วิธีลดน้ำหนัก มักจะคู่กับ ผู้หญิงดูเป็นพิเศษ วิธีที่ใช้ส่วนใหญ่ มักมี สูตรอาหารลดน้ำหนัก ที่ต่างก็สรรหากันมา บ้างก็เป็นที่ยอมรับ ทางการแพทย์ แต่บางวิธีก็ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพหรือไม่ ในบรรดาวิธีต่างๆ ที่ใช้ควบคุมความอ้วน วิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งรวมถึง การปรับเปลี่ยนการกินอาหารนับเป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด การทำอาหาร รับประทานเองก็เป็น สูตรอาหารลดน้ำหนักที่ดี วิธีใช้ยาดูเหมือนว่าตอนแรกจะลดน้ำหนักได้เร็ว แต่ในระยะยาวแล้ว สู้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้เพราะคุมความผอมไว้ได้นานกว่า การใช้ ยาลดความอ้วน ในการ ลดน้ำหนัก ดูจะเป็นวิธีที่อันตราย ควรจะอยู่ในการควบคุมของแพทย์ การใช้สูตรอาหารลดน้ำหนักนั้นในการปรับเปลี่ยนอาหารเริ่มจาก การให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับสารอาหาร พลังงานจากอาหารและชนิดของอาหารต่างๆ จุดประสงค์เพื่อให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้เหมาะสม, สามารถคิดปริมาณพลังงานจากสารอาหารได้ และรู้หลักของ การจัดอาหารให้สมดุล ปัจจุบันเราถือว่า การอ้วนเป็นภาวะอันเกิดจาก หลายปัจจัยร่วมกัน เช่น กรรมพันธุ์ วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจ พฤติกรรม และปัจจัยด้านสถานการณ์รอบด้าน คนอ้วนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีโรค อันเป็นเหตุให้อ้วนโดยตรง นอกเหนือจากการกินเข้ามามากกว่า การใช้ออกไป จะมีน้อยมากกว่าอ้วนจากโรค เช่น โรคของต่อมไร้ท่อบางชนิด โรคทางพันธุกรรม อ้วนจากยาหรือจากโรคของระบบประสาท คงต้องยอมรับว่า การ ลดความอ้วน ให้ได้ผลระยะยาว เป็นเรื่องยาก ในทางทฤษฎีแล้วจะต้องเผาผลาญพลังงานไปถึง 3,500 กิโลแคลอรี่ จึงจะลดไขมันลงไปได้ 1 ปอนด์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ไม่ควร ลดน้ำหนัก ลงเร็วกว่า 1-2 ปอนด์ต่อสัปดาห์ วิธีลดความอ้วน ด้วยการออกกำลังกายถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีลดความอ้วน ที่นิยมใช้กันมีดังนี้ - ชั่งน้ำหนักตัวเองสม่ำเสมอ - เดินออกกำลัง - ดื่มเครื่องดื่มคุมน้ำหนัก - กินเกลือแร่ วิตามิน - คำนวณแคลอรีที่กิน - อดอาหารบางมื้อ - ใช้อาหารลดน้ำหนักที่มีขาย - ใช้บริการของโปรแกรมลดน้ำหนัก - ใช้ยา ลดน้ำหนัก ผู้ที่ต้องการควบคุมอาหารมากๆ อาจจำกัดพลังงานอาหาร ให้เหลือเพียง 400-800 กิโลแคลอรีต่อวัน กิจกรรมออกกำลัง มีความสำคัญในการลดน้ำหนักมาก เพราะช่วยเร่งการใช้พลังงาน หรือเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ออกไปอีกทางหนึ่ง รวมแล้ว พลังงานแต่ละวันก็จะติดลบ คือ ใช้มากกว่ารับประทานเข้าไป น้ำหนักก็จะลดลงเรื่อยๆ การใช้ ยาลดความอ้วน ยาลดน้ำหนัก เมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร จะช่วย ลดน้ำหนัก ได้ เมื่อใช้ยาแล้วอาจจะทำให้ไม่หิว หรือรู้สึกอิ่มเมื่อรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย ผู้ที่อ้วนมากๆ จึงควรใช้ยาลดน้ำหนักครับ อ้วนน้อยๆ ไม่จำเป็น ใช้แค่คุมอาหาร และออกกำลังกายก็พอ ยาลดน้ำหนัก เมื่อหยุดใช้อาจกลับมาอ้วนอย่างเดิมอีก จึงต้องเปลี่ยนการรับประทานอาหาร และการออกกำลังด้วยเสมอ ต้องพยายามด้านนี้ให้มากครับ ถือเป็นเรื่องที่ต้องทำตลอดไปเลย ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของยา ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงครับ ยาบางชนิดอาจทำให้กระวนกระวาย หงุดหงิด ปวดศีรษะ ปากคอแห้ง คลื่นไส้ และท้องผูก บางชนิดก็ทำให้อารมณ์ซึมเศร้า ง่วงนอน ปวดท้อง ท้องเดิน นอนไม่หลับ หรือฝันมาก บางทียาพวกนี้อาจเพิ่มความดันโลหิตให้สูง หรือหัวใจ เต้นผิดปกติได้ครับ ที่ร้ายแรงคือ เกิดแรงดันเลือดในปอดสูง การใช้ยาเหล่านี้จึงต้องอยู่ในความดูและของแพทย์อย่างใกล้ชิดครับ อย่าซื้อมากินเอง แล้วกินไปเรื่อยๆ เพราะอยากผอมจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แพทย์จะคอยติดตามอาการ และเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากยา วัดดูความดันโลหิต ดูการเต้นของหัวใจ และเฝ้าดูปัญหาทางหัวใจ ที่อาจแฝงเร้นอยู่โดยไม่ทราบมาก่อน ถ้าเกิดผลข้างเคียงหรือสงสัย ต้องหยุดยาทันทีครับ ที่มา thaifitway.com วิธีลดความอ้วนของสาวรักกิน! | | เคล็ดลับวิธีลดน้ำหนักให้ได้ผล ด้วยตัวคุณเอง | | | | เรื่องโดย "พริตตี้" คุณเคยมีประสบ ปัญหาเหล่านี้บ้าง ไหมคะ …….. อ้วนแบบไร้ สาเหตุ - ลดความอ้วน ได้แล้ว แต่ไม่นานก็ กลับมาอ้วนใหม่ ภายในพริบตา - กินยาลดความอ้วน ซะจนผอมแบบคนขี้โรค - อารมณ์ ดีทีไร เป็นต้องอ้วนใหม่ทุกที หากเคยละก้อเห็นทีว่าคุณจะต้องเผด็จการกับตัวเอง ในการเผด็จศึกกับ ความอ้วนที่มารุกรานแบบไม่ได้ตั้งใจเล๊ยจริงๆ และในช่วงที่อ้วน ก็พาให้ คุณพบสัจธรรมที่ว่า คนอ้วนเท่านั้นที่จะเข้าใจคนอ้วนด้วยกัน หากคุณ ตัดสินใจแน่วแน่ ว่าจะเดินออกจากสมาคมคนอ้วนละก้อ คุณควร ………… กินทุกอย่างที่ขวางหน้า แหม! หวานคุณละซิคะ ? เมื่อคุณกินทุกอย่างที่ชอบแล้ว รวมไปถึง น้ำชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า ให้คุณพยายามขยับเขยื้อน ร่างกายให้ มากๆเข้าไว้ จำไว้ว่าพลังงาน ที่คุณได้รับจะต้องน้อยกว่า พลังงานที่ คุณใช้ไปค่ะ อดทน และทนอด มันเป็นอะไรที่แสนจะท้าทายคนอ้วนอย่างคุณ ขอให้คุณอดทน ลด อาหาร ทีละน้อยๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับสภาพ การลดอาหาร พรวดพราดอาจทำให้คุณเกิดอาการหน้ามือตาลาย คล้ายจะเป็นลมได้ค่ะ ตักทีละน้อย ไม่ต้องกลัวค่ะว่าข้าวจะหมดหม้อ คุณควรตักข้าวทีละน้อย แล้วค่อยเติมเอาภายหลังจะดีกว่า การเติมข้าว หลายจาน อาจทำให้คุณยับยั้งชั่งใจได้บ้าง เพราะเกิดการละลายแก่ใจตนเอง และอายคนอื่นค่ะ ตั้งปณิธานให้มั่น ใช่แล้วค่ะ ท่องไว้เสมอว่าทุกครั้งมีอาหารอยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 เมตร ทั้งนี้เพื่อว่าคุณจะได้ไม่ใจอ่อนเหมือนเดิมอีก เปลี่ยนนิสัยการกินซะใหม่ คุณๆที่เคยกินจุบกินจิบ ให้พยายามทานอาหารมื้อหลักให้อิ่ม กินอาหาร ให้หลากหลาย จะได้ไม่เป็นโรคขาดสารอาหาร และเลิกนิสัย ชอบชิม ซะที รับประทานอาหารที่มีกาก เช่น ผัก ผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจัด จากนั้นให้คุณชั่งน้ำหนักบ่อยๆ พอน้ำหนักลดลง คุณจะได้มีกำลังใจ มากขึ้น อย่าลืมเอาเอาความสูง ลบด้วย 110 เพื่อหาน้ำหนัก ที่เหมาะสม ด้วย นะคะ ห่างไกลอาหารอันตราย อาหารที่ว่าได้แก่ อาหารที่มีไขมันสูงต่างๆ เช่น นม เนย เนื้อแดง เค้ก และขนมปังต่างๆ อย่ากินเมื่อเครียด สาวๆหลายคน ยิ่งเครียดหรืออกหัก แทนที่จะผอมกลับกินเข้าไป มากมาย เพื่อประชดชีวิต ความคิดแบบนี้ผิดถนัดค่ะ เพราะนอกจากมัน จะทำให้คุณเคยชินตค่อการกินจุแล้ว ยังทำให้หาแฟนได้ยากเย็น และรับรองว่าเขาคนนั้นไปแล้วไม่มีวันย้อนกลับมา หาตุ่มต่อขาแน่นอน พิจารณาอายุตนเอง หากคุณอายุเริ่มมีอายุมากขึ้นละก้อ ให้คุณรู้ไว้เลยว่า ระบบการเผาผลาญ อาหารของคุณจะไม่คึกคัก ตื่นตัวเหมือนสมัยวัยรุ่น และยิ่งเวลาคุณต้อง นั่งนานๆ ความอ้วนก็จะไปกองที่เอว และสะโพก ทำให้คุณมีเชปสะบึม ราวกับสาวอินเดีย ดังนั้น ขอให้คุณพยายามเดินบ่อยๆ อย่ากินแล้วนั่ง นั่งแล้วกินเป็นอันขาดค่ะ อย่าหวังน้ำบ่อหน้า ค่ะ อย่าหวังพึ่งพาโปรแกรมการลดน้ำหนักใดๆจากคลีนิกที่ไม่ได้ มาตราฐาน เพียงแต่ให้คุณวางแผนการลดน้ำหนักของคุณไว้ เช่นบันทึก ไว้ว่า แต่ละวันคุณจะรับประทานอะไรบ้าง ปริมาณกี่แคลอรี่ อย่างไรก็ดี คุณควรหาตารางแคลอรี่เก็บไว้ประจำบ้านค่ะ โดยปกติสำหรับผู้หญิง ควรทานอาหารที่ให้พลังงาน 1200 แคลอรี่ต่อวัน และครบห้าหมู่ค่ะ พึ่งพาผู้เชี่ยวชาญ ในกรณีที่คุณไม่มีเวลามากพอที่จะหาข้อมูลเอง คุณอาจต้องปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านการลดความอ้วน ซึ่งอาจรวมถึง แพทย์ หรือนักโภชนาการ ก็ได้ค่ะ ที่สำคัญให้เขาตรวจร่างกาย ของคุณซะก่อนว่า สภาพร่างกายของ คุณ เหมาะ และพร้อมสำหรับการลดความอ้วนอย่างปลอดภัยค่ะ ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 20 นาที เพื่อให้เหงื่อออก วิธีง่ายๆคือ การเดินขึ้น-ลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ การจอดรถไกลจาก อาคาร ที่ทำงาน กว่าเดิมสักหน่อย เพื่อบังคับให้เดินมากขึ้น นอกจากนี้ให้คุณวิ่งเหยาะๆรอบบ้าน หรือรอบสนามหน้าบ้านทุกเช้า อย่าวิ่งสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะสุนัขจรจัดอาจคิดว่าคุณไปชวนมันเล่น เอาในบ้านนี่แหล่ะค่ะ ไม่ต้องลงทุนไปสวนลุมฯ การเดิน และการวิ่ง ช่วยให้เหงื่อออก เป็นการขับของเสีย และเป็นการลดหุ่นได้ด้วยค่ะ วัดรอบเอวสม่ำเสมอ กล่าวคือให้คุณควบคุมรอบเอวของคุณไว้ให้ดี สำหรับผู้หญิงที่รอบเอว ต่ำกว่า 18.5 นิ้วถือว่าผอมเกินไปค่ะ เอวขนาด 19-25 ถือว่าปกติ เอว 25-29 ถือว่าเริ่มอ้วน เอวขนาด 30 - 35 ถือว่าอ้วนแล้ว เอว 35 ขึ้นไปถือว่า อ้วนมากค่ะ หากคุณเป็นโรคอ้วน ให้คุณปรึกษาแพทย์สถานเดียว เพราะโรคอ้วน จะทำให้คุณเป็นอีกหลายๆโรคตามมา เช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ดังนั้นอย่าได้ลดน้ำหนัก ตัวตนเองเป็น อันขาดค่ะ สำหรับคุณที่เป็นโรคอ้วน หน้าที่ของคุณคือ - เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตราฐาน และไม่ไกลจากบ้านมากนัก เพื่อหลีกเลี่ยงความขี้เกียจอันจะเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ
- อย่าลืมถามวิธี รับประทานยา ที่หมอสั่งมาอย่างละเอียด ตลอดจน ผลข้างเคียงของยาดังกล่าว และถามด้วยว่าอาหารเสริม ที่คุณควรรับประทานเพิ่มมีอะไรบ้าง
- อย่าลืมวัน เวลาที่หมอนัด เพื่อให้การรักษาได้ผลอย่างเต็มที่
ง่ายๆแบบนี้ หุ่นดีจะไปไหนเสีย???? ที่มาจาก women.sanook.com | |