แทบทุกบ้านคงหนีไม่พ้นปัญหาเจ้าปลวกจอมวายร้ายที่แอบกัดกินทำลายบ้านเรา และต้องเผชิญปัญหานี้อย่างไม่รู้จักจบสิ้น วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเจ้าแมลงร้ายชนิดนี้กันดีกว่าค่ะ
นักวิทยาศาสตร์ พบวิธีพิฆาตปลวกแบบไม่ใช้สารเคมี แต่เพียงใช้สารกลูโคสขัดขวางภูมิคุ้มกันของปลวกจากเชื้อรา และแบคทีเรียภายในรัง ที่อาจจะสังหารปลวกได้....
นักวิทยาศาสตร์พบวิธีกำจัดปลวก โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าแล้ว เป็นการเปิดทางไปสู่การพัฒนาวิธีการป้องกันไม้และพืชผลให้รอดพ้นภัยของปลวกแบบธรรมชาติ ผู้อำนวยการแผนกเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์สุขภาพ ของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตต์ อาจารย์ราม ซาสีเสการานแจ้งว่า ได้พบวิธีใหม่ในการขัดขวางระบบภูมิคุ้มโรคของปลวกไม่ให้คุ้มกันตัวมันให้รอดพ้นอันตรายจากแบคทีเรียและเชื้อราภายในรังได้ ปลวกตามธรรมชาติจะพ่นโปรตีนซึ่งมียาฆ่าเชื้อรารูปหนึ่งภายในรัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อซึ่งอาจสังหารมันได้ แต่บัดนี้นักวิทยาศาสตร์สามารถค้นพบอนุพันธุ์หนึ่งของกลูโคส ซึ่งจะขัดขวางภูมิคุ้มโรคไม่ให้ออกฤทธิ์ได้ เขากล่าวว่า สารกลูโคสนั้นสามารถสร้างขึ้นทางเคมีได้ไม่ยาก และยังอาจจะให้พืชที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรมผลิตขึ้นได้ด้วย ซึ่งจะออกแบบมันขึ้นเพื่อเอาไปใช้ป้องกันสิ่งต่างๆ ให้รอดพ้นจากภัยปลวก (ข่าวจากไทยรัฐออนไลน์ -- วันพฤหัสที่ 11 มิถุนายน 2552 - 05.00 น.)
ภาพปลวก (ที่มาไทยรัฐออนไลน์)
หลายคนคงยินดีกับความสำเร็จของนักวิทยาศาสตร์ท่านนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะแทบทุกบ้านย่อมมีปัญหาสัตว์ชนิดนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ปลวกเป็นสัตว์ที่มักแฝงตัวอยู่ภายในบ้านของเราและกำจัดได้ยาก ทุกบ้านคงจะเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับการที่จะต้องโทรศัพท์ไปหาบริษัทกำจัดปลวก หรือ ไปซื้อสารเคมีมากำจัดเองอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่จะไปกำจัดปลวก เราควรรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ดังนั้นเราควรมาทำความรู้จักกับสัตว์ชนิดนี้กันก่อนดีกว่า
ปลวกตัวแรกของโลกถือกำเนิดเมื่อประมาณ 220 ล้านปีมาแล้ว การขุดพบซากฟอสซิลของปลวก โดย E.M. Bordy แห่งมหาวิทยาลัย Witwatersrand ในแอฟริกาใต้ทำให้นักชีววิทยาสัตว์ดึกดำบรรพ์รู้ว่าปลวกโบราณมีรูปร่างที่ละม้ายคล้ายคลึงแมลงสาบปัจจุบันมาก แต่มีขนาดเล็กกว่า และมีผิวอ่อนนุ่มกว่า ถึงแม้โลกทุกวันนี้มีปลวกมากกว่า 2,000 ชนิด แต่ก็มีเพียงไม่กี่ชนิดที่ชอบอาศัยอยู่ในเนื้อไม้ของอาคารบ้านเรือน ซึ่งนับเป็นภัยต่อที่อยู่อาศัย เพราะปลวกจะกัดกินสรรพสิ่งที่ทำด้วยไม้จนหมด และนั่นก็หมายความว่า เจ้าของบ้านจะต้องอพยพออกจากบ้านในที่สุด (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
ปลวก มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า เทอร์ไมต์ (termite) หรือบางทีเรียกว่า มดสีขาว (white ant) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Odontotermes spp. จัดเป็นแมลงอยู่ในอันดับ Isoptera เราพบว่ามีปลวกประมาณ 2,000 ชนิด เฉพาะเอเชียตะวันออกมี 270 ชนิดพบในประเทศไทย 90 ชนิด สำหรับปลวกที่มีผลทางเศรษฐกิจมี 11ชนิด แยกได้ 2 ประเภท คือ
1.ปลวกไม้แห้ง (dry wood termite ) เป็นปลวกที่อาศัยอยู่ในเนื้อไม้แห้งเมื่อปลวกกัดกินเนื้อไม้จะทิ้งมูลเป็นเม็ดเล็กๆ คล้ายเมล็ดฝิ่นออกมาตามรูไม้ ในประเทศไทยพบ 2 ชนิด คือ Cryptotermes Thailandis และ Cryptotermes domesticus
2.ปลวกใต้ดิน (subterranean termite ) เป็นปลวกที่อาศัยอยู่ใต้ดินเกือบตลอดอายุขัยของมันและเป็นภัยร้ายแรงต่อสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพราะพบความเสียหายจากปลวกชนิดนี้
ถึง 95%
ภาพเปรียบเทียบระหว่างปลวกและ มด (ที่มา Teenee.com )
ปลวกอาศัยอยู่รวมกันเป็นสังคมและแต่ละสังคม แบ่งเป็น 3 แบบตามรูปร่างและการทำงาน คือ
1. ปลวกพ่อรังและปลวกแม่รัง (ปลวกราชาและปลวกราชินีหรือปลวกตัวผู้และปลวกตัวเมีย ) เป็นปลวกที่มีปีกบินได้มีหน้าที่กระจายพันธุ์ แมลงเม่าที่ผสมพันธุ์แล้วจะสลัดปีกออกและมุดลงดินเพื่อสร้างใหม่และจะพัฒนาตัวเองเป็นปลวกราชินีทำหน้าที่ออกไข่เพียงอย่างเดียว มีอายุประมาณ 25ปีวางไข่ได้วันละ 30,000 ฟอง ความสามารถในการวางไข่ขึ้นอยู่กับจำนวนปลวกกรรมกรในขณะไข่เจริญเป็นตัวอ่อนเป็นตัวแก่ภายในระยะ 30-50 นั้น ปลวกราชินีจะเป็นตัวควบคุมตัวอ่อนให้มีหน้าที่บทบาทต่างๆ กัน
2. ปลวกกรรมกร มีปริมาณมากที่สุดกว่า 90% ในลักษณะไม่มีปีก ส่วนปากมีขาไกรกรรแบบฟันเลื่อยเหมาะสำหรับ ตัด เจาะไม้ ตัดไม้ มีหน้าที่ซ่อมแซมรังหาอาหารและดูแลปลวกตัวอื่นๆ ทั้งตัวแก่และตัวอ่อนภายในรังเดียวกันปลวกกรรมกรจะเป็นหมันสืบพันธุ์ไม่ได้
3. ปลวกทหาร มีจำนวนน้อยมาก มีลักษณะหัวโตกว่าไม่มีตาปากมีขากรรไกรขนาดใหญ่คล้ายคีมหรือดาบเหมาะใช้ในการต่อสู้จึงหน้าที่ป้องกันอันตรายให้ปลวกภายในรัง ศัตรูที่สำคัญคือ มด เมื่อศัตรูทำลายทางเดินหรือรังใหม่มันจะเอาส่วนหัวที่โตอุดช่องโหว่หรือขับไล่จนกว่าปลวกกรรมกรจะซ่อมแซมรังจนเรียบร้อยปลวก บางชนิดสามารถกลั่นของเหลวที่มีพิษที่เป็นกรดเหนียวๆ ออกจากหัวของมันเมื่อมดมาถูกจะทำให้หนืดและหมดกำลัง นอกจากนี้กรดนี้ยังสามารถใช้ในการเจาะโลหะหินปูนได้ดีอีกด้วย
ภาพเปรียบเทียบระหว่างราชินีปลวก (ด้านบน) และปลวกธรรมดา (ด้านล่าง) (ที่มา Teenee.com )
ปลวกมีการแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วปลวกตัวผู้และตัวเมียที่มีอายุ 3 ปีจะกระจายพันธุ์ไปนอกรังเพื่อตั้งรังใหม่ปีละ 1-2 ครั้งในช่วงต้นฤดูฝนโดยบินจากรังเก่าในลักษณะของแมลงเม่าผสมพันธุ์แล้วสลัดปีกออกแล้วมุดลงดินเพื่อสร้างรังใหม่ อาหารหลักของปลวก คือ เซลลูโลสจากเนื้อไม้ การกัดทำลายสิ่งที่มีเซลลูโลสเพื่อเป็นอาหารและสร้างที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ซากปลวกที่ลอกคราบหรือวัตถุเหลวตามตัวปลวกก็ใช้เป็นอาหารและนิสัยของปลวกชอบใช้การสื่อสารโดยการเลียสัมผัสกันตลอดเวลาจึงเป็นช่องทางในการกำจัดปลวก หากปลวกได้สัมผัสสารเคมีที่ใช้กำจัดก็จะถ่ายทอดสารพิษติดต่อถึงกันโดยง่ายและจะตายไปทั้งหมด
ภาพวัฎจักรปลวก (ที่มา https://www.ckpest.com)
ประเด็นคำถาม
- ปลวกมีผลดีและผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร
- วิธีในการกำจัดปลวกทำได้อย่างไรบ้าง
สามารถบูรณาการได้กับกลุ่มสาระวิชา : การงานอาชีพและเทคโนโลยี (อาชีพกำจัดปลวก) ภาษาอังกฤษ (คำศัพท์และสำนวนที่เกี่ยวกับปลวก) ภาษาไทย (ภาษาที่ใช้เกี่ยวกับปลวก)
กิจกรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนหาวิธีกำจัดปลวกมาให้ได้มากที่สุด จากนั้นเลือกและทดลองกำจัดปลวกด้วยวิธีการดังกล่าว หรือ อาจดัดแปลงสร้างสรรค์เป็นโครงงานเกี่ยวกับการกำจัดปลวก
เนื้อหาของบทความนี้เหมาะสำหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับช่วงชั้นที่ 2 ช่วงชั้นที่ 3 และผู้ที่สนใจทั่วไป
ข้อมูลอ้างอิง :
1. ไทยรัฐออนไลน์
2. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
3. Teenee.com
ภาพประกอบจาก :
1. Teenee.com
2. www.ckpest.com
3. ไทยรัฐออนไลน์
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=737