ยุคที่สี่. หลังจากเป็นอิสระ
อิสลามในปัจจุบัน
โดย อบุล อะลา เมาดูดี/บรรจง บินกาซัน แปล
ตอนนี้ขอให้เราผ่านมายังประวัติศาสตร์ในยุคที่สี่ของเราซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศมุสลิมส่วนมากได้ปลดแอกตัวเองจากการครองครองทางการเมืองของชาวต่างชาติแล้ว
โศกนาฏกรรมครั้งใหม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากประเทศมุสลิมต่าง ๆ ได้รับเอกราชแล้วก็เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่อำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจของบรรดาประเทศมุสลิมเหล่านี้ได้ตกไปอยู่ในมือของผู้ที่มีความรู้เรื่องศาสนาน้อย และไม่มีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง
นี่เป็นเรื่องจริง คนพวกนี้ส่วนมากจะปฏิบัติต่อวัฒนธรรมของอิสลามด้วยความดูหมิ่น และคิดว่ามุสลิมไม่สามารถที่จะสร้างความก้าวหน้าในชีวิตหรือบรรลุถึงตำแหน่งอันมีเกียรติในชาติได้ถ้าหากพวกเขารับเอาแนวทางการดำเนินชีวิตตลอดจนหลักการ และค่านิยมของอิสลามมาใช้
คนพวกนี้คิดว่าหนทางเดียวที่ก้าวหน้าก็คือการรับเอาแนวความคิด ทฤษฎีและค่านิยมของตะวันตกมาใช้ นี่เป็นความคิดของพวกเขาเหล่านั้นจริง ๆ เพราะว่าการศึกษาอบรมแผนใหม่ของเขาถูกกำหนดมาเพื่อที่จะทำให้พวกเขามีความคิดเช่นนี้ โดยเฉพาะพวกผู้ปกครองต่างด้าวได้มีเจตนาที่จะชุบเลี้ยงและทำให้คนพวกนี้มีความเข้มแข็ง และตั้งพวกเหล่านี้ไว้ในตำแหน่งสำคัญในทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของมนุษย์เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้วในประเทศมุสลิมทุกแห่ง สงครามปลดแอกนั้นต่อสู้ในนามของอิสลาม แต่กลังจากที่ประชาชนฝ่าฟันอุปสรรคอันลำบากอย่างแสนสาหัสแล้วอิสลามก็ถูกขว้างทิ้งไป
ตัวอย่างล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แก่ประเทศอัลยีเรีย หลังจากที่ประชาชนมุสลิมประสบ
ผลสำเร็จในการปลดแอกมาตุภูมิของตนเองด้วยการเสียสละอย่างสูงส่งและพลีชีวิตนับจำนวนพันจำนวนหมื่นแล้ว ผู้นำของอัลยีเรียก็ประกาศทันทีว่า อัลยีเรียเป็นรัฐสังคมนิยม ตุรกี ปากีสถาน ตูนีเซีย และอียิปต์ ก็ประสบกับเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้เหมือนกัน ในช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมานี้
ดูตูนิเซียเป็นตัวอย่าง ประชาชนมุสลิมถูกเรียกร้องเข้าสู่สงครามในนามอิสลาม และด้วยความศรัทธาต่างหากที่ทำให้ชาวตูนีเซียกล้าประจัญหน้าท้าทายกับพวกฝรั่งเศสลงด้วยการต่อสู้และเสียสละอย่างหล้าหาญ
แต่ภายหลังจากได้รับชัยชนะในการสงครามแล้ว ประธานาธิบดีบูร์กีบา ก็บอกมุสลิมว่า การถือศีลอดในเดือนรอมฎอนนั้นมีผลกระทบกระเทือนต่อการผลิต
ดังนั้นนายบูร์กีบาจึงพยายามที่จะชอนไชทำลายความศรัทธาของชาวมุสลิมในตูนีเซียเช่นเดียวกับในสหภาพโซเวียต การโต้แย้งว่าการถือศีลอดเป็นอุปสรรคต่อการผลิตเห็นได้อย่างแจ้งชัดว่าเจตนาที่จะทำลายการถือศีลอดชัด ๆ เพราะว่าคนหนุ่มและสมาชิกที่มีความสามารถของสังคมต้องถูกเกณฑ์ให้ไปทำการผลิต ส่วนคนแก่กับคนป่วยนั้นก็ได้รับการยกเว้นจากการถือศีลอดอยู่แล้ว
ด้วยความผิดหวังในกลุ่มผู้กุมอำนาจในประเทศมุสลิมในทุกวันนี้ กลุ่มศาสนาที่แท้จริงก็ได้ลุกขึ้นต่อสู้ทุกหนทุกแห่ง พวกนี้เป็นพวกที่รู้หลักคำสินของอิสลาม ตลอดจนบทบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าและแบบฉบับของท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดายว่า พวกเหล่านี้ขาดการศึกษาอบรมเพื่อที่จะเข้ามาทำหน้าที่ปกครองและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพในตำแหน่งที่สำคัญ ๆ คนเหล่านี้มีความสำนึกในความเป็นมุสลิมซึ่งเราแน่ใจได้ว่า ถ้าคนพวกนี้ได้รับเลือกให้ขึ้นครองอำนาจแล้ว พวกเขาจะมาทำลายหรือปลอมแปลงแนวทางของอิสลามอย่างแน่นอน
แต่ในทางตรงกันข้ามประชาชนกลับเห็นว่าคนพวกนี้ไม่สามารถนำชาติ ดำเนินกิจการของรัฐ ดูแลการบริหาร จัดกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนหน้าที่ด้านการคลังและนโยบายต่างประเทศได้ ถ้าจะคิดกันแล้วประชาชนมีเหตุผลดีพอที่จะไม่ไว้วางใจในความสามารถและประสิทธิภาพของกลุ่มศาสนาในสภาพเช่นนั้น
ความยุ่งยากที่แท้จริง
ในเวลานั้นมุสลิมโดยทั่วไปเกิดความสับสนและยืนลังเลอยู่อย่างลำบากระหว่างความภักดีต่ออิสลามกับการขาดความมั่นใจในความสามารถของกลุ่มศาสนาที่จะเข้ามาสถาปนาแนวทางการดำเนินชีวิตแบบอิสลาม เป็นความจริงที่ประชาชนจำนวนมากในประเทศมุสลิมขาดความรู้ในทางศาสนา ศีลธรรมหย่อนยาน และประพฤติปฏิบัติตนในสิ่งที่คัดค้าน ต่อหลักการของอิสลาม
อย่างไรก็ตามดังที่ข้าพเจ้าได้บอกมาก่อนหน้านี้ว่า พลังอำนาจของขบวนการอิสลามที่มีอยู่ดั้งเดิมยังไม่ได้ถูกใช้อย่างเต็มที่ และประกายไฟที่ยังคุอยู่ก็ยังสามารถที่จะจุดเพลิงอิสลามให้ลุกโชติช่วงอีกครั้งหนึ่งได้ ถ้าไม่เชื่อคุณลองถามแม้แต่มุสลิมที่เลวทรามที่สุดดูก็ได้ว่าเขาถือว่าการดื่มเหล้า การทำชู้ การพนันหรือการติดสินบนเป็นเรื่องที่เหมาะสมและได้รับการอนุมัติหรือไม่แน่นอน คำตอบที่ออกมาจากคนเหล่านั้นจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคุณค่าของมุสลิมของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้ว่าศีลธรรมของเขาจะตกต่ำอย่างไรก็ตาม เพราะคุณค่าเหล่านี้มันซึมลึกเข้าไปถึงสายเลือดและเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นอยู่ของเขาแล้วหรือลองถามมุสลิมโดยทั่วไปดู้ก็ได้ว่าเขาคิดอย่างไรถึงการที่ผู้หญิงเต้นระบำโป๊ เขาจะตอบทันทีเลยว่าไม่เห็นด้วยและขัดต่อวัฒนธรรมอิสลาม จะเห็นได้ว่าถึงแม้มุสลิมโดยทั่วไปจะยังโง่เขลายังไม่มีความเข้าใจกุรอานและไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฮะดีษเลยก็ตาม แต่ความคิดและความเชื่อของเขาก็ยังสำแดงออกมาให้เห็นได้บ้างในเรื่องของศีลธรรม และวัฒนธรรมที่มรดกตกทอดมายังประชากรมุสลิมในรุ่นหลัง ๆ และถึงแม้มุสลิมส่วนมากจะยังมีความเข้าใจในอิสลาม ไม่กระจ่างชัด
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีส่วนถูกต้องอยู่บ้างไม่ว่าจะในปากีสถาน ตุรกี อิหร่าน อียิปต์ และอัลยีเรียมุสลิมยังคงเชื่อในคุณค่าของอิสลาม และไม่มีทางที่จะชักชวนมุสลิมส่วนใหญ่ไม่ว่าที่ไหนในโลกให้เห็นว่า
คุณค่าของวัฒนธรรมตะวันตกนั้นมีอะไรที่เหมือนกับอิสลามได้
ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้มุสลิมโดยทั่วไปอาจจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับอิสลามเลย แต่เขาก็ยังมีความนิยมชมชื่นอิสลามอยู่ การพัฒนาในโลกอิสลามเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เราเห็นว่าในนามของอิสลามเท่านั้นที่จะสามารถปลุกมุสลิมให้ตื่นขึ้นและพร้อมที่จะเสียสละถ้านอกเหนือจากนั้นแล้วเป็นไม่มีทางเด็ดขาด มุสลิมสามารถพลีชีวิตของตนเองได้ทันทีถ้าหากเขาแน่ในว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นป็นการทำเพื่ออัลลอฮฺ และเขาจะได้รับผลตอบแทนในการกระทำของเขาในสวรรค์ แต่ถ้ามุสลิมไม่มีความเชื่อในด้านนี้แล้วเขาจะไม่สามารถยอมพลีชีวิตของตนเด็ดขาด และแน่นอนเขาจะเป็นมนุษย์ที่ขี้ขลาดที่สุด
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่าความเป็นผู้นำทางการเมืองและอำนาจรัฐในประเทศมุสลิมได้ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มที่มีความรู้สึกตรงกันข้ามกับความรู้สึกสำนึกของประชาชนและพยายามจะทำให้ชีวิตของประชาชนเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับแนวทางในการดำเนินชีวิตของอิสลาม
ถ้าหากสถานการณ์เอื้ออำนวยพวกเขาก็จะทำอย่างเปิดเผยภายใต้ร่มธงของรัฐที่แยกตัวออกจากศาสนาอย่างที่มุสตาฟา เคมาล ทำในตุรกี คนพวกนี้ยังคงพูดว่าเขาพยายามจะช่วยอิสลาม
แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็นำค่านิยมและวัฒนธรรมตะวันตกมาหลอกลวงประชาชนในนามของอิสลาม
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่อาจจะหลอกลวงมุสลิมได้ไม่ว่าจะในประเทศใด เพราะถึงแม้ว่าประชาชนมุสลิมจะโง่เขลาและตกต่ำสักเพียงไหนก็ตาม พวกเขาไม่เคยถูกลวงให้ยอมรับความเชื่อถือหรือความคิดหรือการปฏิบัติที่ไม่ใช่อิสลามได้
ในตุรกีและสหภาพโซเวียต ความพยายามในการจะทำให้มุสลิมเสื่อมคลายจากอิสลามดำเนินไปอย่างรุนแรงและป่าเถื่อนอย่างที่เราไม่อาจคิดว่าจะเป็นไปได้
ตัวอย่างเช่น ในตุรกี ประชาชนจำนวนนับพันต้องถูกฆ่าเพียงเพราะว่าพวกเขาไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อที่มีอยู่ เพราะแนวความคิดแบบตะวันตกที่ผู้ปกครองใหม่นำมาใช้นั้นไม่อาจใช้ได้ในประเทศ
ดังนั้นการปฏิรูปอันยิ่งใหญ่จึงต้องทำโดยอาศัยดาบปลายปืนและผู้ปกครองทำเลยเถิดไปจนถึงกับประกาศกฎอัยการศึกเพื่อที่จะบังคับให้มีการเปลี่ยนแปลงตามที่ตนต้องการ
แต่ถึงจะมีการกดขี่ปราบปรามอย่างไรก็ตาม เราจะพบว่าชาวเตอร์กทั่วไปในวันนี้ก็ยังคงเป็นมุสลิมที่ดีเหมือนกับที่เขาเป็นมาในอดีต นี่เองที่ทำให้ชาวเตอร์กไม่สามารถถูกทำให้ละทิ้งอิสลาม และรับเอาแนวทางชีวิตที่คัดค้านต่อหลักการอิสลามได้