คุณอาจเป็นโรคตับแข็งได้...แม้ไม่สูบบุหรี่
โรคเงียบอันตรายถึงชีวิต!!
พญ.พนิดา ทองอุทัยศรี อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลสมิติเวช ให้ความรู้ว่า ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก มีหน้าที่เป็นแหล่งสะสมพลังงาน กำจัดสารพิษ ช่วยสร้างน้ำดีและโปรตีนที่สำคัญ ๆ ของร่างกาย ช่วยย่อยไขมัน โดยธรรมชาติตับของเราจะมีสีน้ำตาลแดง หากตับมีภาวะความเสี่ยงที่มีไขมันสะสมจะเริ่มกลายเป็นสีขาว เนื่องจากมีไขมันคั่งอยู่ในตับ!
ไขมันอยู่ในท้อง เป็นไขมันที่อันตรายมากกว่าไขมันที่อยู่ตามชั้นผิวหนังเพราะทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เมื่อใดมีภาวะดื้ออินซูลินขึ้นมาทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ มีการสลายไขมันออกมามากขึ้น เมื่อไขมันในเลือดมีมากก็เข้าสู่ตับมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปถ้าไขมันสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตับจะมีการอักเสบขึ้นมา เมื่อเวลานานเข้าจะดำเนินโรคไปสู่โรคตับแข็งโดยที่เราไม่ต้องดื่มเหล้า หรือไม่ได้เป็นไวรัสตับ
วิธีการรักษาและการป้องกันว่า ควรทำควบคู่ไปด้วยกัน การรักษา และการป้องกันวิธีที่ 1 คือ การควบคุมอาหาร วิธีที่ 2 คนที่เป็นโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน ถ้าเราสามารถลดน้ำหนักได้ ก็จะดีขึ้นโดยการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดคือ การคุมอาหารและการออกกำลังกาย (อ้วน! ระวัง 'ไขมันคั่งในตับ' .หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ วันอาทิตย์ ที่ 02 พฤษภาคม 2553.)
สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับชั้นม. 2 และ ม.4-6
มาตรฐาน 1.1 เข้าใจหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่างๆของสิ่งมีชีวิตที่ทำงานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และนำความรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตของตนเองและดูแลสิ่งมีชีวิต
ตัวชี้วัด ม.2 1.1 อธิบายโครงสร้างและรการทำงานของระบบการย่อยอาหาร
ม.4-6 1.1 ทดลองและอธิบายการรักษาดุลยภาพของเซลล์และสิ่งมีชีวิต
ตับ
ตับทำหน้าที่สร้างและควบคุมเมตาโบลิซึม สารอาหารที่สำคัญในร่างกายทั้งคาร์โบไฮเดรท ไขมัน และโปรตีน เพื่อให้ cell ของร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอ อาหารที่ถูกย่อยเป็นโมเลกุลเล็กจะถูกดูดซึมไปที่ตับ ส่วนกรดไขมันสายยาว (Long chain fatty acid) จะถูกดูดซึมผ่านท่อน้ำเหลือง และหัวใจจะสูบฉีดเลือดกลับมาที่ตับการลำเลียงกลูโคสจากทางเดินอาหารไปยังเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ต้องมีการกำจัดสารพิษที่ตับก่อนและรับออกซิเจนเพื่อเป็นเลือดแดงที่ปอดก่อน การเดินทางของกลูโคส จึงมีแผนที่ดังนี้ ลำไส้เล็ก ตับ หัวใจ ปอด หัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจนั่นเอง
ภาพที่ 1 โครงสร้างตับ
(ที่มา : https://www.pharm.chula.ac.th/physiopharm/2543_sem2/7/virus.html)
ไขมัน
ไขมัน เป็นสารอินทรีย์กลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ละลายน้ำแต่ละลายในตัวทำละลายไขมัน ไขมันที่รู้จักกันได้ดี ได้แก่ไขมันของสัตว์และน้ำมันของพืช โดยทั่วไปไขมันและน้ำมันเป็นสารประกอบประเภทเอสเทอร์ โดยไขมันเป็นเอสเทอร์ที่มีสถานะของแข็ง ส่วนน้ำมันเป็นเอสเทอร์ที่มีสถานะของเหลว ร่างกายสามารถสะสมลิพิดเพื่อไว้ใช้ในเวลาขาดอาหาร เป็นสารประกอบที่ใช้พลังงานสูง ลิพิด 1 กรัม เมื่อสลายจะให้พลังงาน 9 แคลอรี
ไขมันหรือน้ำมัน (fat หรือ oil) ที่สะสมในร่างกายจะเป็นสารประเภท ไตรกลีเซอไรด์ กรดไขมัน(ซึ่งจะมีการสลายตัวเป็นแอซิทิลโคเอนไซม์เอ) รวมตัวกับกลีเซอรอล(ซึ่งจะมีการสลายตัวเป็นกรดไพรูวิก) เมื่อกรดไขมันและกลีเซอรอล จะมีการเสียน้ำออกมา 1 โมเลกุล เรียก ปฏิกิริยานี้ว่า ดีไฮเดรชั่น (dehydration) มอโนกลีเซอไรด์ (monoglyceride) ไดกลีเซอไรด์ (diglyceride) และไตรกลีเซอไรด์ แล้วแต่ว่ามีกรดไขมันเกาะอยู่กับกลีเซอรอล 1, 2 หรือ 3 โมเลกุล ตามลำดับ (https://www.rbru.ac.th/courseware/science/4031102/lesson1/lesson1.8.html)
ไขมันสะสมคั่งในตับ (NASH)
โรคไขมันคั่งสะสมในตับ คือภาวะที่มีการสะสมของไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของ
ไตรกลีเซอรายด์ อยู่ในเซลล์ของตับซึ่งอาจมีเพียงแค่ไขมันคั่งอยู่ในเซลล์ตับ
สาเหตุ
สาเหตุของการเกิดไขมันคั่งสะสมในตับ ที่ไม่ได้เกิดจากการสูบบุหรี่นั้น ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ในปัจจุบันคิดว่ามีหลายสาเหตุ ความรู้จากการศึกษาในปัจจบันพบว่าภาวะที่ร่างกายดื้อต่ออินซูลินเป็นปัจจัยที่สำคัญของการเกิดภาวะไขมันคั่งสะสมในตับ หลังจากนั้นอาจจะมีปัจจัยหรือกลไกอื่นอีกที่มากระตุ้นให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์ตับ ซึ่งผู้ป่วยมักจะมีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย คือ
1. อ้วน ซึ่งมักจะอ้วนที่ลำตัวมากกว่าแขนขา
2. เป็นเบาหวาน
3. มีไขมันในเลือดสูง
4. มีความดันโลหิตสูง
พบว่าร้อยละ 60 ของผู้ป่วยที่มีไขมันคั่งสะสมในตับ จะมีภาวะดื้อต่ออินซูลินร่วมด้วย
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการ มักจะตรวจพบโดยบังเอิญจากการมาเจาะเลือดเช็คสุขภาพ ในบางรายอาจมีอาการปวดแน่นบริเวณใต้ชายโครงขวา ในบางรายอาจจะมีอาการอ่อนเพลียง่าย เมื่อโรคตับเป็นมากแล้ว ตรวจร่างกายผู้ป่วยมักจะพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติยกเว้นอาจจะพบว่าผู้ป่วยอาจจะอ้วน ซึ่งมักจะเป็นอ้วนแบบลงพุง และในกรณีผู้ป่วยที่มีตับแข็งแล้วก็อาจตรวจเจอลักษณะของโรคตับเรื้อรังหรือตับแข็งร่วมด้วย
จะตรวจได้อย่างไรว่ามีไขมันคั่งสะสมในตับ
1. โดยการเจาะเลือดดูการทำงานของตับว่ามีการอักเสบดูระดับ น้ำตาล, ระดับไขมันในเลือดว่าสูงกว่าปกติ
2. ตัดสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะไขมันคั่งสะสมในตับออกไปก่อน เช่นการดื่มสุรา, การรับประทานยา, ตับอักเสบจากไวรัสซีเป็นต้น
3. การตรวจอัลตราซาวด์ จะพบว่าตับอาจมีขนาดโตขึ้น และมีลักษณะขาวขึ้นกว่าไตและม้าม
4. ตรวจโดยวิธีเอ็กซ์เรย์
5. เจาะชิ้นเนื้อตับออกมาตรวจทางพยาธิวิทยา
จะรักษาไขมันคั่งสะสมในตับอย่างไร
การลดน้ำหนัก ในกรณีที่ผู้ป่วยอ้วน ซึ่งควรลดน้ำหนักโดยการควบคุมปริมาณและคุณภาพอาหารกล่าวคือ หลีกเลี่ยงการทานอาหารทีมีไขมันสูง เนื่องจากไตรกลีเซอรายด์เป็นตัวสำคัญที่สะสมคั่งในตับก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงไม่รับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมากเกินไป ควรลดปริมาณอาหารลงด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในมื้อเย็น ที่สำคัญควรมีการออกกำลังการอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะเป็นการลดน้ำหนักอย่างถูกสุขภาพ และเป็นการช่วยสลายไขมันออกจากตับได้ดี
(ธีระ พิรัชวิสุทธิ์.ไขมันสะสมคั่งในตับ (NASH). https://www.thailiverfoundation.org/th/cms/detail.php?id=28 เข้าถึงข้อมูล 4 พฤษภาคม 2553)
ภาพที่ 2 : กลไกลการสะสมของไขมัน Normal คือตับปกติ Steatosis ภาวะดื้ออินซูลิน NASH คือ การสะสมไขมัน
(ที่มา : https://phinate.blogspot.com/2009/11/nashnon-alcoholic-steatohepatitis.html)
โรคเบาหวาน อินซูลิน
อาหารที่รับประทานเข้าไปส่วนใหญ่จะเปลี่ยนจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน เซลล์ในตับอ่อนชื่อเบต้าเซลล์เป็นตัวสร้างอินซูลิน อินซูลินเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอยู่เป็นเวลานานจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ตา ไต และระบบประสาทอินซูลินเป็นฮอร์โมนสำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย สร้างและหลั่งจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อน ทำหน้าที่เป็นตัวพาน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงานในการดำเนินชีวิต ถ้าขาดอินซูลินหรือการออกฤทธิ์ไม่ดี ร่างกายจะใช้น้ำตาลไม่ได้ จึงทำให้น้ำตาลในเลือดสูง
@@ข้อควรจำ อินซู เปลี่ยนกลู เป็นไกล(อินซุลินจะเปลี่ยนกลูโคสเป็นไกลโครเจน)@@
อาการของโรคเบาหวาน
คนปกติก่อนรับประทานอาหารเช้าจะมีระดับน้ำตาลในเลือด 70-110 มก.% หลังรับประทานอาหารแล้ว 2 ชม.ระดับน้ำตาลไม่เกิน 140 มก.% ผู้ที่ระดับน้ำตาลสูงไม่มากอาจจะไม่มีอาการอะไร การวินิจฉัยโรคเบาหวานจะทำได้โดยการเจาะเลือด
สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน
ยังไม่ทราบแน่นอน แต่องค์ประกอบสำคัญที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดได้แก่ กรรมพันธุ์ อ้วน ขาดการออกกำลังกาย หากบุคคลใดมีปัจจัยเสี่ยงมากย่อมมี่โอกาสที่จะเป็นเบาหวานมากขึ้น ปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานได้แสดงข้างล่างนี้
อาการที่พบได้บ่อย
1. คนปกติมักจะไม่ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะในเวลากลางดึกหรือปัสสาวะอย่างมากไม่เกิน 1 ครั้ง เมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดมากกว่า180มก.% โดยเฉพาะในเวลากลางคืนน้ำตาลจะถูกขับออกทางปัสสาวะทำให้น้ำถูกขับออกมากขึ้น จึงมีอาการปัสสาวะบ่อยและเกิดการสูญเสียน้ำ และอาจจะพบว่าปัสสาวะมีมดตอม ผู้ป่วยจะหิวน้ำบ่อยเนื่องจากต้องทดแทนน้ำที่ถูกขับออกทางปัสสาวะ
2. อ่อนเพลีย น้ำหนักลดเกิดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลจึงย่อยสลายส่วนที่เป็นโปรตีนและไขมันออกมา ผู้ป่วยจะกินเก่งหิวเก่งแต่น้ำหนักจะลดลงเนื่องจากร่างกายน้ำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่ได้ จึงมีการสลายพลังงานจากไขมันและโปรตีนจากกล้ามเนื้อ
3. อาการอื่นๆที่อาจเกิดได้แก่ การติดเชื้อ แผลหายช้า คันตามผิวหนัง มีการติดเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องคลอดของผู้หญิง สาเหตุของอาการคันเนื่องจากผิวแห้งไป หรือมีการอักเสบของผิวหนัง เห็นภาพไม่ชัด ตาพร่ามัวต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงสายตา เช่นสายตาสั้น ต่อกระจก น้ำตาลในเลือดสูง ชาไม่มีความรู้สึก เจ็บตามแขนขาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เนื่องจากน้ำตาลสูงนานๆทำให้เส้นประสาทเสื่อม เกิดแผลที่เท้าได้ง่าย เพราะไม่รู้สึก อาเจียน
(https://www.siamhealth.net/public_html/Disease/endocrine/DM/intro.htm)
คำถามน่าคิด
1. ไขมันถือเป็นสารพลังงานสูง เนื่องจาสาเหตุใด (แนวทางการตอบ ลิพิด 1 กรัม เมื่อสลายจะให้พลังงาน 9 แคลอรี ในขณะที่โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 แคลอรี)
2. โรคเบาหวานเกิดจากสาเหตุุใด(แนวทางการตอบ ฮอร์โมนอินซูลินไม่สามารถเปลี่ยนกลูโคส(น้ำตาล)เป็นไกลโคเจน())
3. ไขมันคั่งในตับเกิดจากสาเหตุใด มีอันตรายต่อร่างกายอย่างไร มีแนวทางป้องกันได้อย่างไร (แนวทางการตอบ โรคไขมันคั่งสะสมในตับ คือภาวะที่มีการสะสมของไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของไตรกลีเซอรายด์ ส่งผลให้ลดประสิทธิภาพการทำงานตับ การรควบคุมน้ำหนักโดยการควบคุมปริมาณและคุณภาพอาหารกล่าวคือ หลีกเลี่ยงการทานอาหารทีมีไขมันสูง)
4. ภาวะดื้ออินซูลิน คืออะไร จะทำให้เกิดผลต่อร่างกายอย่างไร(แนวทางการตอบ ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ มีการสลายไขมันออกมามากขึ้น เมื่อไขมันในเลือดมีมากก็เข้าสู่ตับมากขึ้น ทำให้เกิดตับแข็ง)
อ่านแล้วคิด จะพิชิตข้อสอบได้ (PAT 2 พ.ศ. 2552)
1. การลำเลียงกลูโคสจากทางเดินอาหาร ไปยังเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ต้องผ่านอวัยวะใด ตามลำดับ
ก. ลำไส้เล้ก ตับ หัวใจ ปอด หัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ
ข. ลำไส้เล็ก หัวใจ ปอด หัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ
ค. ลำไส้เล็ก หัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ
ง. ลำไส้เล็ก ตับ หัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจ
2. แผนภาพ กระบวนการสลายสารอาหารระดับเซลล์
ก ข และ ค คืออะไร ตามลำดับ
ก. กรดไขมัน กลีเซอรอล NH2
ข. กรดไขมัน กลีเซอรอล NH3
ค. กลีเซอรอล กรดไขมัน NH2
ง. กลีเซอรอล กรดไขมัน NH3
(ดวงฤดี กาญจนพันธุ์ และคณะ. เฉลยข้อสอบ(กรกฎาคม 2552). 2552.)
แนวข้อสอบทั่วไป
1.สารอาหารประเภทใดให้พลังงานแก่ร่างกาย
ก. เกลือแร่ น้ำ ไขมัน
ข. โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่
ค. แป้ง ไขมัน โปรตีน
ง. แป้ง น้ำ ไขมัน
2.หน้าที่ของไขมันคือข้อใด
ก.เป็นแหล่งพลังงาน
ข.เป็นส่วนประกอบหลักของผนังเซลล์
ค.ป้องกันร่างกายจากการสูญเสียควายร้อน
ง.เป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์
1. ก,ข,ค,ง 2. ก,ข,ค 3. ก,ง,ค 4.ก,ข,ง
3.ไขมันและน้ำมันเป็นสารประกอบประเภทใด
ก. กรดไขมัน ข.แอลกอฮอร์ ค.เอสเทอร์ ง. อีเทอร์
4.ข้อใดเป็นหน้าที่หลักของสารอาหารประเภทไขมัน
ก.ซ่อมแซมส่วนที่สึกเหรอ
ข.เสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโต
ค.ให้พลังงานแก่ร่างกาย
ง.คุมให้การทำงานของระบบอวัยวะดำเนินไปได้
(https://202.143.145.50/web21/index.php?option=com_content&task=view&id=28&Itemid=47)
ความรู้บูรณาการ
นักเรียนสามารถนำความรู้เรื่องนี้ ไปบูรณาการกับวิชาเคมี เรื่องสารอินทรีย์ นำไปใช้กับการดำเนินชีวิต การรับประทาน การออกกำลังกาย เพื่อควบคุมน้ำหนักให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์
อ้างอิง
https://www.rbru.ac.th/courseware/science/4031102/lesson1/lesson1.8.html
https://www.siamhealth.net/public_html/Disease/endocrine/DM/intro.htm
ธีระ พิรัชวิสุทธิ์.ไขมันสะสมคั่งในตับ (NASH). https://www.thailiverfoundation.org/th/cms/detail.php?id=28 เข้าถึงข้อมูล 4 พฤษภาคม 2553
ดวงฤดี กาญจนพันธุ์ และคณะ. เฉลยข้อสอบ(กรกฎาคม 2552). 2552.
รูปไอคอนจาก https://waine.iblog.co.za/2009/07/05/
เฉลยข้อสอบ PAT 2 ข้อ1. ก ข้อ 2. ค
แนวข้อสอบทั่วไป ข้อ1. ตอบ ค. แป้ง ไขมัน โปรตีน
ข้อ 2. ตอบ 3. ก,ง,ค
ข้อ 3.ตอบ ค.เอสเทอร์
ข้อ 4. ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2379