สิงคโปร์ หรือเรียกว่า สิงคะปุระ โดยคนท้องถิ่น หรือชื่อเดิมว่า เทมาเส็ก อันนี้ก็แล้วแต่จะชอบละกันนะครับ แต่ในที่นี่ผมขอเรียกว่า สิงคโปร์ ตามที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไทยเรียกก็แล้วกันนะครับ สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีขนาดของพื้นที่ทั้งประเทศแค่ 662 ตารางกิโลเมตร เองครับ ผมว่าไม่ต้องเทียบกับขนาดของประเทศไทยหรอกครับ แค่เทียบกับขนาดของกรุงเทพฯเรา ประเทศเค้ายังมีขนาดเล็กกว่ากรุงเทพฯ มหานครของเราตั้ง 2.5 เท่าเลยนะครับ เพราะว่ากรุงเทพฯ มีขนาดพื้นที่ถึง 1,500 ตารางกิโลเมตร สำหรับเรื่องขนาดเนี่ย คนสิงคโปร์เค้าคงไม่เถียงหรอกครับว่าประเทศเค้ามีขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ เช่น ความทันสมัย ความเจริญทางทางด้านเทคโนโลยี ความเป็นอยู่ของผู้คนที่เทียบคุณภาพชีวิตได้เทียบเท่ากับประชากรในทางแถบ ยุโรปหรืออเมริกาเลยทีเดียวครับ ส่วนเรื่องความร่ำรวยแล้วล่ะก็แน่นอนล่ะครับเค้ารวยกว่าประเทศไทยแน่ๆ สิงคโปร์ ถึงแม้จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เค้าก็พยายามพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เค้ามีการวางแผนการพัฒนาที่ดีมากๆ ครับ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นสิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์เค้ามี การวางแผนมาแล้วอย่างน้อย 20 ปี เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงการณ์ต่างๆ ที่วางแผนไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้วของสิงคโปร์เค้าสามารถทำให้เกิดขึ้นได้เป็นเพราะว่า เค้ามีรัฐบาลที่มีความชัดเจนในเรื่องของนโยบายและสามารถดูแลความเป็นอยู่ของ ประชาชนโดยรวมให้อยู่ดีกินดีมาโดยตลอด ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนพรรคการเมืองพรรคนี้ (People's Party Action) ที่ทำหน้าที่บริหารประเทศอยู่ในปัจจุบัน รัฐบาล ของสิงคโปร์มีบทบาทมากในเรื่องความเป็น อยู่ ในเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย ของบ้านเมือง โดยปกติถ้าทางรัฐบาลได้มีการออกกฏหมายออกมาแล้วล่ะก็ ยากเหลือเกินที่จะมีใครกล้าฝ่าฝืน เพราะว่าโทษปรับสูงมาก ตอนที่ผมไปเที่ยว ผมก็ระวังสุดตัวเลยครับ อย่างไรระวังไว้ดีที่สุดครับ อย่าได้ไปลองดีเลยครับ ส่วนหนึ่งก็คิดว่าดีครับ แต่อีกส่วนหนึ่งก็รู้สึกอึดอัดพอสมควร แต่ถ้าอยู่นานๆ ไปแล้วคงชินไปเองแหละครับ อ่านรีวิวแนะนำจากเพื่อนสมาชิกที่นี่ เที่ยวสิงคโปร์วันแรก ตอนที่ 1 หาที่พัก, ทานกลางวันที่ Suntec, สัมผัสน้ำพุแห่งความมั่นคง เที่ยวสิงคโปร์วันแรก ตอนที่ 2 Duck Tour , Flyer เที่ยวสิงคโปร์วันแรก ตอนที่ 3 Marina Bay Sand , อาหารเย็น Lau Pa Sat ,ชมความงามขอน้ำพุแห่งความมั่นคง เที่ยวสิงคโปร์วันที่ 2 ตอนที่ 4 เที่ยว Sentosa ขึ้น The Merlion เล่น Luge + Skylide ชม Siloso Beach เที่ยวสิงคโปร์วันที่ 2 ตอนที่ 5 เดินเล่นที่ Vivo City ช็อปปิ้งที่ China Town ผจญภัยที่ มุสตาฟา เที่ยวสิงคโปร์วันที่ 3 ตอนที่ 6 สนุกทั้งวันที่ Universal Studio Singapore เที่ยวสิงคโปร์วันที่ 4 ตอนที่ 7 เดินเล่นรอบอ่าวมารีน่า ถ่ายรูปคู่กับ Merlion เที่ยวสิงคโปร์วันที่ 4 ตอนที่ 8 (สุดท้าย) ช็อปปิ้ง Orchard Road + Bugis Street สำหรับ เรื่องเศรษฐกิจค้าขาย ประเทศสิงคโปร์ ถือว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำในเวทีโลกเลยก็ว่าได้ครับ ท่าน ลี กวน ยู่ สามารถทำให้สิงคโปร์กลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การธนาคาร ตลาดหุ้น การบิน ท่าเรือพาณิชย์ขายสินค้าไปทั่วโลก ซึ่งสิ่งเกิดขึ้นได้ทั้งๆ ที่ประเทศสิงคโปร์ ไม่ได้มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญใดๆ เลยทั้งสิ้น แหล่ง ท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์ก็มีไม่มากมายนัก ซึ่งเพียงพอสำหรับทริปในระดับ ประมาณ 3 วัน 2 คืน สำหรับผู้ที่ต้องการไปเที่ยวแบบแหล่งท่องเที่ยวเน้นๆ จริงๆ หรือซัก ประมาณ 4 วัน 3 คืน ก็ไม่เหนื่อยเกินไป แต่ถ้าอยากเก็บทุกจุดจริงๆ ก็ซัก 5 วัน 4 คืน กำลังดีครับ สำหรับ ผู้ที่สนใจเดินทางท่องเที่ยวในสิงคโปร์ผมแนะนำว่าควรจะวางแผนการเดินทางให้ ดีนะครับ จะทำให้เราสามารถใช้เวลาในการท่องเที่ยวแต่ละวันได้อย่างคุ้มค่า สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในสิงคโปร์ ค่อนข้างสะดวกมากครับ ส่วนใหญ่แล้วจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า sMRT ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ในประเทศสิงคโปร์ สำหรับ นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ แล้วต้องการคู่มือท่องเที่ยว ต่างๆ โบรชัวร์ แผนที่ หรือ ต้องการสอบถามข้อมูลต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ดังนี้นะครับ ที่ สิงคโปร์จะมีเอกสารคู่มือท่องเที่ยว โบรชัวร์ต่างๆ แจก ให้กับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่เราเดินผ่าน ตม. ที่สนามบินเลยครับ หลังจากผ่าน ตม. เข้าไปแล้ว เดินไปประมาณไม่เกิน 10 เมตร ให้มองไปทางซ้ายมือครับ ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวจะอยู่ให้เราเห็นชัดเจน รับรองไม่พลาดแน่ๆ เราสามารถหยิบเอกสารได้ทุกอย่างได้มากเท่าที่เราจะสามารถหยิบได้เลยครับ 1. Singapore Visitors Centre @ CHANGi Airport ตั้ง อยู่ ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารขาเข้า (Arrival Hall) มีทั้งที่ Terminal 1 และ Terminal 2 ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 06.00 - 02.00 น. 2. Singapore Visitors Centre @ ORCHARD ROAD ตั้งอยู่บนถนน Orchard ติดกับห้าง Mid Point Orchard เปิด ตั้งแต่ 08.00 - 20.00 น. ทุกวัน 3. Singapore Visitors Centre @ LIANG COURT ตั้ง อยู่ที่บริเวณชั้น 1 Liang Court Shopping Centre บนถนน River Valley ใกล้ๆ โรงแรม New Otani สำหรับท่านใดที่เดินไปแถวๆ Clarke Quay สามารถแวะไปใช้บริการได้ เปิด ตั้งแต่ 10.00 - 22.00 น. ทุกวัน 4. Singapore Visitors Centre @ LITTLE INDIA ตั้งอยู่ภายใน InnCrowd Backpacker's Hostel บนถนน Dunlop ใกล้กับ Little India Arcade เปิด 10.00 - 22.00 ทุกวัน 5. Sinapore Visitors Centre @ SUNTEC ตั้งอยู่บริเวณ Suntec City Mall เปิด 10.00 - 24.00 ทุกวัน ใน กรณีที่มีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง ได้ที่เบอร์ 1 800 736 2000 หรือ ในกรณีที่ต้องการสอบถามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย สามารถติดต่อได้ที่ Singapore Visitors Centre ชั้น 2 ห้อง F209-210 อาคารยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ เลขที่ 323 ถ.สีลม เขตบางรัก กทม 10500 โทรศัพท์ (02) 630-4774-6 ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์ ช่วง ต้น สิงคโปร์เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ปลายสุดแหลมมลายู เป็นสถานพักสินค้าของพ่อค้าทั่วโลก เดิมชื่อว่า เทมาเส็ก (ทูมาสิค) มีกษัตริย์ปกครอง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้มีเจ้าผู้ครองนครปาเล็มบังเดินทางแสวงหาดินแดนใหม่เพื่อสร้างเมือง แต่เรือก็อับปางลง พระองค์ได้ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่งมีรูปร่างลำตัวสีแดงหัวดำหัวคล้ายสิงโตหน้าอกขาว พระองค์จึงถามคนติดตามว่า สัตว์ตัวนั้นคืออะไรคนติดตามก็ตอบว่ามันคือ สิงโต พระองค์จึงเปลี่ยนชื่อเทมาเส็กเสียใหม่ว่า สิงหปุระ ต่อมาสิงหปุระก็ได้ตกเป็นของสุลต่านแห่งมะละกา ยุค การล่าอาณานิคม ประเทศแรกที่มายึดสิงคโปร์ไว้ได้คือโปรตุเกส เมื่อปี ค.ศ. 1511 แล้วก็ถูกชาวดัตช์มาแย่งไป แต่ประมาณปี ค.ศ. 1817 อังกฤษได้แข่งขันกับดัตช์ในเรื่องอาณานิคม อังกฤษได้ส่งเซอร์ โทมัส แสตมฟอร์ด บิงก์เลย์ แรฟเฟิลส์ มาสำรวจดินแดนแถบสิงคโปร์ ตอนนั้นสิงคโปร์ยังมีสุลต่านปกครองอยู่ แรฟเฟิลส์ได้ตกลงกับสุลต่านว่า จะตั้งสถานีการค้าของอังกฤษที่นี่ แต่สุดท้ายอังกฤษก็ยึดสิงคโปร์ไว้เป็นเมืองขึ้นได้สำเร็จ สงคราม โลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ และก็สามารถยึดครองสิงคโปร์ไว้ได้ แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง อังกฤษก็ได้ครอบครองสิงคโปร์เหมือนเดิม การรวม ชาติเข้ากับมาเลเซีย เมื่อสิงคโปร์เห็นมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์จึงรีบขอรวมชาติเข้ากับมลายาทันที เพื่อจะได้ไม่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีก แต่สิงคโปร์ก็ไม่พอใจกับมาเลเซียมากนักเพราะมีการเหยียดชนชาติกัน ทำให้พรรคกิจประชาชนของสิงคโปร์ประกาศให้สิงคโปร์เป็นเอกราชตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965 ตั้งแต่บัดนั้นมา สาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อแยกตัวออกมาแล้วพรรคกิจประชาชนก็ครองประเทศมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ประวัติ ศาสตร์การเมืองการปกครอง ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ก่อนศตวรรษที่ 14 มิได้ถูกบันทึกอย่างชัดเจนและแน่นอนนัก ในช่วงศตวรรษที่ 14 สิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรมัชฌาปาหิตแห่งชวา ต่อมาใน ต้นศตวรรษที่ 15 ก็อยู่ภายใต้การยึดครองของอาณาจักรสยาม จนถูกประมุขแห่งมะละกาเข้ามาแย่งชิงไป และเมื่อโปรตุเกสเข้ายึดครองมะละกา สิงคโปร์ก็กลายเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสในราวปี ค.ศ. 1498 และต่อมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอลันดาในช่วงศตวรรษที่ 17 เมื่อ อังกฤษขยายอิทธิพลเข้ามาบริเวณแหลมมลายูในกลางศตวรรษที่ 18 ก็เริ่มสนใจ สิงคโปร์ ในปี 1819 อังกฤษได้ขอเช่าเกาะสิงคโปร์จากจักรวรรดิ์ยะโฮร์ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ ฮอลันดา ในปี 1824 อังกฤษมีสิทธิครอบครองสิงคโปร์ตามข้อตกลงที่ทำกับฮอลันดา ต่อมาในปี 1826 สิงคโปร์ถูกปกครองภายใต้ระบบสเตรตส์เซ็ตเติลเมนท์ (Straits Settlement) ซึ่งให้บริษัท อินเดียตะวันออกของอังกฤษควบคุมดูแลสิงคโปร์ รวมทั้งปีนัง และมะละกาด้วย และต่อมาในปี 1857 รัฐบาลอังกฤษได้เข้ามาดูแลระบบนี้เอง ในปี 1867 สิงคโปร์กลายเป็นอาณานิคม (Crown Colony) ของอังกฤษ จนกระทั่งปี 1946 จึงได้รับการยกฐานะให้เป็นอาณานิคมแบบ เอกเทศ (Separate Crow colony) เมื่ออังกฤษกลับมายึดครองสิงคโปร์อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่สิงคโปร์อยู่ภายใต้ญี่ปุ่น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (1942-1946) ในฐานะที่เป็นอาณานิคมแบบเอกเทศ นั้น สิงคโปร์มีอำนาจปกครองกิจการภายในของตนเองแต่ไม่มีอำนาจดูแลกิจการทหารและ การต่างประเทศ และยังมีผู้ว่าราชการจากอังกฤษมา ปกครองอยู่ ในสภานิติบัญญัติ (Legislative Council) นั้น อังกฤษเริ่มเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกตั้งสมาชิกบางส่วน (6 คน จาก 22 คน) ได้ ซึ่งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาบางส่วนนี้ในปี 1948 พรรคก้าวหน้า (Progressive Party) ของสิงคโปร์ได้ที่นั่งมากที่สุด ต่อมาในปี 1951 สมาชิกสภาที่มาจากการเลือกตั้งถูกเพิ่มเป็น 9 คน ในจำนวน 25 คน และในปี 1955 ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับแรกสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งมีจำนวน 25 คน ในจำนวน 32 คน ต่อมาอังกฤษให้ชาวสิงคโปร์มี อำนาจและมีส่วนร่วมในการปกครองตนเองมากขึ้นในช่วง 10 ปี ก่อนที่สิงคโปร์จะประกาศเป็นสาธารณะรัฐนั้น สิงคโปร์จึงอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาล 3 ชุด คือ (1) รัฐบาลของนายเดวิด มาร์แชล (David Marshall) จากปี 1955-1956 (2) รัฐบาลของนายลิม ยิว ฮ๊อค (Lim Yew Hock) จากปี 1956-1959 และ (3) รัฐบาลของนาย ลี กวน ยู (Lee Kuan Yew) ซึ่งภายใต้รัฐบาลนี้สิงคโปร์อำนาจในการปกครองตนเองอย่างสมบูรณ์แล้ว และนายลีได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ต่อมาในช่วงปี 1963-1965 รัฐบาลชุดนี้ก็ได้ตัดสินใจเข้าไปรวมอยู่ในสหพันธรัฐมาเลเซีย และอยู่ได้เพียง 2 ปี นับจากปี 1965 เมืองสิงคโปร์ประกาศตนเป็นประเทศเอกราช มีอำนาจอธิปไตยของตนเอง โดยปกครองในรูปของสาธารณรัฐ หลังจากนั้นสิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเป็น เวลาถึง 25 ปี ซึ่งก็คือ นาย ลี กวน ยู ทั้งนี้เป็นเพราะพรรคกิจประชา (PAP: People’ Action Party) ซึ่งนาย ลี เป็นผู้ก่อตั้งแต่ปี 1961 นั้นมีชัยชนะในการเลือกตั้งเกือบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือการเลือกตั้งซ่อม ทศวรรษที่ 1990 เป็นจุดเริ่มต้นของกรปรับเปลี่ยนการปกครองสิงคโปร์จากผู้นำกลุ่มเก่า (Old Guards) เป็นผู้นำรุ่นใหม่ (New Guards) นายโก๊ะ จ๊กตง (Goh Chok Tong) ได้รับการคัดเลือกจากพรรคกิจประชาและคณะรัฐมนตรี ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สองของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 1990 นาย ลี กวน ยู ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลชุดใหม่โดยเป็นรัฐมนตรีอาวุโส และในปี 1993 สิงคโปร์เริ่มใช้ระบบประธานาธิบดีแบบใหม่ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ปัจจุบัน ปี 2006 ประเทศสิงคโปร์ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่และทีม เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป แต่อย่างไรก็ดี พรรคกิจประชาก็ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเหมือนอย่างเดิม โดยพรรค PAP ได้รับที่นั่งในฝ่ายรัฐบาล 82 ที่นั่งจาก 84 ที่นั่ง ซึ่งเท่ากับสมัยนายโก๊ะ จ๊กตงได้รับในปี 2544 แต่ได้คะแนนเสียงลดลงจากสมัยแรกที่ได้ 75.3 เป็น66.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐบาลนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของนาย ลี เซียน ลุง สมัยที่สองซึ่งรัฐบาลจะมีนโยบายผลักดันในเรื่องปัญหาคนยากไร้ ผู้สูงอายุและคนว่างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่นาย ลี เซียน หลุงจะได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้น เขาได้เน้นโยบายแบ่งปันรายได้ผนวกกับความอ่อนแอและแตกแยกของพรรคฝ่ายค้าน ทำให้พรรคPAP ได้ครองอำนาจสืบทอดมาเป็นระยะเวลา 4 ทศวรรษ การเมือง ระบอบ การปกครองของสิงคโปร์ คือ ระบอบประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายเซลลาปัน รามานาทาน เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2542 ส่วนนายกรัฐมนตรีคือ นายลี เซียน ลุง ซึ่งรับตำแหน่งต่อจากนายโก๊ะ จ๊กตง และนายลี กวน ยูซึ่งมีฐานะเป็นบิดาของนาย ลี เซียน ลุง ประชากร ประชากร หนาแน่นที่สุดในภูมิภาค และเป็นประเทศเล็กที่สุดในภูมิภาค เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของโลก มีจำนวนประชากรประมาณ 4.24 ล้านคน (2547) ประกอบด้วยชาวจีน (76.5%) ชาวมาเลย์ (13.8%) ชาวอินเดีย (8.1%) และอื่น ๆ (1.6%) วัฒนธรรมจาก การที่มีประชากรหลายเชื้อชาติ สิงคโปร์จึงมีผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ คือ พระพุทธศาสนา ศาสนาฮินดู คริสต์ศาสนา และลัทธิเต๋า ในประเทศสิงคโปร์มีวัดมหายานอยู่หลายแห่ง รวมทั้งสมาคมทางศาสนา ซึ่งทำหน้าที่เผยแผ่ศาสนา ตั้งโรงเรียนสอนหนังสือ และดำเนินงานสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า นอก จากวัดพระพุทธศาสนาแบบมหายานแล้ว ในสิงคโปร์มีวัดพระพุทธศาสนาแบบเถรวาท ซึ่งได้แก่ วัดไทย และวัดลังกา รวมอยู่ด้วย วัดไทยที่สำคัญมี 2 วัดคือ วัดอนันทเมตยาราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2479 และทำการปฏิสังขรณ์ใหม่เมื่อ พ.ศ. 2502 อีกวัดหนึ่ง ชื่อ วัดป่าเลไลยก์ สิงคโปร์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2506 สำหรับ เพื่อน ๆ สมาชิก ที่ต้องการจะไปเที่ยวสิงคโปร์แบบ 2-3 วัน ลองอ่านตัวอย่างโปรแกรมทัวร์แบบจัดเอง ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ดูเป็นไอเดียก็ได้นะครับ
|