ป่าโบราณ:ปอดของโลก
เมื่อช่วงเย็นของวันหนึ่งได้ชมรายการถ้าคุณแน่อย่าแพ้เด็กประถม ได้ยินคำถามหนึ่งเกี่ยวกับปอดของโลกว่าอยู่บริเวณใด ซึ่งในความรู้สึกคิดว่า ปัจจุบันเรามีปอดของโลกอยู่น้อยขนาดนี้แล้วหรือเราจะมีวิธีเพิ่มปอดของโลกได้อย่างไร ท่านคิดว่าคะตอบนี้คืออะไร? คำตอบคือปอดของโลกคือป่าโบราณบริเวณป่าฝนเขตร้อน เช่น ป่าอะเมซอน และยังมีที่อื่นๆอีกบ้างได้แก่ ป่าในอินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี ป่าเหล่านี้ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต่อทุกชีวิตบนโลกมีอิทธิพลต่อสภาพดินฟ้าอากาศด้วยการควบคุมปริมาณการตกของฝนและการระเหยของน้ำจากผืนดิน ป่าดิบชื้นผืนมหึมาทำให้เกิดความคงที่ของสภาพอากาศด้วยการกักเก็บปริมาณก๊าซคาร์บอนซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ป่าโบราณหรือป่าดึกดำบรรพ์ ฟังดูแล้วคนส่วนใหญ่คงคิดว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องลี้ลับและอาถรรพ์ต่าง ๆ ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก ซึ่งยึดถือตามวิถีและขนบความเชื่อมาแต่เดิมที่ผู้คนเกี่ยวข้องกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แต่ป่าโบราณที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เป็นสภาพของป่าธรรมชาติที่มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสมดุลของโลก
ป่าโบราณ คือ ป่าธรรมชาติที่ไม่ได้รับการรบกวนจากมนุษย์หรือได้รับการรบกวนน้อย มีอายุนับล้านปี เป็นแหล่งนิเวศที่สำคัญ เพราะมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก เป็นแหล่งก่อกำเนิดของพืชและสัตว์ รวมถึงแมลงสายพันธุ์ต่าง ๆ ถึงสองในสามที่มีอยู่ทั่วโลก และมีชนเผ่าพื้นเมืองต่าง ๆ ที่ดำรงอยู่ตามธรรมชาติอีกหลายล้านคนในป่าเหล่านี้
โดยเฉพาะป่าอะเมซอนนั้น นักสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็น “ปอดของโลก” เพราะในช่วงฤดูฝนบริเวณป่าอะเมซอนมีฝนตกเฉลี่ยมากถึงปีละ ๖.๕ ลูกบาศก์ฟุตต่อวินาที
ป่าโบราณผืนสุดท้ายในโลกคือ ป่าผลัดใบในยุโรปและรัสเซีย ป่าสนในเขตทุนดราของอเมริกาเหนือ ป่าเขตร้อนในแอฟริกากลาง ป่าเขตอบอุ่นบนเทือกเขาแอนดิสในชิลี ป่าเขตร้อนในบราซิล และป่าฝนเขตร้อนในอินโดนีเซียและปาปัวนิวกินี กำลังถูกคุกคามและทำลายอย่างรวดเร็ว พื้นที่ป่าลดลงด้วยการทำอุตสาหกรรมไม้แปรรูปและการผลิตเยื่อกระดาษ มีการเปลี่ยนพื้นที่ป่าธรรมชาติเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้สูญเสียความสมดุลของระบบนิเวศและความหลากหลายของชีวภาพ และโครงการตัดถนนผ่ากลางป่าอะเมซอนและป่าสำคัญอื่น ๆ ส่งผลกระทบอันเลวร้ายต่อวงจรชีวิตของสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหลายชนิดที่อาจสูญพันธุ์
การที่พื้นที่ป่าถูกทำลายลงจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศของโลกโดยตรง เพราะต้นไม้ทำหน้าที่สำคัญในการระเหยโมเลกุลของน้ำและสูบโมเลกุลเหล่านี้กลับสู่ชั้นบรรยากาศจนควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำฝนตกลงมาบนผืนโลก เมื่อมีป่าน้อยลงจึงทำให้ปริมาณฝนลดลงด้วย
เราควรเห็นความสำคัญในการรักษาปกป้องผืนป่าโบราณเหล่านี้ด้วยการลดปริมาณการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้ ช่วยกันสนับสนุนการนำกระดาษกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ลดการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย ควรหยุดการจับสัตว์ป่าและการค้าสัตว์ป่าทุกชนิด ควรเรียกร้องให้นานาประเทศช่วยกันวางแผนระยะยาวในการจัดการป่าโบราณ การใช้พื้นที่ผ่าต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ต้องมรการเก็บสำรองส่วนหนึ่งไว้ และหามาตรการต่าง ๆ เพื่อสงวนพื้นที่ป่าโบราณที่ยังเหลืออยู่ให้มีความยั่งยืนต่อไป 
ขอบคุณ https://www.thaienv.com/th/index.php?option=com_content&task=view&id=557&Itemid=27
คอยติดตามตอนต่อไป
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=738