การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นโรคติดเชื้อซึ่งสามารถติดต่อจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งโดยผ่านทางเพศสัมพันธ์ มีผลเสียทั้งทางกาย สังคม และเศรษฐกิจ พบมากขึ้นในวัยรุ่นซึ่งมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน โดยที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงควรมีความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดต่อ อาการของโรค และการรักษา เพื่อให้สามารถป้องกันโรคติดต่อได้
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน และมีผลทำให้เกิดการอุดตันของหลอดมดลูกหรือเกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน ทำให้มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือไม่สามารถมีบุตรได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจทำให้เกิดผลเสียต่อการตั้งครรภ์และทารกได้ เช่น ซิฟิลิสอาจทำให้เกิดการแท้ง คลอดก่อนกำหนด ทารกเสียชีวิตในครรภ์ มีความพิการแต่กำเนิด หรือทำให้มีการติดเชื้อในทารกแรกเกิดได้
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่นการติดเชื้อ human papillomavirus infection (HPV) ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่งผลต่อสุขภาพจิต
การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ไม่เปลี่ยนคู่นอน ให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว
- ใส่ถุงยางให้ถูกต้องหากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อ หรือไม่
- อย่ามีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยเพราะจากสถิติหากมี เพศสัมพันธ์อายุน้อยจะมีโอกาสติดโรคสูง
- ให้ตรวจประจำปีเพื่อหาเชื้อโรคแม้ว่าจะไม่มีอาการ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแต่งงานใหม่
- เรียนรู้อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- อย่าร่วมเพศขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อได้ง่าย
- อย่ามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หากจำเป็นให้สวมถุงยางอนามัย
- อย่าสวนล้างช่องคลอดเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
การรักษา
ควรรีบไปพบแพทย์ เมื่อมีอาการข้างต้น ยิ่งได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มต้นจะทำให้รักษาหายขาด ไม่กลับมาติดโรคอีก
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อย
- หนองในแท้ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่เรียกว่า ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในท่อปัสสาวะ แสบขัดเวลาปัสสาวะ มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือเป็นหมันหากไม่ได้รับการรักษา
- การติดเชื้อ clamydia (หนองในเทียม) เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุด ทำให้เกิดอาการมีหนองไหลและมีอาการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้รักษาอาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องเชิงกรานเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก
- ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ไม่บ่อย การติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็งไม่เจ็บที่อวัยวะเพศ ไม่ไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่าเข้าข้อหรือออกดอก หากทิ้งไว้นานจะติดเชื้อที่ระบบประสาท และหัวใจ
- แผลริมอ่อน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi ลักษณะของโรคจะมีแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ บางคนมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียกไข่ดันบวม หากไม่รักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลือง
- เริมที่อวัยวะเพศ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดเชื้อไวรัส herpes simplex virus ทำให้เกิดอาการปวดแสบบริเวณขา ก้นหรืออวัยวะเพศ และตามด้วยผื่นเป็นตุ่มน้ำใส แผลหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์แต่เชื้อยังอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อก็จะกลับเป็นใหม่
- หูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อไวรัส human papillomavirus ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศลักษณะเป็นผื่นนูน ไม่เจ็บ ผื่นจะมีขนาดใหญ่ขึ้น หากไม่รักษาผื่นจะโตเป็นลักษณะหงอนไก่ Molluscum
- โรคเอดส์ เป็นโรคที่เริ่มมีรายงานเมื่อปี 1981 เกิดจากเชื้อ human immunodeficiency virus (HIV), ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อพวกฉวยโอกาสและมะเร็ง
เมื่อเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต้องปฏิบัติดังนี้
- ให้รักษาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- แจ้งให้คู่นอนทราบว่าคุณเป็นโรคเพื่อที่จะป้องกันโรค มิให้แพร่สู่คนอื่น และให้ได้รับการรักษา
- รักษาตามแพทย์สั่ง
- งดร่วมเพศ