รูป หูด หูดที่เท้า หูดที่มือ (ข่าวมนุษย์หูด)


1,300 ผู้ชม



ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเห็นใจต่อเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่ง ซึ่งต้องตกอยู่ในภาวะที่น่าเวทนายิ่งนัก เมื่อทั้งร่างกายต้องมีหูดขึ้นชนิดรุนแรง จน มือ เท้า แขน ขา กลายสภาพไปดูคล้ายเป็นต้นไม้ มากกว่าเป็นอวัยวะของมนุษย์

 รูป หูด หูดที่เท้า หูดที่มือ (ข่าวมนุษย์หูด)

เรื่อง ราวของนายเดเด้ หนุ่มชาวอินโดนีเซีย วัย 35 ปี อาศัยอยู่ทางใต้ของกรุงจาการ์ต้า  ที่มีอาการผิดปกติมีหูดขึ้นทั่วร่างกายจน ได้รับฉายาว่า " มนุษย์ต้นไม้ " ที่นำมาเผยแพร่โดยดิสคัฟเวอรี่ แชแนล และสำนักข่าวทั่วโลก จนเป็นที่ตกตะลึงปนกับความเวทนาของคนทั่วโลก โดยนายเดเด้ต้องเผชิญกับความทรมานทางร่างกาย และจิตใจ มาเกือบ 20 ปี ต้องถูกไล่ออกจากงาน ถูกชาวบ้านรังเกียจ และภรรยาทิ้ง จนต้องมาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ และลูกสาวอีก 2 คน

 รูป หูด หูดที่เท้า หูดที่มือ (ข่าวมนุษย์หูด)

( เดเด้ กับคุณพ่อ ที่บ้านพักทางใต้ของกรุงจาการ์ต้า )

มา วันนี้ชีวิตของเดเด้เริ่มมีความหวังขึ้นอีกครั้ง เมื่อแพทย์ชาวอเมริกา Dr . Anthony Gaspari ผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือได้นำเลือดของเดเด้ ไปตรวจ ผลออกมาว่าแท้จริงแล้ว ความผิดปกตินี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดหูดในมนุษย์ทั่วไปที่มีชื่อว่า Human Papilloma Virus (HPV) ซึ่งถ้าคนปกติได้รับเชื้อนี้จากการสัมผัส ก็จะเกิดหูดขึ้นตามร่างกายโดยเฉพาะที่มือและเท้า จะมีตุ่มหูดเกิดขึ้นมากน้อยก็แล้วแต่ภูมิต้านทานของร่างกาย แต่ส่วนใหญ่แล้ว ภูมิต้านทานของคนปกติจะสามารถทำให้อาการดังกล่าวหายไปได้เอง หรืออาจใช้ยารักษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ในกรณีของนายเดเด้ ที่หูดแสดงอาการได้มากเพียงนี้ เกิดจากความผิดปกติของยีนที่ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่สามารถต้านทานไวรัสธรรมดาๆ ตัวนี้ได้ คงเป็นเหมือนที่เราพบเห็นคนที่เป็นหูดทั่วร่างกาย ซึ่งก็พบได้อยู่บ่อยๆ แต่ในรายเดเด้นี้ถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยพบมา

 รูป หูด หูดที่เท้า หูดที่มือ (ข่าวมนุษย์หูด)

                  ( เดเด้ กับคุณหมอใจดี ดร . กาสปารี่ )

ล่า สุดมีข่าวออกมาว่านายเดเด้ยินดีที่จะไปรับการรักษาที่อเมริกาแล้ว โดยอยู่ในความดูแลของ ดร. กาสปารี่ แต่ยังติดปัญหาเรื่องของค่าใช้จ่าย และ เรื่องหนังสือเดินทางเท่านั้น เห็นแบบนี้แล้วทางการของอเมริกาและอินโดนีเซีย คงต้องรีบจัดการโดยด่วน คนทั้งโลกเอาใจช่วยอยู่ ทั้งนี้ดร. กาสปารี่ ได้เสนอแนวทางการรักษาไว้ว่า จะใช้สารสังเคราะห์จากวิตามินเอ เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโต และ ทำให้หูดที่ยื่นออกมาเหล่านี้ลดขนาดลงไป ซึ่งอาจต้องใช้เวลากว่า 6 เดือนจึงจะเริ่มเห็นผล แม้จะไม่ทำให้ร่างกายของเดเด้ หายเป็นปกติ แต่น่าจะทำให้เดเด้ดำรงชีวิตอยู่ได้สบายขึ้น ซึ่งเพียงเท่านี้ เดเด้ ก็รู้สึกเป็นสุขมากแล้ว

 รูป หูด หูดที่เท้า หูดที่มือ (ข่าวมนุษย์หูด)

สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ มีความรู้เรื่องของหูดมาฝาก

หูด เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งชื่อว่า papilloma โดยเชื้อไวรัสจะเข้าไปอยู่ในชั้นหนังกำพร้า เกิดเป็นเนื้องอกบนผิวหนัง ผู้ที่เป็นหูดส่วนใหญ่มักจะได้รับเชื้อไวรัสมาจากการสัมผัสโดยตรง ผิวหนังที่ถลอกหรือถูกกดทับจะติดเชื้อหูดได้ง่าย การแกะเกาจะทำให้กระจายไปส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ หูดด้านข้างนิ้วเท้าทำให้นิ้วที่อยู่ติดกันเป็นหูดที่บริเวณผิวหนังที่ชิด กับหูดได้ เราสามารถพบหูดได้ในทุกวัยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่

ลักษณะ ของหูดนั้นจะมีลักษณะเป็นเม็ดนูนแข็ง ผิวขรุขระ มีเม็ดเดียวหรือเป็นหลายเม็ดก็ได้ คนที่ภูมิคุ้มกันต่ำจะมีจำนวนเม็ดมาก ส่วนใหญ่เกิดที่มือหรือเท้า ถ้าเป็นที่ฝ่าเท้าจะคล้ายตาปลา เวลาเดินจะเกิดการกดทับตลอดเวลาจะทำให้มีอาการเจ็บมาก หูดอาจหายได้เองถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 2 ปี แต่ถ้าภูมิคุ้มกันต่ำจะหายยาก ลุกลามได้ง่าย ควรรีบรักษา

สำหรับการรักษามีหลายวิธี อาจใช้วิธีทายากัดหูด ที่มีส่วนผสมกรดซาลิไซลิกและกรดแลกติก แต้มหูดวันละ 2 ครั้ง ประมาณ 4-6 สัปดาห์ ซึ่งต้องใช้เวลาและความตั้งใจในการแต้มยา แต่จะไม่เจ็บไม่ปวดไม่เสียเลือด หายแล้วไม่เป็นแผลเป็น หรืออาจใช้วิธีผ่าตัดเอาออก จี้ออกด้วยไฟฟ้า หรือจี้ด้วยความเย็นก็ได้ สิ่งทีมีคนเข้าใจผิดเพราะหลงเชื่อกันมาเรื่อยๆ คือการใช้ธูปจี้หรือการใช้ยากัดหูดแรงๆ ดังนั้นท่านจึงไม่ควรใช้ธูปจี้หรือยากัดหูดแรงๆ เพราะจะทำให้เป็นแผลเป็น

 รูป หูด หูดที่เท้า หูดที่มือ (ข่าวมนุษย์หูด)

         เด เด้ ยังแสดงความเป็นห่วง คนใกล้ชิด ทั้งพ่อ และ ลูกสาวทั้งสอง ว่าอาจจะติดเชื้อจากตนไป แต่สิ่งที่เราเห็นกันนั้นทั้งพ่อและลูกสาวก็ยังเป็นปกติ น่าจะทำให้ผู้ที่รับชมข่าวนี้สบายใจขึ้นมาบ้าง ที่แม้จะใกล้ชิดกันเพียงนี้ ก็มิได้จะติดจนเกิดอาการเช่นเดียวกัน เพราะสาเหตุมันเกิดจากไวรัส กับความผิดปกติของยีนในตัวเดเด้เอง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรประมาท ไวรัส มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง อยู่ที่เราเองว่าจะรักษาความสะอาดของร่างกาย และ สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้อย่างไร

ใครที่เห็นครั้งแรกรู้สึกเหมือนผมมั้ยครับ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำ

ที่มา  www.oknation.net

อัพเดทล่าสุด