เนสซี (Nessie) แห่งทะเลสาบล็อกเนสส์ แคว้นสกอตแลนด์


1,258 ผู้ชม


เนสซี (Nessie) คือสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อกเนสส์ แคว้นสกอตแลนด์ เชื่อว่ามีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอรัส (Plesiosaur) หรือ อีลาสโมซอรัส (Elasmosaurus) สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์   

เนสซี (Nessie) แห่งทะเลสาบล็อกเนสส์ แคว้นสกอตแลนด์"เนสซี่" แห่งทะสาบล็อคเนส ^^~

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน

พ.ศ. 2550 หนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮรัลด์ของออสเตรเลียรายงานว่า กอร์ดอน โฮล์มส์ พนักงานห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ วัย 55 ปี จากเมืองชิปลีย์ แคว้นยอร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ สามารถถ่ายวิดีโอสัตว์ประหลาดลึกลับแห่งทะเลสาบล็อคเนสในสกอตแลนด์ หรือที่เรียกกันว่า "เนสซี" (Nessie) ได้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมปีเดียวกัน โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเฝ้าดู "เนสซี" ระบุว่า เป็นวิดีโอที่ดีและเห็นชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยถ่ายได้


เรื่องนี้เคยได้ยินมานานแล้ว อยากจะรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ลองไปหาข้อมูลกันดีกว่า

มีคนพบซากของเนสซี่เมื่อ  หลาย 10 ปีก่อน

( ภาพจาก https://www.hi5thai.com/viewthread.php?tid=72083 )

เนสซี (Nessie) คือสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อกเนสส์ แคว้นสกอตแลนด์ เชื่อว่ามีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอรัส (Plesiosaur) หรือ อีลาสโมซอรัส (Elasmosaurus) สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่า 4,000 ครั้ง และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย โดยเอกสารแรกสุดที่กล่าวถึงเนสซี คือ บันทึกของบาทหลวงเซนต์โคลัมบา เมื่อราว 1,400 ปี ที่แล้ว กล่าวถึงมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ และท่านเองก็เคยทำพิธีขับไล่มังกรตัวนี้ด้วย

ใน พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) ได้มีการตัดถนนผ่านทะเลสาบล็อกเนสส์ จึงมีผู้พบเห็นเนสซีมากขึ้น โดยมีผู้อ้างว่า ขณะเขาขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น เห็นเนสซีขึ้นมาบนบก ไฟจากหน้ารถที่ส่องไปถูกตัวทำให้เห็นว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอรัส และต่อมาก็ได้มีผู้ถ่ายรูปไว้ได้มากมายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเงาตะคุ่ม ๆ หรือคลื่นน้ำที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำเท่านั้น ต่อมา ทางมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมได้ทำการค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยใช้เรือติดสัญญาณโซนาร์หลายลำแล่นไปบนพื้นผิวน้ำ เรียกว่า "ปฏิบัติการดีปสแกน" (Deepscan Operation) ปรากฏว่า โซนาร์ได้สะท้อนถึงเงาของวัตถุบางอย่างขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวใต้น้ำ แต่บางคนคิดว่าอาจเป็นเพียงฝูงปลาธรรมดา ๆ

เรื่องราวเกี่ยวกับเนสซีมีทั้งผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อ โดยผู้ที่เชื่อนั้นเชื่อว่า เนสซีอาจเป็นไดโนเสาร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลสาบล็อกเนสส์ในยุคโบราณนั้นเคยเป็นทะเลมาก่อน ไดโนเสาร์ในสมัยนั้นอาจเข้ามาอยู่อาศัยจนสภาพของพื้นที่เปลี่ยนไป กลายเป็นพื้นที่ปิดและปราศจากสิ่งรบกวน สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนี้จึงยังหลงเหลืออยู่และมีสภาพไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งแรกที่เข้ามาอาศัย ไม่เพียงเท่านั้นแหล่งน้ำหรือทะเลสาบที่มีลักษณะใกล้เคียงกับล็อกเนสส์ที่อื่น ๆ และบริเวณใกล้เคียงกันก็มีรายงานของสิ่งประหลาดที่คล้ายกับเนสซีด้วย ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เชื่อนั้นเชื่อว่า รูปถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวที่ได้นั้น อาจไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับเนสซีเลย และทั้งหมดทำขึ้นก็เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ทะเลสาบแห่งนี้โด่งดังขึ้น โดยบางรูปเชื่อว่าเป็นเพียงหางของตัวนากที่กำลังดำน้ำหรือเป็นขอนไม้หรือวัสดุต่าง ๆ ที่กำลังลอยน้ำอยู่

ทุกวันนี้ เรื่องราวของเนสซีก็ยังเป็นเรื่องลึกลับที่เป็นที่สนใจของคนทั้งโลก มีผู้ไปสำรวจและศึกษามากมาย แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดได้หลักฐานของเนสซีที่หนักแน่นสักราย อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเนสซีก็สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลสกอตแลนด์และชุมนุมใกล้เคียงเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

โดยเอกสารแรกสุดที่กล่าวถึงเนสซี คือ บันทึกของบาทหลวงเซนต์โคลัมบา เมื่อราว 1,400 ปี ที่แล้ว กล่าวถึงมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ และท่านเองก็เคยทำพิธีขับไล่มังกรตัวนี้ด้วย
ใน พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) ได้มีการตัดถนนผ่านทะเลสาบล็อก เนส จึงมีผู้พบเห็นเนสซีมากขึ้น โดยมีผู้อ้างว่า ขณะเขาขับขี่รถมอเตอร์ไซด์นั้น เห็นเนสซีขึ้นมาบนบก ไฟจากหน้ารถที่ส่องไปถูกตัว ทำให้เห็นว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอรัส และต่อมาก็ได้มีผู้ถ่ายรูปไว้ได้มากมายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวแต่ทั้งหมดนี้ก็เป้นเพียงเงาตะคุ่มๆ หรือคลื่นน้ำที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำเท่านั้น ต่อมา ทางมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมได้ทำการค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยใช้เรือติดสัญญาณโซน่าร์หลายลำแล่นไปบนพื้นผิวน้ำ เรียกว่า "ปฏิบัติการดีพสแกน" (Deepscan Operation) ปรากฏว่า โซน่าร์ได้สะท้อนถึงเงาของวัตถุบางอย่างขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวใต้น้ำ แต่บางคนคิดว่าอาจเป็นเพียงฝูงปลาธรรมดาๆ
รูปจากจอโซน่าร์เรื่องราวเกี่ยวกับเนสซีมีทั้งผู้ที่เชื่อ และผู้ที่ไม่เชื่อ โดยผู้ที่เชื่อ เชื่อว่าเนสซีอาจเป็นไดโนเสาร์ที่ยังหลงเหลืออยู่ โดยสภาพทางภูมิศาสตร์ของทะเลสาบล็อก เนส ในยุคโบราณนั้นเคยเป็นทะเลมาก่อน ไดโนเสาร์ในสมัยนั้นอาจเข้ามาอยู่อาศัยจนสภาพของพื้นที่เปลี่ยนไป กลายเป็นพื้นที่ปิด และปราศจากสิ่งรบกวน สัตว์ที่อาศัยอยู่ในนี้จึงยังหลงเหลืออยู่ และมีสภาพไม่เปลี่ยนแปลงจากครั้งแรกที่เข้ามาอาศัย ไม่เพียงเท่านั้นแหล่งน้ำหรือทะเลสาบที่มีลักษณะใกล้เคียงกับล็อก เนส ที่อื่นๆ และบริเวณใกล้เคียงกันก็มีรายงานของสิ่งประหลาดที่คล้ายกับเนสซีด้วย ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เชื่อ เชื่อว่ารูปถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวที่ได้นั้น อาจไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกี่ยวกับเนสซีเลย และทั้งหมดทำขึ้นก็เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ทะเลสาบแห่งนี้โด่งดังขึ้น โดยบางรูปเชื่อว่าเป็นเพียงหางของตัวนากที่กำลังดำน้ำ หรือเป็นขอนไม้หรือวัสดุต่างๆ ที่กำลังลอยน้ำอยู่ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้มีผู้ที่อ้างว่าถ่ายรูปเนสซีได้ รายนึงเปิดเผยว่า แท้ที่จริงแล้วรูปถ่ายเนสซีนั้นเป็นเพียงเรื่องแหกตาที่ตนกับพ่อเลี้ยงสร้างขึ้นนั่นเอง
ทุกวันนี้ เรื่องราวของเนสซีก็ยังเป็นเรื่องลึกลับ ที่เป็นที่สนใจของคนทั้งโลก มีผู้ไปสำรวจและศึกษามากมาย แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดได้หลักฐานของเนสซีที่หนักแน่นสักราย อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเนสซีก็สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลสก๊อตแลนด์และชุมนุมใกล้เคียง เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
เรื่องของเจ้าสัตว์ลึกลับตัวนี้โด่งดังมากที่สุดในบรรดาสัตว์ลึกลับด้วยกัน ถึงขนาดบรรจุไว้ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษทีเดียว แต่หลังจากมีเทคโนโลยีการถ่ายภาพเข้ามา ก็เริ่มมีการบันทึกภาพเจ้าสัตว์ลึกลับตัวนี้ได้ เริ่มตั้งแต่ปี 1933

 ชมวิดีโอคลิกเลยค่ะ           ชมคลิปเนสซีที่ประเทศจีน            ไปดูเขาพูดกันเรื่องเนสซี

บางแหล่งก็ว่ามันคือปลาชนิดหนึ่ง อะไรกันแน่นะ

คุณคิดว่าสัตว์ชนิดนี้มีในทะเลสาบล็อกเนสส์ แคว้นสกอตแลนด์ จริงหรือไม่?

ที่มา : https://dek-d.com/board/view.php?8169    

        https://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=3076

 ถึงแม้ว่าขณะนี้เรายังไม่ทราบชัดเจนว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนี้มีอยู่จริงหรือไม่หรือมันคืออะไรกันแน่เรามาศึกษาเรื่องไฟลัมกันดีกว่า

ความรู้เรื่องไฟลัม

ไฟลัมคอร์ดาตา 
ลักษณะเฉพาะของพวกคอร์เดต 
มีโนโตคอร์ด ( notocord ) เป็นเเกนพยุงร่างกายซึ่งมีอยู่ตลอดชีวิตหรือระยะตัวอ่อนก็ได้
- มีเส้นประสาทใหญ่เป็นหลอดยาวกลวงอยู่ด้านหลังของลำตัว ( dosal hollow nerve cord ) ซึ่งในสัตว์มีกระดูกสันหลังเรียกว่า 
ไขสันหลัง
( spinal cord ) 

มีช่อเหงือกที่คอหอย ( pharynx with gill slit ) ช่องเหงือกในปลาเปลี่ยนเเปลงเป็นช่องเปิดสำหรับเหงือก เเละในคนพบเฉพาะระยะเอมบริโอ
มีหาง ( tail ) เป็นท่อนกล้ามเนื้อรอบกระดูกเเกนอยู่เหนือทวารหนัก 
คอร์เดตเเบ่งย่อยได้เป็น 2 กลุ่ม
- พวกโพรโทคอร์เดต ( protochordate ) มี 2 ซับไฟลัม ซับไฟลัมเซฟาโลคอร์ดาตาเเละซับไฟลัมยูโรคอร์ดาตา 
- พวกสัตว์มีกระดูกสันหลัง คือ ซับไฟลัมเวอร์ทีบราตา

ซับไฟลัมเซฟาโลคอร์ดาตา ( Cephalochordata ) 
- ได้เเก่เเอมฟิออกซัส ( amphioxus ) หรือ Branchiostoma เป็นสัตว์ทะเลเล็กๆรูปร่างเหมือนเเผ่นใบไม่ยาวๆ 
- มีโนโตคอร์ดตลอดชีวิต เเละตลอดความยาวของลำตัว 
- มีเส้นประสาทใหญ่กลวงอยู่ด้านหลังของลำตัว 
- มีช่องเหงือก เเละมีหาง
ซับไฟลัมยูโรคอร์ดาตา ( Urochordata ) 
- ได้เเก่ เพรียงลอย เพรียงหัวหอม ( พวก tunicate ) 
- มีโนโตคอร์ดค่อนมาทางหาง เมื่อโตเต็มวัยหางเเละโนโตคอร์ดจะหลุดหายไป
- มีเส้นประสาทใหญ่กลวงอยู่ด้านหลังของลำตัว ซึ่งบางส่วนจะหลุดไปพร้อมหาง
- มีช่องเหงือก

ซับไฟลัมเวอร์ทีบราตา ( Vertebrata ) 
- พวกสัตว์มีกระดูกสันหลัง 
- มีโนโตคอร์ดเฉพาะระยะเอมบริโอ เมื่อเจริญเติบโตขึ้น มีกระดูกสันหลังเป็นชิ้นๆต่อกันมาเเทนที่ 
- มีเส้นประสาทไขสันหลัง ถูกโอบล้อมไว้ในกระดูกสันหลัง 
- ปลายด้านบนของไขสันหลัง เป็นสมองอยู่ภายในกระโหลกศรีษะ
- มีอวัยวะรับความรู้สึกหลายชนิดเป็นคู่ๆอยู่บริเวณหัว ( ตา หู จมูก ) 
- ส่วนใหญ่มีหางหรือร่องรอยเเสดงว่าเป็นหาง
สัตว์มีกระดูกสันหลัง เเบ่งย่อยออกเป็น 7 คลาส ได้เเก่ 
- พวกปลา 3 คลาส 
- สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นก เเละสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างละ 1 คลาส

สัตว์มีกระดูกสันหลัง ( ซับไฟลัมเวอร์ทีบราตา ) เเบ่งเป็น 7 คลาส 

 มีความคืบหน้าอย่างไรจะนำมานำเสนออีกนะคะ

1. คลาสไซโคลสโตมาตา (Cyclostomata หรือ Agnatha )
ได้เเก่ ปลาปากกลม 
- กระดูกอ่อน    - ไม่มีขากรรไกร
- ไม่มีเกล็ด       - มีเเต่ครีบเดี่ยว ไม่มีครีบคู่
- หางเเบน       - มีช่องเหงือก / คู่ 
-เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังเพียงชนิดเดียวที่ระยะ
ตัวเต็มวัยยังคงมีโนโตคอร์ด

 

2. คลาสคอนดริคไทอิส ( Condrichthyes ) ได้เเก่ 
ปลากระดูกอ่อนต่างๆ เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน ปลากระต่าย ปลาฉนาก
- กระดูกอ่อน 
- มีช่องเหงือกเห็นชัด 
- ไม่มีกระเพาะลม 
- มีทั้งครีบเดี่ยวเเละครีบคู่ ( ครีบอกเเละครีบตะโพก ) 
- ผิวหนังคล้ายกระดาษทราย 
- มีการปฏิสนธิภายในร่างกายเเละออกลูกเป็นตัว
3. คลาสออสติอิคไทอิส (Osteicthyes )ไดเเก่ ปลากระดูกเเข็งต่างๆ รวมทั้งปลามีปอด ปลาตีน ปลานกกระจอก เเละม้าน้ำ
- กระดูกเเข็ง
- มีเเผ่นเเข็งปิดเหงือก ( operculum ) ทำให้มองไม่เห็นช่องเหงือก 
- มีครีบคู่ 2 คู่ ( ครีบอกเเละครีบตะโพก ) 
- มีกระเพาะลมช่วยการลอยตัว 
- ปฏิสนธิภายนอกร่างกายเเละออกลูกเป็นไข่

4. คลาสเเอมฟิเบีย ( Amphibia )
ได้เเก่ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำต่างๆเช่น กบ คางคก
เขียด งูดิน กะท่าง ซาลามานเดอร์ ( จิ้งจกน้ำ ) 

- วางไข่ในน้ำ ไข่มีวุ้นหุ้ม
- ปฏิสนธินอกร่างกาย 
- ตัวอ่อนดำรวชีวิตในน้ำ เเละหายใจทางเหงือก 
- มีเมเเทมอโฟซิสเป็นตัวเต็มวัยที่ดำรงชีวิต
บนบกหายใจด้วยปอดเเละผิวหนังที่เปียกชื้น 
- เป็นสัตว์เลือดเย็น
- มี 4 ขา 
- หัวใจ 3 ห้อง
- เส้นประสาทสมอง 10 คู่
- มีกล่องเสียง

5. คลาสเรปทีเลีย ( Reptilia )ได้เเก่ สัตว์เลื้อยคลานต่างๆเช่น เต่า งู จระเข้ 
- ปฏิสนธิภายในร่างกาย                                                   - วางไข่บนบก ไข่ขนาดใหญ่ มีเปลือกเเข็งเหนียวหุ้ม
- เป็นสัตว์เลือดเย็น                                                          - ผิวหนังเเห้งมีเกล็ดปกคลุม 
- หายใจทางปอดหัวใจ 3 ห้อง ( ยกเว้นจระเข้มี 4 ห้อง ) 
- มีขา 2 คู่                       - มีเส้นประสาทสมอง 12 คู่     - เป็นสัตว์พวกเเรกที่มีถุงน้ำคร่ำ

 

 

 

6. คลาสเอวีส ( Aves )
ได้เเก่ พวกนกต่างๆ รวมทั้งเป็ด ไก่ ห่าน หงส์ 
นกที่ใกล้สูญพันธุ์ นกเเต้วเเร้วท้องดำ เเร้ง นกเงือก นกที่สูญพันธุ์ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
- ปฏิสนธิภายในร่างกาย 
- เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังพวกเเรกที่เป็นสัตว์เลือดอุ่น 
- มีขนลักษณะเป็นเเผง ( feather ) 
- ขา 1 คู่ ปีก 1 คู่ ( เปลี่ยนเเปลงมาจากขาหน้า )
- หายใจด้วยปอดมีถุงลมหลายถุงติดต่อ
กับปอดทำหน้าที่เก็บอากาศหายใจ เเละระบายความร้อน 
- กระดูกกลวง
- ออกลูกเป็นไข่ที่มีเปลือกหุ้ม ไข่เเดงมีปริมาณมาก 
- หัวใจ 4 ห้อง 
- มีเส้นประสาทสมอง 12 คู่

7. คลาสเเมมมาเลีย ( Mammalia ) ได้เเก่สัตว์เลี้ยวลูกด้วยนมซึ่งเเบ่งเป็น 3 พวกคือ
- เป็นสัตว์เลือดอุ่น 
- ตัวเมียมีต่อมน้ำนม ผลิตน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูกอ่อน 
- มีขนเป็นเส้นๆ ( hair ) 
- เม็ดเลือดเเดงไม่มีนิวเครียส 
- มีต่อมเหงือก 
- มีกล่องเสียงเเละสายเสียง
- หัวใจ 4 ห้อง 
- หายใจด้วยปอดมีกระบังลม ( diphragm ) 
- สมองขนาดใหญ่มีเส้นประสาท สมอง 12 คู่ 
พวกที่ออกลูกเป็นไข่ ( montremes ) ได้เเก่ตุ่นปากเป็ดเเละตัวกินมดคล้ายเม่น
- ออกลูกเป็นไข่
- ไม่มีมดลูก ไม่มีรก 

               

พวกมีถุงหน้าท้อง ( marsupials ) ได้เเก่ จิงโจ้ หมีโคอะลา โอปอสซัม ฯลฯ
- ออกลูกเป็นตัวขนาดเล็ก ลูกอ่อนอาศัยอยู่ในถุงหน้าท้องจนโต 
- มีมดลูก 
- ไม่มีรก 
พวกที่มีรก ได้เเก่ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 
- ออกลูกเป็นตัวขนาดใหญ่
- มีมดลูก
- มีรก เป็นกลุ่มเส้นเลือดที่ติดต่อระหว่างเเม่กับลูก ลูกจะได้รับอาหารเเละก๊าซเเละขับถ่ายของเสียผ่านทางรก

ที่มา : https://dit.dru.ac.th/biology/chordata.html

แล้วถ้าเจ้าสัตว์ประหลาดชนิดนี้มีจริงจะจัดในซับไฟลัมและคลาสอะไรนะ?

อัพเดทล่าสุด