เราทราบกันอยู่แล้วว่าสมุนไพรหลายตัวมีประโย ชน์อย่างมากในการรักษาโรค บางตัวอาจใช้แทนยาแผนปัจจุบันเลยก็มี สมุนไพรบางตัวอาจใช้เสริมให้การรักษาได้ผลดีขึ้น แต่สมุนไพรบางตัวก็อาจไม่ดีต่อโรคที่คุณเป็นอยู่หรือมีฤทธิ์ตีกันกับยาที่ใช้อยู่ หากคุณไม่พิจารณาให้ดีก่อนใช้ เนื้อหาสาระการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-3 ) /ตอนปลาย(ม.4-6) สาระที่ 2 ชีวิตกับสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างๆในระบบนิเวศ กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ให้นักเรียนแต่ละคนศึกษาภาพพืชข้างบนแล้วเขียนชื่อพืชที่เห็นลงในกระดาษ 2. ให้นักเรียนศึกษาเนื้อหาข้างล่างนี้ 3. ให้นักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องประโยชน์และโทษตามที่ได้ศึกษามาจากเนื้อหาข้างล่างนี้ เนื้อหา (ใบความรู้เรื่องพืชสมุนไพร) ปัจจุบันนี้มีสมุนไพรบรรจุขวดวางขายอยู่มากมายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นที่ตลาดนัด ตามร้านรวง หรือศูนย์การค้า โดยไม่มีการควบคุมเหมือนเภสัชภัณฑ์อื่นๆ หลายคนได้ยินคำว่า "สมุนไพร" แล้วมีความรู้สึกว่ามันเป็นสาร "ธรรมชาติ" คงไม่มิพิษมีภัยอะไร แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป สมุนไพรมีสารที่มีผลต่อการทำงานของร่างกายเหมือนยาที่เขาขายอยู่ทั่วไป ถ้าใช้ถูกต้องอาจจะมีผลดีมีประโยชน์ต่อผู้ใช้ แต่มีสมุนไพรหลายตัวที่ต้องระวัง เนื่องจากสามารถทำให้เกิดพิษภัยต่อชีวิตได้ เช่น เป็นพิษต่อตับ ไต เลือดออกไม่หยุด หัวเต้นผิดจังหวะ นอกจากนี้ สมุนไพรที่รู้จักและใช้กันอยู่ทั่วไปบางตัวสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงฤทธิ์ของยาที่หมอจ่ายจากโรงพยาบาลหรือคลินิก หรืออาจจะมีผลเสียต่อการผ่าตัดก็ได้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของเรื่องนี้คือควรจะเปิดเผยการใช้สมุนไพรต่อแพทย์ อย่าไปคิดว่าสมุนไพรไม่ใช่ยา หรือคิดผิดว่ามันเป็นแค่อาหารเสริม เพราะอาจมีผลเสียต่อยาที่คุณกินอยู่หรือมีผลเสียต่อการผ่าตัด หรือทำให้การดมยาผ่าตัดไม่ปลอดภัยได้ มีสมุนไพรหลายตัวที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยาจากแพทย์ที่เรากำลังกินอยู่หลายตัว สมุนไพรบางตัวมีผลต่อการเผาผลาญยาในร่างการทำให้ยานั้นมีฤทธิ์น้อยลง สมุนไพรบางตัวมีฤทธิ์เสริมต่อยาบางตัว บางอย่างมีฤทธิ์ต้านยาที่เรากำลังกิน ตัวอย่างเช่นคำถาม | St. John's wort (มีสรรพคุณลดความเศร้า กล่อมประสาท) สมุนไพรตัวนี้สามารถเพิ่มหรือลดฤทธิ์ยาหลายตัวและสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ คุณไม่ควรใช้สมุนไพรตัวนี้ถ้าคุณกำลังกินยาต่อไปนี้คือ ยาต้านความเศร้า ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแก้หอบหืด ยากดภูมิต้านทาน หรือยาเสตียรอยด์ทั้งหลาย กระเทียม โสม และขิง สามารถเพิ่มการตกเลือดหรือเลือดออกในคนที่กินยาต้านการแข็งตัวของเลือดเช่น แอสไพริน วอร์ฟาริน และ คลอปิโดเกรล สารเสริมอาหาร เช่น chondroitin และ glucosamine มีผลต่อยา วอร์ฟารินเช่นกัน แปะก๊วย (Ginkgo) มีฤทธิ์ทำให้เลือดออกมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ ยังเสริมฤทธิ์กับยาขับปัสสาวะชนิดไธอาไซด์ในการลดความดันเลือด และถ้าคุณเป็นโรคลมชัก มันอาจจะทำให้คุณชักเพราะมันมีฤทธิ์ต้านยาแก้ชักที่คุณกินอยู่
Kava เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยให้นอนหลับ แต่อาจจะมีพิษต่อตับแม้จะใช้ไม่นาน ถ้าเอาไปใช้ร่วมกับยาที่มีศักยภาพในการทำลายตับ เช่น ยาลดโคเลสเตอรอล ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงพิษต่อตับมากขึ้น ยาบางอย่างมีขอบเขตของขนาดยาในการรักษาจำกัด หมายความว่าถ้าเปลี่ยนแปลงขนาดยาแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะเกิดผลเสียมาก เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ถ้าให้น้อยไปเลือดก็จะแข็งตัวง่ายอาจจะเป็นอันตราย เช่น หลอดเลือดหัวใจตัน ถ้าให้มากไปก็อาจจะมีเลือดออกมากเป็นอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้น เมื่อใช้ยาต่อไปนี้ก็ไม่ควรใช้สมุนไพร นอกจากได้บอกกล่าวขออนุญาตกับแพทย์เสียก่อน ยาที่มีขอบเขตการใช้จำกัดนี้มีหลายตัวเช่น
- ยาโรคหัวใจ อย่างเช่น digoxin (ดิจอกซิน)
- ยาควบคุมการเต้นผิดปกติของหัวใจ
- ยาต้านการชัก
- ยากดภูมิต้านทาน เช่น ยาที่คนได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะต้องใช้กัน หรือยาต้านโรครูมาตอยด์ไขข้อ เป็นต้น
นอกจากนี้ คนที่จะต้องได้รับการผ่าตัดต้องบอกศัลยแพทย์และวิสัญญีแพทย์ด้วยว่ากินสมุนไพรอะไรอยู่หรือไม่ สมุนไพรบางตัวจำเป็นต้องงดก่อนผ่าตัด 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ เป็นเพราะว่าจะมีผลดังนี้ - ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียม โสม ขิง แปะก๊วย หรือ feverfew (แก้ปวดแก้ไข้) fenugreek น้ำมันปลา ชาเขียว resveratrol และ saw palmetto มีฤทธิ์ทำให้เลือดไม่แข็งตัว เวลาผ่าตัดอาจจะทำให้เลือดออกมาก ทำให้หยุดยาก หรือทำให้เกิดแผลบวมเพราะเลือดออกมาคั่งบริเวณ
ผ่าตัด - มีผลต่อการหลับ เช่น ยา kava, chamomile, lavender, melatonin และ valerian อาจมีฤทธิ์เสริมการหลับของยาสลบหรือยาแก้ปวดหลายอย่าง
- มีผลต่อการควบคุมความดันเลือด ได้แก่ cat's claw, coenzyme Q10, L-arginine และ licorice
| สมุนไพรบางตัว เช่น bitter orange, ephedra (มาฮวง) โสม สารสกัดชาเขียว อาจจะทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น หรือทำให้การเต้นของหัวใจผิดจังหวะ สารพวกนี้อาจจะอยู่ในสูตรยาลดน้ำหนักที่บางสำนักรักษาโรคอ้วนหรือหมอพระหมอตี๋ปิดเป็นความลับ การใช้สมุนไพรให้ปลอดภัยนั้น จำเป็นต้องแจ้งแก่แพทย์ที่รักษาโรคของเราด้วยว่ากินสมุนไพรตัวใดเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงปฎิกิริยาระหว่างยาดังกล่าว และควรเพิ่มความระมัดระวังดังนี้ ควรปฎิบัติตามคำอธิบายในฉลากข้างซอง (ในกรณีที่ซื้อจากบริษัทที่มีมาตรฐานสูง) ไม่ควรใช้มากกว่าที่เขาแนะนำ และถ้าอายุมาก (เช่น 65 ปี) ควรปรึกษาแพทย์ว่าขนาดยาที่ใช้นั้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะร่างกายผู้สูงอายุอาจจะจัดการกับยาได้น้อยลง ผลผลิตบรรจุขวดที่วางขายมีคุณภาพแตกต่างกันแล้วแต่ว่าผลิตโดยใคร น่าเชื่อถือแค่ไหน ในประเทศพัฒนาเช่น สหรัฐฯ เยอรมัน มีการควบคุมจากรัฐบาลเข้มงวด ผลผลิตจึงมีมาตรฐานในแง่ความสะอาด บริสุทธิ์ ขนาดการใช้ แต่ในประเทศกำลังพัฒนาการควบคุมคุณภาพมาตรฐานของผลผลิตและการผลิตเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณา ผู้ผลิตบางรายอาจควบคุมมาตรฐานได้ไม่ดีมีสารพิษเจือปน หรือมียาอย่างอื่นผสมปนเปเข้ามาอยู่ในสมุนไพร นอกจากนี้ ฉลากข้างขวดที่อธิบายส่วนผสมและการใช้ ในประเทศกำลังพัฒนายังไม่เข้มงวดในเรื่องนี้ ฉลากข้างขวดอาจจะเป็นแค่โฆษณา บอกแต่สรรพคุณ ไม่กล่าวถึงสรรพโทษ อย่างเช่น ผลผลิตสมุนไพรจากเม็กซิโก อินเดีย จีน หรือแม้แต่ประเทศไทย ผู้บริโภคพึงระวัง ข้อเสียของยาสมุนไพรอีกอย่างคืออาจจะมีตัวยา (สารเคมี) หลายตัวปนเปกัน ซึ่งผู้บริโภครวมทั้งแพทย์หรือเภสัชกรเองไม่มีทางรู้ได้ เนื่องจากการผลิตไม่มีมาตรฐาน หาเอกส ารอ้างอิงไม่ได้ ถ้าท่านจะใช้ก็พึงระลึกไว้เป็นคติเตือนใจเสมอว่าคำว่า"สมุนไพร" ไม่ได้หมายความว่า "ปลอดภัย" เสมอไป (สมุนไพรบางตัวเป็นสมุนไพรต่างประเทศไม่มีชื่อไทย ชื่อที่ให้ไว้ในที่นี้ก็เพื่อท่านจะได้มีความรู้พื้นฐานเอาไปอ่านฉลากหรือค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไป)
1. ทำไมเวลาเราไปรักษาโรคบางอย่างที่โรงพยาบาลเราจึงต้องบอกว่าเรากำลังกินสมุนไพรอะไรอยู่เทศ 2. สมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยให้นอนหลับ แต่อาจจะมีพิษต่อตับคืออะไร 3.ถ้าคุณเป็นโรคลมชัก และอาจจะทำให้คุณชักเพราะพืชสมุนไพรอะไรที่มันมีฤทธิ์ต้านยาลมชัก 4.ถ้านักเรียนกำลังเรียนความหลากหลายทางชีวภาพ จงบอกว่า พืชสมุนไพรที่มีในเอกสารนี้ นักอนุกรมวิธาน จำแนกไว้ใน อาณาจักรอะไร และพบในบรรยากาศแบบประเทศอะไรบ้าง ภูมิประเทศแบบไหน อากาศอย่างไร จึงจะเหมาะในการดำรงชีวิตอยู่ได้นานๆ กิจกรรมเสนอแนะ 1.ให้นักเรียนไปสืบค้นต้นไม้ที่บ้านของนักเรียนว่ามีพืชที่เป็นสมุนไพรมีอะไรบ้าง 2. สรุปพืชสมุนไพรเป็น Mind Mapping การบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ ให้นักเรียนทำเป็น แผนภูมิตามความถนัดเพื่อให้สรุปว่าใช้อะไรเป็นตัวเชื่อมโยงให้บูรณาการ กันได้ แหล่งอ้างอิง : หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท) วิชาการ ,กรม แบบเรียนวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้นยมศึกษาตอนต้น วิชาการ,กรม แบบเรียนชีววิทยา เล่ม 6 |