รำกระบองชีวจิต พิชิตแขนขาอ่อนแรง ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ขณะที่ คุณอารี แสงสุริยะฉาย เจ้าของ กิจการร้านเฟอร์นิเจอร์และคุณแม่ลูกสาม วัย 57 ปี ยังใช้ชีวิตตามปกติ เธอช่วยสามี ดูแลกิจการร้านขายเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ ในหมู่บ้าน พร้อมทำหน้าที่ดูแลลูกสาว ทั้งสามอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ก็ ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ ร่างกาย “วันหนึ่งเราตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเอง ปากเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ทำให้พูดได้อ้อแอ้ ดื่มน้ำก็ไหลออกข้างปาก และพอกินข้าว ข้าวก็หกเลอะเทอะไปหมด” หลังจากไปพบคุณหมอจึงได้ทราบ ว่าเธอป่วยเป็นโรคเส้นประสาทอักเสบ ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ ช่วงเวลาเดียวกัน นั้นเอง คุณหมอยังตรวจพบโรคเรื้อรัง อื่นๆ ตามมามากมาย ทั้งเบาหวาน ความ ดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง แม้ ต้องกินยาเพื่อรักษาโรคเหล่านี้อย่าง ต่อเนื่อง แต่เธอก็ยังคงใช้ชีวิตตาม วิถีเดิม คือกินอาหารตามใจปากและ ขาดการออกกำลังกาย จนกระทั่งวันหนึ่งในเดือนตุลาคม 2550 เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้ง และเป็นครั้งสำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนแปลง ในชีวิตของคุณอารีและครอบครัว “ตื่นเช้าขึ้นมาอยู่ๆ ก็ไม่มีแรง ทั้งๆ ที่ เห็นผ้าห่มหล่นอยู่ข้างตัวแต่กำมือไม่ได้ จะดึงผ้าขึ้นมาก็ทำไม่ได้ ตอนนั้นรู้สึก ตกใจและกลัวมาก กลัวว่าจะกลายเป็น อัมพฤกษ์อัมพาต” คุณอารีเข้ารักษาอาการดังกล่าวที่ คลินิกใกล้บ้านเป็นเวลานานหลายเดือน แต่ก็ดูเหมือนจะสิ้นหวัง เพราะพอหมด ฤทธิ์ยาฉีดและยากินตามที่คุณหมอสั่ง เธอก็กลับมามีอาการดังเดิม หลังจากที่คุณอารีย้ายเข้าไปรักษา ในโรงพยาบาล คุณหมอได้วินิจฉัย พบว่า อาการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากโรค ข้อต่ออักเสบหรือรูมาทอยด์นั่นเอง หากกล่าวตามหลักการของชีวจิต จะเรียกโรคที่เธอเป็นแบบภาษาชาวบ้านง่ายๆ ว่า “โรคซึ่งไม่ใช่โรค” หมายถึง โรคซึ่งไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ซึ่ง อาจารย์ สาทิส อินทรกำแหง ได้อธิบายเรื่องนี้ ไว้ว่า “ถ้ามีอาการเหล่านี้ก็เรียกว่าเราป่วย แต่เมื่อไปหาตัวเชื้อโรคก็ปรากฏว่าไม่มี เชื้อโรค เมื่อไม่มีเชื้อโรคแล้วจะเอายา อะไรไปฆ่าเชื้อโรคได้เล่า ตรงจุดนี้จึงมาลงที่คำว่า IMMUNE SYSTEM หรือที่ผมเรียกว่าภูมิชีวิต นั่นแหละ ทฤษฎีของเรามีอยู่ง่ายๆ ว่า ถ้าภูมิชีวิตของเราดี เราไม่ป่วย ถ้าเรา ป่วยแปลว่าภูมิชีวิตของเราไม่ดี ฉะนั้น การรักษาโรคซึ่งไม่ใช่โรคเหล่านี้จึงต้อง เริ่มต้นที่การทำให้ภูมิชีวิตดีขึ้นเสียก่อน” หนึ่งในวิธีสร้างภูมิชีวิตของเราให้ กลับมาดีได้ก็คือการออกกำลังกาย ขยับร่างกายต่อต้านอัมพฤกษ์ ผู้ป่วยโรคข้อต่ออักเสบหลายคนมัก คิดว่า ถ้าป่วยเป็นข้อต่ออักเสบละก็ อย่าออกแรงหรือเคลื่อนไหวมาก เพราะ จะทำให้ข้อต่อนั้นระบมยิ่งขึ้นไปอีก แต่ คุณหมอได้แนะนำกับคุณอารีว่า “ถึงจะ กินยารักษาโรคข้อแล้วก็ตาม แต่ทางที่ดี ต้องออกกำลังกายและเคลื่อนไหวให้มาก ควบคู่ไปด้วย” ปลายเดือนตุลาคม 2551 เธอได้รู้จัก “ชมรมรำกระบองหมู่บ้าน อรุณนิเวศน์” ซึ่งมี คุณอรทัย พิกุลแก้ว เป็นแกนนำ รำกระบองของชมรมในหมู่บ้านที่เธอ อาศัยอยู่ “วันหนึ่งคุณอรทัยเข้ามาซื้อของที่ร้าน และได้พูดคุยกับสามี เธอเล่าว่าเคยป่วย เป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาทจนเดิน แทบไม่ได้ แต่ก็หายเป็นปกติได้ด้วยการ รำกระบอง เธอบอก ผ่านสามีว่าให้ชวนเราไปรำกระบองกับ เพื่อนๆ ชมรมที่ท้ายหมู่บ้าน วันรุ่งขึ้น จึงไปทันที” การรำกระบองชีวจิตในวันแรกก็ ทำให้คุณอารีเกือบถอดใจ แต่ด้วย กำลังใจดีๆ จากสามีก็ทำให้เธอฮึดสู้ขึ้น อีกครั้งในวันต่อมา และด้วยความเพียรพยายามบวก ความตั้งใจจริงของตัวเอง จึงทำให้คุณ อารีไม่รั้งรอที่จะออกไปรำกระบองทุกเย็น วันจันทร์ถึงวันศุกร์เป็นประจำ วันละหนึ่ง ชั่วโมง เธอเล่าถึงผลที่ได้จากการออกกำลังกายว่า “เพียงสามเดือนแรกเริ่มเห็นว่าตัวเอง มีแรงมากขึ้น จากที่ดึงผ้าขึ้นมาห่มไม่ได้ เลยก็ทำได้ อาบน้ำได้เอง และช่วยเหลืองานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ได้แล้ว หลังจากนั้นสองเดือนถัดมาก็ สามารถทำท่าแหงนดูดาว ซึ่งเป็นท่าที่ เราพยายามทำมานาน จากที่ใช้แขนพาด กระบองให้เหยียดตรงแทบไม่ได้ แต่ วันนั้นก็สามารถทำได้ รู้สึกดีใจมากๆ เพื่อนๆ ทุกคนในชมรมที่คอยเป็นกำลังใจ ให้เสมอก็เข้ามาดีใจด้วยกัน” คุณอารีแนะนำผู้ป่วยที่ต้องการ ออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ว่า “ผู้ป่วยโรค ข้อต่ออักเสบอย่าอยู่นิ่งเฉยๆ พยายาม เคลื่อนไหว ออกกำลังกาย บริหาร ร่างกายแต่เพียงเบาๆ ก่อน แล้วพยายาม ปรับให้มากขึ้นหรือน้อยลงตามสภาพของ ร่างกาย โดยปรับแต่ละท่าให้พอดีกับ สภาพของตนเอง” “การใช้กระบองในการออกกำลังกาย ดีอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้กระดูกสันหลัง แข็งแรงและเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ว่องไวขึ้น อีกทั้งเป็นการบริหารทุกส่วน ของร่างกายได้อย่างดี” สุขกาย สบายใจ “ล่าสุดที่ไปตรวจน้ำตาลเบาหวาน ก็ลดลง ไม่เคยขึ้นสูงๆ อีกแล้วค่ะ สำหรับไขมันและความดันโลหิตสูง แม้จะยังขึ้นๆ ลงๆ อยู่บ้าง แต่การออกกำลังกายก็ช่วยควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ ที่ไม่อันตรายและค่อยๆ ทำให้ดีขึ้นได้ ส่วนโรคข้อต่ออักเสบ ทุกวันนี้คุณหมอ ให้เลิกกินยาได้แล้ว” “ทุกวันนี้บรรยากาศที่บ้านกลับมา สดชื่นและพูดคุยเล่นกันได้เหมือนเดิม ตอนนี้ยิ้มกันได้ทั้งบ้านแล้ว จากที่ลูก และสามีเคยเครียดเพราะกลัวว่าเราจะ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่พอเห็นเรา เดินได้คล่องแคล่วและทำงานได้เองแล้ว พวกเขาดีใจมาก เราก็มีความสุข ที่บ้าน มีความอบอุ่น” สิ่งสำคัญกว่านั้นคือบทเรียนจาก ความป่วยไข้ที่ทำให้เธอได้เรียนรู้ว่า “เงิน ซื้อความสุขไม่ได้ เพราะความสุขที่แท้ จริงนั้นอยู่ที่การได้อยู่กับคนที่เรารักและ มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์” คุณอารีพูดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มแห่ง ความสุขใจ |
ที่มา www.cheewajit.com |