ประโยชน์ของแก้วมังกร กินแล้วดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย


916 ผู้ชม


แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่นำพันธุ์มาจากประเทศเวียดนาม คนเวียดนามเรียกว่า ธานห์ลอง กัมพูชาเรียกว่า สกราเนียะ มีชื่อสามัญว่า Dragon fruit ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hylocereus undatus (Haw) Britt. & Rose   

ประโยชน์ของแก้วมังกร กินแล้วดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย
        แก้วมังกร  มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกากลาง แถบหมู่เกาะเวสต์อินดีส โคลอมเบีย กัวเตมาลา และเวเนซูเอล่า สันนิษฐานว่าแก้วมังกรเข้ามาในเอเชียโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่นำพืชพันธุ์นี้มาจากอเมริการกลางมาปลูกในเวียดนามเป็นระยะเวาลาไม่น้อยกว่าหนึ่งศตวรรษ ที่เวียดนามปลูกันมากจนชาวเวียดนามถือว่าเป็นผลไม้ท้องถิ่น มีการปลูกเป็นไม้ผลหลังบ้านและปลูกเป็นสวนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ตามสภาพดินที่มีอยู บริเวณที่ปลูกกันมากคือ แถบชายฝั่งทะเลตะวันออกจากเมืองนาตรังทางเหนือลงไปทางใต้ถึงนครโฮจิมินห์

  •         ส่วนในเมืองไทยนั้น มีผู้นำแก้วมังกรเข้ามาปลูกเป็นเวลานานมากกว่ากึ่งศตวรราแล้ว แต่ไม่เป็นที่รู้จักเมื่อราว พ.ศ. 2534 เพิ่งมีการนำต้นพันธุ์ดีจากประเทศเวียดนามเข้ามาปลูกเพื่อเป็นผลไม้เศรษฐกิจ
  •         แก้วมังกรเป็นไม้ในตระกูลกระบองเพชร ลำต้นเป็นแฉก 3 แฉก คล้ายครับมังกร มีหนามเป็นกระจุกอยู่ที่ตา 4-5 หนาม ลำต้นเดียว แผ่ก้านออกไปรอบ ๆ ต้องมีค้างคอยพยุง ดอกสีขาว เป็นรูปทรงกรวยขนาดใหญ่ มีกลีบยาวเรียวทับซ้อนกัน บานในเวลา
    กลางคืน จึงมีชื่อเรียกว่า moonflower หรือ lady ot the night หรือ queen of the night ผลแก้วมังกรเมื่อดิบผิวเปลือกเป็นสีเขียว รูปทรงกลมรี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 6-10 ซม. มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ตามเปลือกผล เมื่อสุกผิวเปลือกเปลี่ยนเปนสีแดงอมชมพู เนื้อในมีทั้งสีแดงและสีขาวขุ่น มีเมล็ดเล็ก ๆ สีดำคล้ายเมล็ดแมงลักกระจายทั่วทั้งผล ปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศ แต่แหล่งที่มีการปลูกมากอยู่ที่จังหวัดจันทบุรี ชลบุรี กาญจนบุรี สระบุรีและสมุทรสงคราม แก้วมังกรมีหลายพันธุ์ด้วยกัน ดังนี้

    • แก้วมังกรพันธุเนื้อขาวเปลือกแดง ผลทรงกลมรีผิวเปลือกสีชมพูสด มีกลีบสีเขียวตามผิวเปลือก เนื้อสีขาวมีเมล็ดสีดำแทรกอยู่ในเนื้อ รสชาติหวานนิด ๆ อมเปรี้ยวหน่อย ๆ บางผลก็หวานจัด แล้วแต่ลูก
    • แก้วมังกรพันธุ์เนื้อขาวเปลือกเหลือง ผลเป็นรูปไข่ ขนาดเล็กกว่าทุกพันธุ์ เปลือกหนาสีเหลือง เนื้อสีขาว เมล็ดสีดำมีขนาดใหญ่และปริมาณน้อยกว่าพันธุ์อื่น ๆ รสชาติหวาน
    • แก้วมังกรพันธุ์เนื้อแดงเปลือกแดง เป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาใหม่จากไต้หวัน ผลเป็นทรงกลม เปลือกสีแดงจัด ผลขนาดเล็กกว่าพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง เนื้อสีแดงจัด มีเมล็ดสีดำขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่ว รสชาติหวานกว่าพันธุ์เนื้อขาวเปลือกแดง
  • แก้วมังกรในประเทศไทยมีผลดกช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษศจิกายน แต่ก็มีผลประปรายตลอดทั้งปี
  • แก้วมังกรนั้นมักกินเป็นผลไม้สด หรือกินรวมกับผลไม้อื่นเป็นฟรุตสลัด หรือนำไปปั่นเป็นน้ำแก้วมังกร เพราะเนื้อเยอะฉ่ำน้ำ รสหวานอ่อน ๆ อมเปรี้ยวนิด ๆ ส่วนแก้วมังกรแดงรสจะหวานจัดกว่าเล็กน้อย

ชื่อสามัญ              Dragon fruit 
ชื่อวิทยาศาสตร์   Hylocereus undatus (Haw)  
                               Britt. & Rose. 
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของแก้วมังกร         
        แก้วมังกร เป็นพืชวันยาวต้องการแสงในการเจริญเติบโตมากพอสมควร ระบบรากมีความลึกประมาณ 30 เซ็นติเมตร รากจะแผ่ขยายขนานไปกับผิวดิน พื้นที่ปลูกจะต้องไม่มีน้ำท่วมขังและปลอดจากมดคันไฟ ก่อนเตรียมหลุมปลูก ควรทำหลักสำหรับยึดเกาะให้เรียบร้อย โดยใช้ท่อคอนกรีตขนาด 8 นิ้ว ยาว 2 เมตร ฝังลึกลงไปในดิน 40-50 เซ็นติเมตร เทปูนยึดให้แน่นและให้น้ำขังได้ นำไม้มาทำเป็นตระแกรงยึดไว้ที่หัวเสา ขนาด 50 x 50 เซนติเมตร ติดตั้งระบบน้ำให้พร้อมระยะ 1 - 2 ปีแรกสามารถใช้น้ำที่ล้นมาจากในเสาหลักยึดเกาะได้ แต่หลังจากนั้นต้นเริ่มโตมากควรให้น้ำด้วยสปริงเกอร์จึงจะพอ จากนั้นเตรียมหลุมปลูกแก้วมังกร ขนาด 30 x 30 x 30 เซ็นติเมตรทั้งสี่ทิศโดยขุดห่างจากเสายึดเกาะอย่างน้อย 15 เซนติเมตร นำปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักลงผสมเช่นการปลูกต้นไม้ทั่วๆไป นำต้นพันธุ์แก้วมังกรลงปลูกทั้งสี่ทิศมัดยึดติดกับหลักให้แน่นคลุมด้วยวัสดุคลุมดิน และควรมีวัสดุพลางแสงช่วยในช่วง 1 - 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นก็ต้องหมั่นรดน้ำอยู่เสมออย่าให้ขาด แก้วมังกรชอบน้ำพอสมควรแต่ไม่ชอบแฉะ การให้ปุ๋ยเคมีเสริมทุกๆเดือนจะมีการให้ปุ๋ย 13-13-21 และ 16-16-16 ให้สลับกันในแต่ละเดือน ในอัตราครั้งละ 5 ช้อนแกง/หลัก ก่อนออกดอกเดือนมกราคม - มีนาคม จะเปลี่ยนเป็นปุ๋ย 12-24-12 ครั้งละ 4 ช้อแกง/หลัก เมื่อออกดอกติดผลเปลี่ยนมาใช้ 13-13-21 สลับกับ 9-24-24 ครั้งละ 5 ช้อนแกง ในแต่ละปีควรเพิ่มปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักลงไปด้วยอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง ปริมาณการใช้ปุ๋ยจะขึ้นอยู่กับขนาดและอายุของต้นเป็นสำคัญ หลังปลูกต้องหมั่นคอยดูแลมดคันไฟ ต้องเอาใจใส่คอยมัดและตัดแต่งกิ่งให้แตกแขนง ลำต้นต้องจัดให้เลื้อยขึ้นหลักทั้ง 4 ต้น ในปีแรกต้องตัดให้ได้แขนงอย่างน้อย 32 กิ่ง/1 หลัก ปีต่อๆไปก็ต้องตัดแต่งกิ่งให้เกิดแขนงเพิ่ม 2-3 เท่าของปีแรก จนหลักหนึ่งๆ ควรมีแขนงสัก 150 กิ่ง ในรอบ 1 ปี อายุการให้ผลผลิตหากต้นสมบูรณ์ดีหลังจากปลูก 1 ปีก็สามารถให้ผลผลิตได้เลย ช่วงระยะเวลาให้ผลผลิตจะอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม - เดือนกันยายน หลังมองเห็นดอกขนาดเมล็ดถั่วเขียวอีก 15 วันต่อมาดอกจะบานและนับต่อออกไปอีก 30 วันจะถึงระยะการเก็บเกี่ยวผลผลิต รวมระยะเวลาการเก็บผลผลิตประมาณ 45-50 วัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมด้วย หากอยู่ในช่วงที่อากาศไม่แจ่มใส มีฝนตกมาก ท้องฟ้าครึ้มฝน อุณหภูมิต่ำลง อายุการเก็บผลผลิตจะยืดออกไปอีกเช่นกัน
แก้วมังกรเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง มีรสหวานอ่อน ๆ เนื้อสีขาวจุดดำ เปลือกมีสีแดง เป็นผลไม้สมุนไพร

ประโยชน์ของแก้วมังกร กินแล้วดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ภาพจากhttps://www.pepsithai.com/food2008/tips/tips13.html

คุณค่าอาหารและสรรพคุณ

        แก้วมังกร มีสารอาหารหลายชนิด เช่น โปรแทสเชี่ยม ฟอสฟอรัส แมกนีเซี่ยม วิตามินซี และมีส่วนประกอบที่เป็นไฟเบอร์ ซึ่งมีปริมาณสูงมากในแก้วมังกร ช่วยบำรุงการทำงานของระบบขับถ่ายและในสายเส้นใย ส่วนเนื้อจะมีสารที่เรียกว่า Complex Polysaccharides เป็นตัวที่ช่วยลดการดูดซึมของไขมันประเภทไตรกลีเซอร์ไรด์ ช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด แก้วมังกร มีกากใยสูง แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินซี คลอโรฟิลล์ เมล็ดของแก้วมังกรอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว สามารถต่อต้านปฏิกริยาอ๊อกซิเดชั่น ทานแล้วนอกจากดับร้อน ผ่อนกระหาย ยังบำรุงสุขภาพผิวพรรณสดชื่น ในสุภาพสตรีจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนม ใช้เป็นผลไม้เสริมสุขภาพและความงามได้เป็นอย่างดี เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน หรือควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ปริมาณเนื้อเยอะ สามารถทานแล้วอิ่มท้อง อิ่มทน เรียกว่าสามารถกินแทนอาหารหนึ่งมื้อได้เลย อีกทั้งยังสามารถทานในปริมาณมากๆ ได้โดยไม่ทำให้อ้วน มีกากใยสูง แคลอรีต่ำ มีน้ำตาลน้อย นอกจากนี้เมล็ดของแก้วมังกรซึ่งเป็นสารคลอโรฟิลล์ อุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัว สามารถต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทานแล้วช่วยบำรุงสุขภาพ ทำให้ผิวพรรณสดชื่น ดูมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่ง
        นอกจากนี้แก้วมังกร ยังเป็นผลไม้ที่มีแร่ธาตุมากมายไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี ฟอสฟอรัส โปรตีน แคลเซียม ช่วยบำรุงสุขภาพผิว และระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคท้องผูก สร้างเสริมระบบการกำจัดของเสียของร่างกาย


ประเด็นคำถาม
        1.  แก้วมังกรมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ใด (ทวีปอเมริกากลาง แถบหมู่เกาะเวสต์อินดีส โคลอมเบีย กัวเตมาลา และเวเนซูเอล่า)
        2.  ดอกแก้วมังกรบานในเวลากลางคืน  เรียกว่าอะไร (moonflower หรือ lady ot the night หรือ queen of the night)
        3.  แมลงชนิดใดที่เป็นศัตรูที่สำคัญของแก้วมังกร (มดคันไฟ)

การบูรณาการกับสาระการเรียนรู้อื่น
        1.  ภาษาไทย (การอ่านจับใจความ)
        2.  การงานอาชีพและเทคโนโลยี (การส่งเสริมอาชีพ  การเพาะปลูก)
        3.  ภาษาต่างประเทศ (ชื่อภาษาอังกฤษ)
        4.  สุขศึกษาและพลศึกษา  (การบำรุงสุขภาพ)
        5.  คณิตศาสตร์ (การวัดขนาดของเสาคอนกรีต  ขนาดของหลุมปลูก  การชั่งผลผลิต)

กิจกรรมเสนอแนะ
        1.  ให้นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต
        2.  ส่งเสริมให้นักเรียนปลูกไว้รับประทานเอง
 

แหล่งข้อมูล 
        1. https://www.pepsithai.com/food2008/tips/tips13.html
        2.  https://www.itmstrade.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538602014&Ntype=31
        3.  https://natres.psu.ac.th/radio/radio_article/radio47-48/47-480018.htm

ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=1414

อัพเดทล่าสุด