ดูท่าว่าเรื่องราววุ่น ๆ ยังไม่จบลงง่าย ๆ และมีทีท่าว่าเรื่องจะยาวอย่างต่อเนื่อง สำหรับคดี "ลูกใครหว่า?" ระหว่าง แอนนี่ บรู๊ค กับ ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ที่ขณะนี้มีประเด็นมาให้ได้ติดตามกันอีกครั้ง เกี่ยวกับการถอนชื่อของฟิล์มออกจากการเป็นพ่อของน้องฑีฆายุ และ การเปิดเผยให้สังคมได้รับรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นพ่อของเด็ก เนื่องจากหนุ่มฟิล์มอดรนทนไม่ได้กับการที่ต้องตกอยู่ในสภาพของ "แพะ" มานานกว่า 2 ปี
          และในช่วงเย็นของวานนี้ (18 มิถุนายน) รายการเจาะข่าวเด่น ได้เชิญ แอนนี่ บรู๊ค มาตอบทุกคำถามที่หลายคนข้องใจ โดยเฉพาะเรื่องการถอดถอนชื่อของ ฟิล์ม ออกจากการเป็นพ่อของน้องฑีฆายุ
           ทั้งนี้ แอนนี่ บรู๊ค กล่าวว่า ตนอยากจะบอกคุณผู้ชมสำหรับเหตุผลที่ตนต้องมาชี้แจงในวันนี้ คือที่ผ่านมาตนออกสื่อน้อยมาก เรียกได้ว่านับครั้งได้ แต่ คราวนี้ที่ตนมาออก เพราะมีเรื่องบางอย่างที่ต้องการให้ทุกคนได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องคดีความ ซึ่งคดีความที่ว่านี้ เราได้ตกลงกันแล้วในชั้นศาล เป็นข้อตกลงของเราทั้งคู่ แต่ไม่ใช่คำสั่งที่ศาลตัดสิน

          "นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ไกล่เกลี่ยกันได้ ข้อหนึ่งในนั้นคือ เราจะไม่พูดถึงกันและกันอีก แม้กระทั่งอักษรย่อ หรือการพูดพาดพิงอะไรก็ตาม ซึ่งมันเป็นข้อตกลงที่เราได้ทำร่วมกันไว้ และทำต่อหน้าศาล ซึ่งค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ แต่แล้วยังไม่ทันข้ามวัน ตกลงกันได้ตอนเช้า พอตอนเย็นก็มีการให้ข่าว และเอ่ยถึงเรา ทั้ง ๆ ที่ตกลงว่าจะไม่พูดถึงเราและลูกอีก แต่กลับออกมาบอกว่า ทุกอย่างพ้นแล้ว เด็กจะได้เจอพ่อจริง ๆ ของเขาเสียที"
          แอนนี่ บรู๊ค กล่าวต่อว่า เมื่อวันก่อนตอนที่เขาออกมาสัมภาษณ์เหมือนกับว่าที่ตนมาออกรายการตีสิบนั้น เป็นสิ่งที่ผิด ทั้ง ๆ ที่ ตนไม่ได้ออกมาพาดพิงอะไร หรือพูดถึงเขาแม้แต่นิดเดียว สำหรับรายการนั้น ตนมาออกกับลูก เหมือนคู่แม่ลูกที่ออกมาพูดถึงพัฒนาการของลูกก็เท่านั้นเอง
         สำหรับข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ สาวแอนนี่ บอกว่า ที่เขาออกมาบอกว่าศาลตัดสินแล้ว และกำหนดวันให้ยื่นถอนชื่อนั้น มันไม่เป็นความจริง เพราะมันไม่ใช่คำสั่งศาล แต่เป็นเพียงข้อตกลงเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ได้กำหนดเวลา นอกจากนี้ในข้อตกลงดังกล่าว จะต้องดำเนินการทางลับแบบไม่เปิดเผย ซึ่งตนคิดว่า ก็ในเมื่อเราตกลงได้แล้ว ทำไมต้องออกมาป่าวประกาศให้ใครได้รู้ และหลังจากที่ตกลงกัน ตนก็ได้รับการติดต่อจากเขาเพียงครั้งเดียว ในการถอนชื่อ ซึ่งขณะนั้นตนไปทำงานต่างประเทศเลยไม่ว่างที่จะไปตามนัด ทั้งนี้ ตนก็ไม่ได้อยากให้เรื่องนี้ลากยาวเหมือนกัน ถ้าหากพร้อมเมื่อไรก็จะไปทำให้ แต่เขาออกมาพูดมันเลยไม่จบเสียที

        ถ้าหากเขากลัวเวลาตนไปออกรายการกับลูกแล้ว จะทำให้คนอื่นติดภาพว่าเขาเป็นพ่อของลูกนั้น สาวแอนนี่ตอบว่า มันเลยจุด ๆ นั้นมานานมากแล้ว ตนไม่เคยเรียกร้องอะไรจากใคร ถ้าตนเจตนาเช่นนั้นจริง ๆ ตนคงไม่มีข้อตกลงที่ 3 ที่ระบุว่า ต่อจากวินาทีที่ไกล่เกลี่ยกัน ภายในอนาคตข้างหน้า ห้ามเขามาฟ้องร้องขอเป็นบิดา ซึ่งเป็นข้อเสนอที่บ่งบอกว่า ตนตัดเขาออกไปจากชีวิตตั้งนานแล้ว
         แอนนี่ บรู๊ค ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องนี้มันไม่มีคำว่า "แพะ" มันไม่มีใครผิดใครถูก ตนก็ไม่ได้ถูก แต่ก็ไม่ได้ผิด ไม่มีแพะอะไรทั้งนั้น ซึ่งตนยอมถอยออกมาแล้ว ตนยอมที่จะไม่คิดถึงคำว่า "ต้องชนะคดี" เพราะที่ผ่านมาตนต้องฟาดฟันมามาย ต้องแลกกับเวลา และเงินทองหลายอย่าง ตนเลยยอมที่จะหยุดตรงนี้ดีกว่า

         ส่วนทางด้านทนาย ได้ชี้แจงถึงเรื่องคดีความว่า ความเป็นจริงแล้วคดีนี้เป็นคดีอาญา ไม่ได้เป็นคดีพิสูจน์ดีเอ็นเออย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ เป็นเพียงแค่การแลกคดีเพื่อยอมความกันเฉย ๆ ซึ่งตอนแรกแอนนี่ฟ้อง เฮียฮ้อในคดีหมิ่นประมาท ส่วนฟิล์มก็ฟ้องแอนนี่ในคดีหมิ่นประมาทเช่นกัน พอเรื่องมาอยู่ในชั้นศาล เลยต้องมีการทำข้อตกลงร่วมกันเท่านั้นเอง
        ขณะที่ แอนนี่ บรู๊ค กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนก็ยังยืนยันว่าจะไม่ตรวจพิสูจน์ ที่ผ่านมาตนพยายามต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี และความผิดถูกมาตลอด แต่ศักดิ์ศรีกับลูกมันไปด้วยกันไม่ได้ กระบวนการพิสูจน์เลยยังไปไม่ถึง เนื่องจากถ้าเรื่องนี้ถึงศาลก็ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ใช้ทั้งเวลา และใช้ทั้งเงิน ซึ่งตอนนี้มันก็มีน้อยลงทุก ๆ วัน หลายคนถามตนว่า ที่ผ่านมาออกมาเดินหน้าทำหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แต่ทำไมมาจบลงง่าย ๆ เช่นนี้ ซึ่งผลสรุปเรื่องนี้ สุดท้ายมันก็เหลือแค่ตนกับลูกเท่านั้น ตนคิดดีแล้ว การไม่ตรวจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของลูกในตอนนี้ และมันเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ถ้าวันหนึ่งลูกอยากรู้ ก็เป็นสิทธิของลูก ตนอยากให้เขาโตขึ้นและตัดสินใจเองมากกว่า
         "ต่อไปข้างหน้า ถ้าเขาจะทำอะไร อย่างไร ก็อยากให้น้องตัดสินใจเอง ชีวิตเป็นของเขา... และ รู้ว่าทุกคนต้องการรู้ความจริง เพื่อความสะใจ รู้เรื่องของชาวบ้าน หรือว่ามันเป็นเรื่องของดารา ตรงนี้ตนไม่ได้มองและไม่ได้สนใจแล้ว สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือการเลี้ยงลูก และการทำมาหากิน ทำอย่างไรให้เขาเป็นเด็กดี ไม่ใช่ตามล่าหาความจริงเช่นนี้"
        แอนนี่ บรู๊ค กล่าวถึงอนาคตข้างหน้าว่า สำหรับคำถามทุกคำถามของลูก มันต้องมีคำตอบ ซึ่งตนเตรียมพร้อมเอาไว้ทุกอย่าง เป็นเหตุเป็นผล และสมกับวัยของเขา ส่วนเรื่องคดีในตอนนี้ไมได้อยู่ในหัวของตนอีกแล้ว ทุกวันนี้คิดอย่างเดียวคือทำงานหาเงินให้ลูกเข้าโรงเรียน และเลี้ยงลูกอย่างไรให้เขาโตมาเป็นผู้ชายที่ดี
        ท้ายนี้ แอนนี่ บรู๊ค กล่าวว่า เรื่องนี้มันยาวนานมา 2 ปี แล้ว ต่างฝ่ายต่างเหนื่อยที่จะต่อสู้ ในเมื่อศาลไม่ได้ตัดสินอะไร มันขึ้นอยู่กับข้อตกลงของเราทั้งสองคน ก็ควรจะยุติและยอมถอยออกมา พร้อมที่จะก้าวออกจากปัญหา และค่อย ๆ แก้ไขไปด้วยกัน ตนคิดว่าน้องก็โตขึ้นทุก ๆ วัน เราจะมาทะเลาะกันทำไม แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะละเมิดข้อตกลง ตนก็ไม่โกรธ และก็จะทำตามข้อตกลงต่อไป ส่วนเรื่องราวนี้ ตนคิดว่าคุณผู้ชมจะตัดสินเองได้ ไม่ใช่ว่าตนจะให้เชื่อในสิ่งที่ตนพูด ถ้าไม่เชื่อก็ได้ไม่เป็นไร...