หลัง จากที่ออมกินแมคโครไบโอติกส์ ซึ่งอาศัย ข้าวกล้อง และข้าวสังข์หยดเป็นตัวนำแล้ว เราได้มีการประมวลผลกันด้วยค่ะ ผลคือ น้ำตาลในเลือดลดลง ถึงน้ำหนักออมก็เท่าเดิมกับครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้ เอวของออม หายไป 1 นิ้ว ค่ะ น่าพิศวงใช่มั้ยล่ะ พี่เจ๊ และเอฟ เอวลดไป 3 ตั้งนิ้วเลยค่ะ น่าทึ่งมาก ใช้เวลาแค่ 2 อาทิตย์เอง คุณหมอบอกออมว่ามันจะทำให้ร่างกายเรากระชับขึ้นค่ะ เย้ๆๆๆ ดีใจจริงๆ นี่ขนาดออมไม่ได้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัดนะคะ (เพราะยังมีบางวันแอบไปกินเส้นอยู่…หุหุ) เอาละค่ะ ขอแทรกวิชาการอีกนิดนะคะ หลัก ของการกินแบบแมโครไบโอติกส์นั้น คือ ความพอเหมาะพอดี หมายถึงให้กินตามที่ร่างกายต้องการอย่างแท้จริง ทั้งชนิดและปริมาณของอาหาร และต้องเป็นอาหารที่มาจากธรรมชาติ ใช้วัตถุดิบที่สด สะอาด ปราศจากสารพิษต่างๆ มีการปรุงแต่งรสชาติแต่พอดี ไม่มากจนกลบรสชาติแท้จริงของอาหาร โดยใช้เครื่องปรุงรสจากธรรมชาติเท่านั้น ไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ในการแต่งรส แต่งสี หรือแต่งกลิ่นโดยเด็ดขาด เมื่อ ร่างกายได้รับแต่อาหารที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับตัวเองในปริมาณที่เพียงพอ ไม่มากหรือน้อยเกินไป ประกอบกับมีการออกกำลังที่พอเหมาะ และมีจิตใจที่สดชื่นแจ่มใสอยู่เสมอ ย่อมถึงซึ่งสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาว อันเป็นสุดยอดความปรารถนาของคนทั่วไป อา หารแนวแมคโครไบโอติกส์ จะมีการกำหนดสัดส่วนโดยเฉลี่ยของอาหารแต่ละประเภทในแต่ละมื้อ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคนและในแต่ละท้องถิ่นตามความเหมาะสมกับสภาพดินฟ้า อากาศ โดยทั่วๆไปแล้วจะมีสัดส่วนมาตรฐานดังนี้ 1. ธัญพืชไม่ขัดสี หรือผลิตภัณฑ์จากธัญพืชไม่ขัดสี 50-60% 2. ผักที่ปลูกในท้องถิ่น 20-30% 3. ซุปหรือแกง 5-10% 4. โปรตีนจากถั่วหรือปลา 5-10% สัดส่วนนี้เป็นเพียงแนวทางกว้างๆ สำหรับเป็นหลัก ในการปฏิบัติต้องนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้า กับ สภาวะโดยรวมของตนเองดังที่กล่าวไว้แล้ว กลุ่มที่ต้องพิจารณาให้ดีคือ เด็กทารก เด็กกำลังเจริญเติบโต สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ซึ่งบุคคลเหล่านี้สามารถเลือกกินให้กว้างๆได้ ไม่ใช่จำกัดอยู่แค่สูตรมาตรฐานเท่านั้น สามารถจะเสริมด้วยเนื้อปลาหรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่นได้บ่อยกว่าคนทั่วไป มิเช่นนั้นอาจเกิดปัญหาสุขภาพจากการขาดสารอาหารบางชนิดได้ สำหรับ การปรุงอาหารแมคโครไบโอติกส์นั้น จะใช้ความร้อนจากแก๊สหรือถ่านไม้ โดยพยายามหลีกเลี่ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือไมโครเวฟในการปรุงอาหาร เนื่องจากมีความเชื่อว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะทำลายพลังชีวิตของอาหาร นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ปรุงอาหารอย่างถูกสุขอนามัย และที่สำคัญคือ ปรุงด้วยความรักและจิตใจที่แจ่มใส หาก ใครได้ศึกษาวิธีการปรุงและการจัดอาหารแบบแมคโครไบโอติกส์อย่างเข้าใจถ่องแท้ แล้ว จะพบว่า อาหารที่ดีต่อสุขภาพก็สามารถอร่อยได้ และอร่อยอย่างมีคุณค่าเสียด้วย อาหารแมคโครไบโอติกส์ไม่ใช่อาหารที่มีรสชาดจืดชืดน่าเบื่อ แต่หากเป็นอาหารที่มีความสมดุลในสัดส่วน มีความหลากหลายในส่วนผสม มีรสกลมกล่อมจากเครื่องปรุงตามธรรมชาติ และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่จะถ่ายทอดไปเป็นพลังกายที่แข็งแกร่งและพลังใจที่ เข้มแข็งให้เราใช้ในการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพต่อไป. ตัวอย่างอาหารแมคโครไบโอติกส์ค่
คิดว่าเพื่อนๆหลายๆคนก็คงจะมีความคิดเช่นเดียวกับออมนะคะ ว่าเวลากินข้าวถ้าไม่อยากอ้วนให้กินกับข้าวเยอะๆ กินข้าวให้น้อยๆ แต่เพื่อนๆเชื่อมั๊ยคะว่าตอนนี้มันตรงข้ามกันหมดแล้วค่ะ ออมก็ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ ว่าทำไมกินข้าวเยอะๆแล้วไม่อ้วน หากไม่ประสบกับตัวเอง ปกติออมไม่ชอบที่จะกินข้าวเลย อาหารมื้อหลักของออมต้องเป็นอาหารประเภทเส้นๆๆๆๆๆ เท่านั้นไม่ว่าจะเป็น ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว หรืออะไรก็แล้วแต่ขอให้มันเป็นเส้นเป็นสายกะพอ ตอนนี้ออมประสบกับตัวเองแล้วค่ะ ข้าวไม่ได้ทำให้เราอ้วนเลยแม้แต่น้อย อาหารที่เป็นเส้นต่างหากที่ทำให้เราอ้วนเอาอ้วนเอา ตอนนี้ออมเริ่มกินอาหารแมคโครไบโอติกส์มา 5 วันแล้ว เพื่อนๆเชื่อมั้ยคะ ว่าน้ำหนักออมลดลงไปตั้ง 8 ขีด ภายในระยะเวลาแค่ นี้เองค่ะ ไม่อยากจะเชื่อละซิ หุหุหุ (แต่ว่าอย่าถามเลยนะว่าก่อนหน้าออมนำหนักเท่าไหร่ !!!) เอาเป็นว่าตอนนี้ออมกินมาก แถมมากกว่าปกติด้วยนะคะ เน้นกินข้าว 50% กินกับข้าว 30% ผัก 20% มาถึงตอนนี้ออมคิดว่าคงมีเพื่อนๆหลายคนอยากรู้แล้วว่า ข้าวที่ว่านี้คืออะไร หลายๆคนคงยังไม่รู้จักข้าวสังข์หยด *ข้าว พันธุ์สังข์หยดมีสีแดงสวย เป็นพันธุ์ข้าวในพื้นที่ภาคใต้ที่มีการปลูกมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยเฉพาะในจังหวัดพัทลุง คนในพื้นที่นิยมบริโภคกันมาช้านาน มีการบอกเล่าถึงสรรพคุณทางยา รวมถึงเป็นข้าวชนิดพิเศษที่มักใช้ในงานประเพณีที่สำคัญของภาคใต้อยู่เสมอ ในปัจจุบันนี้ มีการวิเคราะห์ถึงคุณค่าทางโภชนาการของข้าวสังข์หยดที่ปลูกในจังหวัดพัทลุง โดยสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าในข้าวพันธุ์นี้ นอกจากจะมีโปรตีน แคลเซียม และวิตามินบีสูงแล้ว ยังมีธาตุเหล็กและสังกะสีอยู่มากกว่าข้าวที่ปลูกในจังหวัดอื่นๆ *ข้าว พันธุ์สีนิล เป็นข้าวที่ได้จากการคัดพันธุ์กลายของข้าวเหนียวดำต้นเตี้ยจากจีน เมล็ดข้าวสีม่วงเข้มเกือบดำ เมล็ดใส เหนียวนุ่ม เมล็ดยาว เมื่อหุงสุกจะนุ่มและมีกลิ่นหอมแบบข้าวเหนียวดำและข้าวหอม ข้าวสีนิลนับเป็นข้าวที่มีโภชนาการสูง มีโปรตีนอยู่ในช่วงประมาณ 10-12.5 % มีแคลเซียม 4.2 มิลลิกรัม/100 กรัม ธาตุเหล็ก 2.25-3.25 มิลิกรัม/ 100 กรัม ธาตุสังกะสีประมาณ 2.9 มิลลิกรัม มีปริมาณสารโปรแอนโทรไซยานิดิน (Proanthrocyanidin)สูงประมาณ 293 ไมโครโมล/กรัม ( โปรแอนโทรไซยานิดินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงมาก)มีน้ำมันรำข้าว 18 % และพบว่ามี omega-3 ประมาณ1-2 % นอกจากนี้ ข้าวกล้องสีนิลยังมีปริมาณไฟเบอร์ ถึง 10 % ข้าวของคนไทยดั้งเดิมนั้นคือ ข้าวกล้อง ซึ่งบางคนเรียกกันติดปากว่า ข้าวซ้อมมือหรือข้าวแดง เนื่องจากในสมัยโบราณ ชาวบ้านใช้วิธีตำข้าวกินกันเอง จึงเรียกว่า ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง คือข้าวที่สีเอาเปลือก (แกลบ) ออกโดยที่ยังมีจมูกข้าว และเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (รำ) อยู่ ซึ่งจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวนี้มีคุณค่าอาหารที่มีประโยชน์มากทีเดียว ข้าว ของคนสมัยใหม่คือข้าวขาวสีขาวสะอาด เป็นข้าวที่ผ่านการขัดจากเครื่องจักรประสิทธิภาพสูงซึ่งขัดสีจนเยื่อหุ้ม เมล็ดข้าวและจมูกข้าวหลุดออกไปจนหมดสิ้น เหลือแต่เนื้อในของข้าว การขัดสีส่วนที่มีคุณค่าต่อร่างกายออกไป ทำให้ข้าวขาวแทบจะเหลือเพียงแต่แป้ง นักค้นคว้าชื่อ โรสเดล ( Rosedale ) ได้วิเคราะห์ว่า การขัดสีข้าวกล้องจนมีสีขาว นอกจากจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวจะถูกขจัดออกไปแล้ว ยังทำให้โปรตีนสูญหายไปประมาณ 30% ข้าวขาวกินแล้วนุ่มลิ้น แต่แทบไม่มีสรรพคุณทางยาเหลืออยู่เลย มีเพียงแต่สารอาหารที่ให้พลังงานเท่านั้น ข้าวกล้องมีโปรตีนประมาณ 7-12% แล้วแต่ว่าเป็นข้าวพันธุ์ใด ข้าวกล้องแต่ละพันธุ์อาจมีสีที่แตกต่างกัน เช่น ข้าวกล้องหอมมะลิมีสีน้ำตาลอ่อน ข้าวกล้องสังข์หยด*มีสีแดง หรือข้าวกล้องสีนิล*มีสีม่วงเข้มเกือบดำ เป็นต้น ไม่ว่าจะมีสีใดก็ตาม ข้าวกล้อง จะต้องมีส่วนของจมูกข้าวและรำข้าวติดอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้น หากข้าวมีสีแดงแต่ไม่มีจมูกข้าวและรำข้าวติดอยู่ ก็ไม่เรียกว่าเป็นข้าวกล้อง ในข้าวกล้องมีสารเส้นใยสูงมากกว่าข้าวขาว 3-7 เท่า การกินข้าวกล้องจะได้สารเส้นใยไปพร้อมๆกับ สาร อาหารบำรุงร่างกายสารพัดชนิด สารเส้นใยนี้จะช่วยซับเอาน้ำมันและน้ำตาลที่กินเข้าไปล้นเกิน ทิ้งเป็นกากอุจจาระ ซึ่งนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังสามารถช่วยควบคุมระดับไขมันและระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป และเมื่อมีกากอุจจาระมากขึ้น ก็ทำให้การขับถ่ายดีขึ้นช่วย ลดอาการท้องผูกได้อีกด้วย นอก จากนี้ สารเส้นใยยังทำให้คนกินข้าวกล้องอิ่มนานกว่าคนกินข้าวขาวและไม่อยากกินจุบ จิบ เนื่องจากการย่อยสารเส้นใยใช้เวลานาน และการที่ใช้เวลาในการถูกย่อยนานนี้เองทำให้น้ำตาลในแป้งของข้าวกล้องถูก ปล่อยออกมาสม่ำเสมอไม่เร็วเกินไป ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ ทำให้ไม่รู้สึกอยากกินของหวานหรืออาหารระหว่างมื้อ ต่างจากการย่อยข้าวขาวซึ่งมีแต่คาร์โบไฮเดรตล้วนๆซึ่งจะถูกย่อยเร็ว ทำให้น้ำตาลในแป้งออกมาสู่ร่างกายมากและไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้น้ำตาลในร่างกายสูงเร็วพรวดพราดและไม่คงที่ ทำให้หิวเร็ว ไม่เหมาะสมกับผู้ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ที่มีเป็นโรคเบาหวาน คุณ ค่าทางอาหารอื่นๆที่ทำให้ข้าวกล้องมีประโยชน์มหาศาลก็คือ วิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่มีอยู่มากกว่าในข้าวขาวหลายเท่าตัว เช่น วิตามินบี 1 และบี 2 ซึ่งช่วยในการเผาผลาญอาหาร ช่วยให้การย่อยและการขับถ่ายดีขึ้น ทำให้ระบบประสาททำงานได้ดี จึงรู้สึกสดชื่นกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่าไม่ซึมเศร้า ความจำดี ป้องกันและบรรเทาอาการตาสู้แสงไม่ได้ และคอยควบคุมรักษาสุขภาพของผิวหนัง โดยร่วมด้วยช่วยกันกับแร่ธาตุสังกะสี (ที่พบมากในข้าวกล้องพันธุ์สังข์หยด) ช่วยลดอาการผื่นคัน ทำให้ผิวพรรณผ่องเป็นนวลใยอย่างที่คนโบราณเขาเรียกกันว่า “ผิวนวลข้าว” วิตามินบีอีกชนิดคือ บี3เป็น ตัวสำคัญในการสังเคราะห์ฮอร์โมนสืบพันธุ์ เมื่อรวมกับแร่ธาตุเซเลเนียมในข้าวกล้องก็จะช่วยลดอาการหงุดหงิด สวิงสวาย หน้ามืด อ่อนเพลีย ร้อนวูบวาบ ซึ่งเป็นอาการของวัยหมดหรือใกล้หมดประจำเดือนได้ดี สำหรับกลุ่มวิตามินบี 5-บี12 นั้น ช่วยในการเผาผลาญและใช้แป้ง ไขมันและโปรตีนให้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย ลดอาการบวมน้ำ ควบคุมการทำงานของสมองและอารมณ์ให้อยู่ในสภาพที่ปกติ และช่วยชะลอความชรา ลดความเสื่อมสมรรถภาพของอวัยวะต่างๆ ประกอบกับในข้าวกล้องมีวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมาช่วยป้องกัน ปัญหาอันเกิดจากการแก่ก่อนวัย ริ้วรอยตีนกา รอยกระแก่ตามผิวหนังก็ไม่เกิดขึ้นก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้ วิตามินอียังป้องกันไม่ให้เลือดไปอุดตันตามหลอดเลือด ช่วยลดอาการกำเริบของโรคหัวใจหรืออัมพฤต อัมพาต นอก เหนือจากกล่าวมาแล้วในข้าวกล้องยังมีสารอาหารอีกหลายชนิดที่สามารถช่วยให้ ระบบต่างๆในร่างกายแทบทุกระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสรุปแล้ว เมื่อกินข้าวกล้องเป็นประจำ จะช่วยป้องกัน บรรเทา หรือแม้แต่รักษาปัญหาสุขภาพต่างๆได้มากมายดังนี้: Ø อ้วนหรืออ้วนง่ายหรือมีปัญหาในการลดความอ้วน Ø ท้องผูก Ø ไขมันในเลือดสูง Ø น้ำตาลในเลือดสูงหรือเป็นโรคเบาหวาน Ø ตาสู้แสงไม่ได้ คันตาและแสบลูกตาเป็นประจำ หรือการมองเห็นไม่เป็นปกติ Ø คันตามผิวหนัง มีอาการผิวหนังอักเสบหรือใบหน้ามีผื่นแดงบ่อยๆ Ø ภูมิต้านทานต่ำ หรือเป็นภูมิแพ้ หอบหืด Ø กล้ามเนื้อไม่มีแรง เหนื่อยง่าย Ø ชาหรือเป็นตะคริวที่ขา Ø ปวดไขข้อ หรือเจ็บขัดๆตามข้อต่างๆ Ø อ่อนเพลีย ซึมเศร้า Ø กระวนกระวาย หงุดหงิด Ø นอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิท Ø ปวดศีรษะเรื้อรัง Ø โลหิตจาง ซีด Ø มีอาการบวมน้ำในระยะก่อนมีประจำเดือน Ø มีอาการของวัยทอง เช่น หงุดหงิด สวิงสวาย อ่อนเพลีย หน้ามืด ร้อนวูบวาบฯลฯ Ø ความจำเสื่อม Ø ระบบประสาทผิดปกติ ปลายประสาทอักเสบ Ø การรับรู้รส หรือกลิ่นไม่ดี Ø แก่ก่อนวัย Ø ผมร่วงหรือหงอกก่อนวัย ใครอยากมีรูปร่างสมส่วน ผิวพรรณผ่องใส อารมณ์ดี สดชื่นแจ่มใส มีเรี่ยวแรงมาก แก่ช้า สมองดี ไม่หลงลืม สุขภาพโดยรวมดี ภูมิต้านทานดี ไม่เจ็บไม่ป่วย ต้องกินข้าวกล้องกันทุกมื้อนะคะ |
ข้อมูลที่มา www. ommyphuket.wordpress.com |
ครไบโอติกส์ค่