สังเวย !!!ฮีทสโตรก!!! คร่าชีวิตพ่อแก่แม่เฒ่า ต.น้ำสวย เมษาสยองเดือนเดียว 7 ศพแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แต่มีร่างกายแข็งแรง คาดเป็นเพราะอุณหภูมิร้อนจัด ถึง 40 องศา เตือนให้หลีกเลี่ยงการตากแดด แนะลดทานแป้ง แอลกอฮอล์
เมษาสยอง สังเวยอีก 4 ศพรวด ในห้วงวันที่ 22-25 เม.ย. ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แต่มีร่างกายแข็งแรง
ภาพประกอบจาก : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ประเด็นที่น่าสนใจ https://thairecent.com – (26/04/2553 07:30) รายงานว่า จากสภาพภูมิอากาศแปรปรวน โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เลย ที่มีอุณหภูมิร้อนระอุในช่วงต้นเดือน เม.ย. ทำให้มีผู้สูงอายุในพื้นที่ ต.น้ำสวย อ.เมือง เสียชีวิตวันเดียว 3 ศพรวด โดยแพทย์ระบุสาเหตุการตายว่าเกิดจากภาวะช็อกเนื่องจากอากาศร้อนจัด หรือ ฮีท สโตรก เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 เม.ย. นายจรูญ พานิช นายก อบต.น้ำสวย อ.เมือง กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 22-25 เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้สูงอายุเสียชีวิตอีก 4 ศพ ซึ่งในช่วงนั้น อุตุนิยมวิทยาจังหวัดเลย รายงานว่า ในพื้นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่า จากสภาวะอากาศร้อนจัดดังกล่าว ทำให้ผู้สูงอายุในพื้นที่ ต.น้ำสวย เสียชีวิตถึง 7 ศพ ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
อ่านข่าวเพิ่มเติม
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ทุกระดับชั้น
สาระที่ 6 กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก
มาตรฐาน ว 6.1 เข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธ์ของกระบวนการต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์
สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์
Heat Stroke โรคฮิตที่มากับหน้าร้อน
"โรคฮีท สโตรก" หรือ "โรคลมแดด" (Heat Stroke) โรคลมแดดเริ่มมีรายงานผู้ป่วยในประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2530 จัดได้ว่าเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์อย่างแท้จริง เนื่องจากหากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัย และรักษาได้อย่างทันท่วงที ก็จะสามารถลดอัตราการเสียชีวิต และ ความพิการลงได้อย่างมาก
ที่มาของภาพ : https://www.pattayadailynews.com/th/wp-content/uploads/2010/04/calor_int610.jpg
ลักษณะสำคัญของโรคลมแดด ผู้ป่วยที่เป็นโรคลมแดดมักมาด้วยอาการสามอย่างคือ
1. มีไข้สูง อุณหภูมิแกนสูงกว่า 40.5 องศาเซลเซียส
2. ระบบประสาทกลางทำงานผิดปกติ
3. ไร้เหงื่อ หรืออาจพบอาการโซเซได้ ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกกระหายน้ำมาก วิงเวียน ปวดศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ หายใจเร็ว อาเจียน ซึ่งต่างจากการเพลียแดดทั่ว ๆ ไป ที่จะพบว่ามีเหงื่อออกด้วย หากเกิดอาการดังกล่าวจะต้องหยุดพักทันที
การช่วยเหลือเบื้องต้น นำผู้มีอาการเข้าร่ม นอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง ถอดเสื้อผ้าออก ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ ร่วมกับการใช้พัดลมเป่าระบายความร้อนเพื่อลดอุณหภูมิร่างกายให้ลดต่ำลงโดย เร็วที่สุด แล้วรีบนำส่งโรงพยาบาล
(a) (b)
ที่มาของภาพ :
(a) https://www.pattayadailynews.com/th/wp-content/uploads/2010/04/33.jpg
(b) https://www.pattayadailynews.com/th/wp-content/uploads/2010/04/41.jpg
การป้องกัน เตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมใน กรณีที่จะต้องเผชิญสภาพอากาศร้อน โดยการออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ๆ ละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพให้เคยชินกับอากาศร้อน หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดในวันที่อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10-15 นาฬิกา ดื่มน้ำ 1-2 แก้ว ก่อนออกจากบ้านในวันที่มีอากาศร้อนจัด และหากต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน หรือออกกำลัง ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละประมาณ 1 ลิตร หรือ 4-6 แก้วต่อชั่วโมง แม้ไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีอ่อน ไม่หนา น้ำหนักเบา และสามารถระบายความร้อนได้ดี ใช้โลชั่นกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟตั้งแต่ 15 ขึ้นไป ก่อนออกจากบ้าน อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม
ที่มา : ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
www.bangkokhospital.com
ปรากฏการณ์โลกร้อน (Global warming) หมายถึง การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศใกล้พื้นผิวโลกและน้ำในมหาสมุทรตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 และมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา นับถึง พ.ศ. 2548 อากาศใกล้ผิวดินทั่วโลกโดยเฉลี่ยมีค่าสูงขึ้น 0.74 ± 0.18 องศาเซลเซียส ซึ่งคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ของสหประชาชาติได้สรุปไว้ว่า “จากการสังเกตการณ์การเพิ่มอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 (ประมาณตั้งแต่ พ.ศ. 2490) ค่อนข้างแน่ชัดว่าเกิดจากการเพิ่มความเข้มของแก๊สเรือนกระจกที่เกิดขึ้นโดยกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นผลในรูปของปรากฏการณ์เรือนกระจก” ปรากฏการณ์ธรรมชาติบางอย่าง เช่น ความผันแปรของการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์และการระเบิดของภูเขาไฟ อาจส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อการเพิ่มอุณหภูมิในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมจนถึง พ.ศ. 2490 และมีผลเพียงเล็กน้อยต่อการลดอุณหภูมิหลังจากปี 2490 เป็นต้นมาข้อสรุปพื้นฐานดังกล่าวนี้ได้รับการรับรองโดยสมาคมและสถาบันการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไม่น้อยกว่า 30 แห่ง รวมทั้งราชสมาคมทางวิทยาศาสตร์ระดับชาติที่สำคัญของประเทศอุตสาหกรรมต่างๆ แม้นักวิทยาศาสตร์บางคนจะมีความเห็นโต้แย้งกับข้อสรุปของ IPCC อยู่บ้าง แต่เสียงส่วนใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศของโลกโดยตรงเห็นด้วยกับข้อสรุปนี้
(a) (b)
ที่มาของภาพ :
แบบจำลองการ คาดคะเนภูมิอากาศที่สรุปโดย IPCC บ่งชี้ว่าอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยที่ผิวโลกจะเพิ่มขึ้น 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 21 (พ.ศ. 2544–2643)การที่อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และคาดว่าทำให้เกิดภาวะลมฟ้าอากาศสุดโต่ง (extreme weather) ที่รุนแรงมากขึ้น ปริมาณและรูปแบบการเกิดหยาดน้ำฟ้าจะเปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบอื่นๆ ของปรากฏการณ์โลกร้อนได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของผลิตผลทางเกษตร การเคลื่อนถอยของธารน้ำแข็ง การสูญพันธุ์พืช-สัตว์ต่างๆ รวมทั้งการกลายพันธุ์และแพร่ขยายโรคต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนทางวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง ได้แก่ปริมาณของความร้อนที่คาดว่าจะเพิ่มในอนาคต ผลของความร้อนที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบอื่นๆ ที่จะเกิดกับแต่ละภูมิภาคบนโลกว่าจะแตกต่างกันอย่างไร รัฐบาลของประเทศต่างๆ แทบทุกประเทศได้ลงนามและให้สัตยาบันในพิธีสารเกียวโต ซึ่งมุ่งประเด็นไปที่การลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก แต่ยังคงมีการโต้เถียงกันทางการเมืองและการโต้วาทีสาธารณะไปทั่วทั้งโลกเกี่ยวกับมาตรการว่าควรเป็นอย่างไร จึงจะลดหรือย้อนกลับความร้อนที่เพิ่มขึ้นของโลกในอนาคต หรือจะปรับตัวกันอย่างไรต่อผลกระทบของปรากฏการณ์โลกร้อนที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้น
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม
ที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คำถามชวนคิด
1. คุณมีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อนได้หรือไม่ มีวิธีการปฏิบัติอย่างไร
2. คุณมีวิธีการคลายร้อนอย่างไร
กิจกรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตถึงผลกระทบที่เกิดจากการแปรปรวนของอากาศ สาเหตุที่ทำให้อากาศแปรปรวน และแนวทางการป้องกันและแก้ไข
การบูรณาการ
1. กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา เกี่ยวกับโรคที่เกิดจากอากาศร้อนจัด
2. กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เกี่ยวกับภูมิศาสตร์
แหล่งที่มา
https://thairecent.com
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2275