ข่าววันนี้ ข่าวแม่แฝด ไม่กลัวตำรวจฟ้อง หมิ่นประมาท ยันพูดเรื่องจริง ความรักของแม่
แม่แฝด ไม่หวั่นตำรวจฟ้องหมิ่น ยันพูดเรื่องจริง
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ เรื่องเล่าเช้านี้
แม่ฝาแฝดไม่กลัวตำรวจฟ้องหมิ่นประมาท หลังปูดตำรวจชั้นผู้ใหญ่เรียกรับสินบน 5 แสน ยันพูดเรื่องจริง พร้อมต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรม ขณะที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพพร้อมให้ความช่วยเหลือ
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 พฤษภาคม) นางบุญเกิด อุ่นวงษ์ และนายเอนก อุ่นวงษ์ มารดาและพี่ชายฝาแฝดของนายอานนท์ อุ่นวงษ์ ได้เดินทางเข้าพบนายพิทยา จินาวัฒน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องคดีที่นายอานนท์ถูกศาลตัดสินจำคุกแทนพี่ชายฝาแฝด
ทั้งนี้ นางบุญเกิด กล่าวว่า สาเหตุ ที่เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพครั้งนี้ เพราะตนไม่รู้หนังสือ จึงไม่รู้ว่าจะต่อสู้คดีช่วยลูกชายคนที่ไม่ได้ทำผิดออกจากเรือนจำได้อย่างไร นอกจากนี้ ยังจะขอความช่วยเหลือเรื่องการตั้งทนายสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ด้วย เพราะที่ผ่านมาในศาลชั้นต้น ตนมีเพียงทนายอาสาคอยช่วยเหลือเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้แนะนำเรื่องพิสูจน์ลายนิ้วมือกับศาล ตนจึงได้มาขอความช่วยเหลือจากกรมคุ้มครองสิทธิ เพื่อพิสูจน์ว่าตำรวจจับผิดคน
ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จะแจ้งความดำเนินคดีนางบุญเกิด และครอบครัว ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังอ้างว่ามีตำรวจชั้นผู้ใหญ่เรียกรับสินบน 5 แสนบาทนั้น นาง บุญเกิด กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดไปนั้นเป็นความจริงทุกอย่าง หากตำรวจจะฟ้องตนก็พร้อมจะต่อสู้ เพื่อความถูกต้อง และขอความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนกังวลในตอนนี้ก็คือเรื่องความปลอดภัยในครอบครัว
ด้านนายพิทยา กล่าวว่า ทางกรมฯ เคยให้ความช่วยเหลือเรื่องการประกันตัวนายอานนท์ ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกนายอานนท์อีก จากนี้ไปต้องขอกลับไปตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ก่อนจะพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไร เพราะข้อมูลจากครอบครัวนายอานนท์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังขัดแย้งกันอยู่
ในส่วนของการรื้อฟื้นคดีนั้น นายพิทยา ระบุว่า คงต้องดูก่อนว่าบุคคลใดบ้างจะเป็นผู้ยื่นคำร้องขอ และต้องพิจารณาด้วยว่า จะดำเนินการกับผู้กระทำผิดจริงอย่างไร ซึ่งตนจะได้หารือเรื่องนี้กับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินในวันนี้ เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือไปในทิศทางเดียวกัน ส่วน เรื่องคุ้มครองพยานนั้น ตอนนี้ยังไม่จำเป็น เพราะคดีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน และหน่วยงานภาครัฐ เชื่อว่าหน่วยงานภาครัฐจะให้การดูแล และช่วยเหลือเป็นอย่างดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก