การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน เป็น การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร


1,077 ผู้ชม


เผย! ผลสำรวจมากกว่าครึ่งเคยทำแท้ง

        การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน เป็น การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร  เมื่อ วันที่ 22 กรกฎาคม นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจดุสิตโพลในหญิงวัยเรียน กทม.และต่างจังหวัด 1,031 คน ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน-10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่มีเพื่อนหรือคนรู้จักมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนและอยู่ก่อนแต่ง 77.69% และ 66.15% ไม่กล้าบอกผู้ปกครองว่ามีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่าง 56.95% ไม่เห็นด้วยกับการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมีเพื่อนหรือคนรู้จักทำแท้งในวัยเรียน 51.98% ขณะที่ 90% ขึ้นไปของกลุ่มตัวอย่างเห็นว่า การทำแท้งเป็นเรื่องที่บาปมาก น่ากลัวและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ผลสำรวจนี้สอดคล้องกับข้อมูลของกรมอนามัยที่พบว่า วัยรุ่น 36% เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว และมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก อายุเฉลี่ย 16 ปี ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ โดยที่เพศชายอายุเฉลี่ย 15 ปี และเพศหญิงอายุเฉลี่ย 16 ปีเร็วกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 19 ปี จึงทำให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ และการทำแท้ง โดยแม่ที่คลอดบุตรมีอายุน้อยกว่า 20 ปี เพิ่มจาก ในปี 2542 ที่มี 12.5% เป็น 14.7% ในปี 2549 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ 10% จากปัญหาดังกล่าวทำให้ประเทศไทยมีเด็กทารกถูกทอดทิ้งวันละ 3 คน

          นพ.กิตติ พงศ์ แซ่เจ็ง ผู้อำนวยการกองอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้น่าเป็นห่วงวัยรุ่นที่นิยมซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินมารับประทานเอง หลังมีเพศสัมพันธ์ เพราะส่วนใหญ่จะไม่ทราบวิธีใช้ที่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับสุขภาพ อาทิ ประจำเดือนมาไม่ปกติ กะปริบกะปรอย จนถึงขั้นท้องนอกมดลูกได้ เพราะยาดังกล่าวเหมาะสำหรับผู้ที่ถูกข่มขืนหรือถุงยางอนามัยรั่วหรือหลุด หลังมีเพศสัมพันธ์ แต่วัยรุ่นกลับใช้วิธีดังกล่าวแทนการทานยาคุมกำเนิดชนิดแผงและการใช้ถุง ยางอนามัย

          "การ ใช้ยาคุมกำเนิดดังกล่าวยังเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์มากถึง 25% เพราะต้องทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์ แต่จะได้ผลดีต้องทานภายใน 24 ชั่วโมง และตามด้วยเม็ดที่สองภายใน 12 ชั่วโมงถัดจากทานเม็ดแรก ผลเสียที่จะเกิดขึ้นหากทานยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเกินกว่าข้อบ่งชี้ที่ไม่ควร ทานเกินเดือนละ 4 เม็ด หากเกินจะทำให้มีประจำเดือนมาไม่ปกติและอาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก ได้" นพ.กิตติพงศ์กล่าว

          ศ.นพ.วรพงศ์ ภู่พงศ์ ผู้แทนสภาวิชาการคุมกำเนิดแห่งภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกประจำประเทศไทย กล่าวว่า จากข้อมูลการวิจัยของสภาวิชาการฯ พบว่าผู้หญิงกว่า 123 ล้านคนทั่วโลกมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้คุมกำเนิด และกว่า 85% หญิงตั้งครรภ์ภายในปีแรก แต่พบว่า มีการใช้คุมกำเนิดเพียง 7% ของหญิงทั่วโลกเท่านั้น ในจำนวนนี้ กว่า 46 ล้านคนทั่วโลกตัดสินใจทำแท้ง และในจำนวนนี้ 27 ล้านคนอยู่ในทวีปเอเชีย ซึ่งเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยทำให้หญิงทั่วโลกเสียชีวิตปี ละ 7.8 หมื่นราย

          ทั้ง นี้ กรมอนามัยได้ร่วมมือกับสภาวิชาการฯ ศูนย์วิทยาศาสตร์สาธารณสุขฯ บริษัท ไบเออร์เชริ่ง ฟาร์มา เปิดโครงการ รักนี้คุมได้ขึ้น โดยจัดทำเว็บไซต์ www.mylovemycontrol.com พร้อมกับสมุดเลิฟไดอารี่ รักนี้คุมได้ เพื่อเป็นคู่มือของสาวยุคใหม่ บันทึกประจำเดือนเพื่อสุขภาพ

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
 

อัพเดทล่าสุด