากแมลงขนาดเล็กติดต่อกัน เมื่อสัมผัสใกล้ชิด เช่น การมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสกางเกงใน ผ้าปูที่นอน เครื่องใช้ของผู้มีคัวหิดอยู่
หิดเกิดจากแมลงขนาดเล็กพวกไร ซึ่งจะฝังตัวลึกที่ผิวหนัง บริเวณอวัยวะเพศ และแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว และเมื่อฝังตัวชั้นผิวหนังจะมองเห็นเป็นทางแดงๆ คล้ายเป็นท่ออุโมงค์ โรคหิดจะก่อความรำคาญและคันมาก ปัจจุบันมียารักษาหิดหลายขนาน
27. โรคซิฟิลิสหมายถึงอะไร และติดต่อกันได้ทางไหน
โรคซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุ จากเชื้อแบคทีเรียสไปโรซีต (มีลักษณะคล้ายสว่าน)
28. อาการของโรคซิฟิลิสมีอะไรบ้าง และมีระยะเวลาฟักตัวนานเท่าใด
อาการของโรคซิฟิลิสจะปรากฏหลังสัมผัสเชื้อ โดยการร่วมเพศประมาณ 10 ถึง 90 วัน โดยจะพบแผลเปิดแดง ขอบสะอาด เรียกแผลริมแข็ง โดยจะพบแผลบริเวณลำองคชาต หรือที่ช่องคลอด บริเวณแผลจะมีเชื้อซิฟิลิสจำนวนมาก แผลจะดีขึ้นและดูเป็นปกติ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ถึงแม้จะไม่ได้รับการรักษา ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อซิฟิลิสจะแฝงตัวและเข้าสู่ซิฟิลิสระยะสอง เมื่อเวลาผ่านไป 1 ถึง 6 เดือน โดยระยะที่สองจะมีลักษณะ ผื่นน้ำตาลแดงทั่วร่างกาย จะพบปื้นสีขาวในเยื่อบุกระพุ้งแก้ม คอ หรือที่ช่องคลอด ผมร่วงและต่อมน้ำเหลืองบวมโต
โดยทั่วไปสามารถวินิจฉัยและรักษาโรคซิฟิลิสได้ ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงระยะที่สอง ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการแสดงของซิฟิลิสระยะที่สองจะหายไป และเชื่อซิฟิลิสจะแฝงตัวในร่างกายตนเข้าสู่ระยะสุดท้าย หรือระยะที่สาม
29. คนที่ติดเชื้อซิฟิลิสสามารถรู้เองได้หรือไม่
ถ้าเป็นผู้ชายอาจจะบอกได้ง่าย เพราะมีแผลที่องคชาติอย่างเด่นชัด แต่ผู้หญิงบางครั้งไม่มี อาการและอาการแสดงที่บอกถึง ภาวะการติดเชื้อจนกว่าจะเข้าสู่ระยะที่สองของซิฟิลิส และมีผื่นทั่วร่างกาย และเมื่อเข้าสู่ระยะที่สามของซิฟิลิส จะมีอาการทางสมองหรือหัวใจได้ การวินิจฉัยไม่ยุ่งยาก เพียงแต่เจาะเลือดตรวจก็ทราบผลได้
30. โรคซิฟิลิสทำให้เป็นบ้าได้หรือไม่
ปัจจุบันพบโรคซิฟิลิสระยะที่สามน้อย เพราะมียารักษาที่ดี ทันสมัย ถ้ากรณีไม่ได้รักษาและเป็นซิฟิลิสระยะสาม จะพบสมองของผู้ป่วยถูกทำลาย มีปัญหาเรื่องจิต และแสดงออกแบบผิดปกติ อาจพบอัมพฤก อัมพาต หรือปัญหาโรคหัวใจแทรกซ้อนตามมาได้
31. โรคซิฟิลิสรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ อย่างไร
ปัจจุบันสามารถรักษาโรคซิฟิลิสให้หายขาด ด้วยยากลุ่มเพนนิซิลลิน และถ้าสงสัยควรจะได้รับการวินิจฉัยด้วยการเจาะเลือดตรวจ
32. ถ้ามีคู่นอนหลายคนจะทราบได้อย่างไรว่า ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากใคร
ควรจะถามคู่นอนตรงๆ ถึงสิ่งผิดปกติ เช่น แผลตกขาว หรือปัสสาวะแสบ หรือมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบเจ็บ ไม่ควรอายที่จะถามคู่นอนโดยตรง
33. การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับกลุ่มเสี่ยง และต้องสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ดังกล่าว
34. การชำระล้างอาบน้ำช่องคลอด หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่
วิธีการดังกล่าวไม่ช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือการตั้งครรภ์ไม่ถึงประสงค์
35. ผู้หญิงมีโอกาสติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กับตั้งครรภ์พร้อมกันหรือไม่
เป็นไปได้และถือว่าเป็นภาวะอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพของแม่และลูก
36. ถ้าผู้หญิงตั้งครรภ์และติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เชื้อดังกล่าวจะติดต่อถึงเด็กในครรภ์ได้อย่างไร
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แต่ละชนิดก็มีการทำลาย และเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อเด็ก แตกต่างกันไป และควรจะต้องมีการรักษาทันทีที่ทราบหรือทันทีที่เด็กคลอดออกมา เพราะโรคบางชนิดสร้างปัญหารุนแรงมาก เช่น ซิฟิลิส หรือเอดส์ เพราะเด็กที่คลอดออกมาจะมีความผิดปกติทางสมองได้ และโรคหนองในอาจทำให้เด็กแรกคลอดตาบอดได้เช่นกัน
37. จะสอบถามข้อมูลและปรึกษา เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ที่ไหน
แหล่งข้อมูลเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการขอรับคำปรึกษาอาจเป็นโรคพยาบาลและคลินิกทั่วไป โดยสามารถรับเอกสารแผ่นพับได้ นอกจากนี้ตามโรงเรียน จะมีครูแนะแนวและครูพยาบาล ซึ่งสามารถให้ความรู้ได้ และศูนย์ให้คำปรึกษาทางเพศสัมพันธ์อย่างไร
38. โรคตับอักเสบบี เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างไร
โรคตับอักเวบบีมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสติดต่อกัน โดยการสัมผัสทางเลือด เช่น ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การให้เลือด และการมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จึงถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เรียบเรียงจาก
Robert P.M. What teenagers want to know about sex.
Toppan Company Ltd.,Tokyo Japan; 1990.

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ Sexual tranmitted disease

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เริ่มจะพบมากขึ้นในวัยรุ่นซึ่งจะมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน โดยที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การป้องกันตัวเองทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อ การที่เรามีความรู้เกี่ยวกับการติดต่อ อาการของโรค การรักษา จะเป็นขั้นแรกของการป้องกันโรค ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ควรทราบ

  1. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ทุกชนชั้น แต่พบมากในหมู่วัยรุ่น
  2. อัตราการติดเชื้อของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์พบมากขึ้นเนื่องจากวัยรุ่นมีค่านิยมที่จะอยู่ก่อนแต่งงาน หรือนิยมมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังไม่มาก และที่สำคัญมีการหย่าล้างสูงทำให้คนมีสามีหรือภรรยาหลายคน ทำให้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น
  3. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยมากมักจะไม่เกิดอาการ ดังนั้นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อโดยที่ไม่รู้ตัว แพทย์บางประเทศจึงแนะนำให้มีการตรวจค้นหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สำหรับคนที่สำส่อน
  4. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังก่อให้เกิดปัญหาทางสาธารณสุขอย่างมาก
  • โรคอาจจะลุกลามไปยังมดลูกหรือท่อรังไข่ทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง Pelvic inflammatory disease ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่นการติดเชื้อ human papillomavirus infection (HPV) ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์

กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรค

  • การมีเพศสัมพันธ์กับชายหรือหญิงบริการใน 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การมีคู่นอนมากกว่า 1 คนใน 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การมีเพศสัมพันธ์กับคู่คนใหม่ใน 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การที่มีประวัติป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใน 1 ปีที่ผ่านมา
  • การที่สามีหรือภรรยามีคู่นอนมากกว่า 1 คนใน 3 เดือนที่ผ่านมา
  • การที่คู่ครองอยู่กันคนละที่

อาการของผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

  • ปัสสาวะขัด
  • มีผื่น แผลหรือตุ่มน้ำที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก
  • มีหนองหรือน้ำหลั่งจากช่องคลอดหรือท่อปัสสาวะ
  • มีอาการคันหรือปวดบริเวณทวาร
  • มีอาการแดงและปวดบริเวณอวัยวะเพศ
  • ปวดท้องหรือปวดช่องเชิงกราน
  • ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์
  • ตกขาวบ่อย
  1. การรักษาตั้งแต่เริ่มต้นจะทำให้รักษาหายขาด การติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะทำให้ติดโรคเดอส์ง่ายขึ้น

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

>>>>>>โรคเอดส์<<<<<<<<

เป็นโรคที่เริ่มมีรายงานเมื่อปี 1981 เกิดจากเชื้อ human immunodeficiency virus (HIV), ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อพวกฉวยโอกาสและมะเร็ง

>>>>>การติดเชื้อ clamydia<<<<<<

เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุด ทำให้เกิดอาการมีหนองไหลและมีอาการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้รักษาอาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องเชิงกรานเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก

>>>>>การติดเชื้อ HPV<<<<<<<<<<

เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเมื่อติดเชื้อจะทำให้เกิดหูดขึ้น อ่านที่นี่

>>>>>>>>> หูดที่อวัยวะเพศ condloma<<<<<<<<<<<<<<

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ หูดขึ้นได้ทั้งแคมใหญ่ ช่องคลอด และปากมดลูก เชื้อบางชนิดทำให้เกิดมะเร็ง

>>>>>เริมที่อวัยวะเพศ<<<<<

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดเชื้อไวรัส herpes simplex virus ทำให้เกิดอาการปวดแสบบริเวณขา ก้นหรืออวัยวะเพศ และตามด้วยผื่นเป็นตุ่มน้ำใส แผลหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์แต่เชื้อยังอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อก็จะกลับเป็นใหม่

>>>>>หนองในแท <<<<<

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในท่อปัสสาวะ แสบขัดเวลาปัสสาวะ มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือเป็นหมันหากไม่ได้รับการรักษา

>>>>> หูด<<<<<

เกิดจากเชื้อไวรัส human papillomavirus ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศลักษณะเป็นผื่นนูน ไม่เจ็บ ผื่นจะมีขนาดใหญ่ขึ้น หากไม่รักษาผื่นจะโตเป็นลักษณะหงอนไก่ Molluscum

>>>>>ซิฟิลิส <<<<<

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ไม่บ่อย การติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็งไม่เจ็บที่อวัยวะเพศ ไม่ไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่าเข้าข้อหรือออกดอก หากทิ้งไว้นานจะติดเชื้อที่ระบบประสาท และหัวใจ

>>>>>แผลริมอ่อน <<<<<<

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi ลักษณะของโรคจะมีแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ บางคนมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียกไข่ดันบวม หากไม่รักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลือง

>>>>>ตัวโลน <<<<<

เกิดจากแมลงตัวเล็กที่เรียกว่า pediculosis pubis อาศัยอยู่ที่ขนหัวเหน่า ดูดเลือดคนเราเป็นอาหาร ผู้ที่เป็นโรคจะมีอาการคันเป็นหลัก เมื่อเกาจะทำให้เจ้าตัวเชื้อแพร่ไปยังบริเวณอื่น การวินิจฉัยสามารถทำได้ด้วยตาเปล่า จะพบไข่สีขาวเกาะตรงโคนขน ไข่จะมีลักษณะวงรี ส่วนตัวแมลงเมื่อกินเลือดเต็มที่จะออกสีน้ำตาล

หิด ตับอักเสบ หนองในเทียม อุ้งเชิงกรานอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ ติดเชื้อtrichomonase ฝีมะม่วง การติดเชื้อราในช่องคลอด

การรักษาตัวโลนสามารถซื้อยาทาได้ตามร้านขายยา แต่คนท้องหรือเด็กควรจะปรึกษาแพทย์

การป้องกัน สมาชิกในครอบครัว เพื่อนสนิท คู่นอนควรจะได้รับการดูแลพร้อมกันเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ เสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอนควนจะนำไปต้มหรือซักแห้ง แล้วรีดด้วยเตารีด ตัวแมลงอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมงเมื่อไม่ได้อยู่กับคน ส่วนไข่อยู่ได้นานถึง 6 วัน

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์ หากยังมีเพศสัมพันธ์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

  • ไม่เปลี่ยนคู่นอน ให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว
  • ใส่ถุงยางให้ถูกต้องหากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
  • อย่ามีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยเพราะจากสถิติหากมีเพศสัมพันธ์อายุน้อยจะมีโอกาสติดโรคสูง
  • ให้ตรวจประจำปีเพื่อหาเชื้อโรคแม้ว่าจะไม่มีอาการ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแต่งงานใหม่
  • เรียนรู้อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • อย่าร่วมเพศขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อได้ง่าย
  • อย่ามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หากจำเป็นให้สวมถุงยางอนามัย
  • อย่าสวนล้างช่องคลอดเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย

สำหรับผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต้องปฏิบัติตัวอย่าง

  • ให้รักษาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  • แจ้งให้คู่นอนทราบว่าคุณเป็นโรคเพื่อที่จะป้องกันโรคมิให้แพร่สู่คนอื่น และให้ได้รับการรักษา
  • รักษาตามแพทย์สั่ง
  • งดร่วมเพศ

อาการของโรคและเชื้อที่เป็นสาเหตุ

อาการ

เชื้อที่เป็นสาเหตุ

ตกขาวมากผิดปกติ clamydia herpes gonorrhea PID trichomonaseyeast infection Bacterial vaginosis
หนองไหลจากอวัยวะเพศ clamydia gonorrhea trichomonase หนองในเทียม
เลือดออกช่องคลอดผิดปกติ clamydia gonorrhea PID
เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ clamydia herpes gonorrhea PID
ปัสสาวะขัด clamydia herpes gonorrhea trichomonase
ปวดท้องน้อย clamydia gonorrhea PID
ปวด บวมอัณฑะ clamydia gonorrhea
คันบริเวณอวัยวะเพศ trichomonase yeast infection Bacterial vaginosisherpes
แผลบริเวณอวัยวะเพศ herpes chancroid syphilis
ก้อนเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ warts
ตัวเหลืองตาเหลือง heapatitis B heapatitis C

อัพเดทล่าสุด