ถ้าเด็กกินอาหารที่อุดมด้วยผัก ผลไม้ จะทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งตอนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้
มีคำแนะนำจากองค์การวิจัยมะเร็งโลกว่า ถ้าเด็กกินอาหารที่อุดมด้วยผัก ผลไม้ และข้าวที่ไม่ได้สีขัดจนเกินไปให้มากขึ้น จะทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งตอนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้
( ที่มา https://www.thairath.co.th/content/life/82731 )
ภาพที่ 1 ผักผลไม้
(https://campus.sanook.com/u_life/knowledge_02642.php)
จากการที่พืช ผัก ผลไม้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ก็คือ วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน ซึ่งจากการวิจัยพบว่าเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจซึ่งเบต้าแคโรทีน จะมีมากในผลไม้ที่มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้สุก มะละกอสุก กล้วยไข่ พวกผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก เช่น ฝรั่งกลมสาลี่ มะขามป้อม และพวกมีวิตามินอีสูง เช่น ขนุน มะขามเทศ และผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ชนิดมากก็คือ มะเขือเทศราชินี ค่ะ
ภาพที่ 2 มะเขือเทศราชินี(มีสารเบ้ตา - เคโรทีนอยู่สูง)
(ที่มา https://gotoknow.org/file/bd2499/tomato.jpg)
** มาศึกษารายละเอียดของสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้ง 3 สารนี้กันนะคะ **
เนื้อหาเกี่ยวข้องกับ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ทุกระดับชั้น และผู้สนใจทั่วไป
เรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) คือสารที่มีสมบัติยับยั้งปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ มีทั้งที่เป็นสารจากธรรมชาติ (natural antioxidant) และสารสังเคราะห์ (synthetic antioxidant)และมีฤทธิ์ทำลายอนุมูลอิสระที่ร่างกายได้รับ ได้แก่ ควันบุหรี่ แอลกฮอลล์ รังสี UV เอ็กซเรย์ ให้กลายเป็นสารที่ไม่มีอันตรายต่อเซลล์
ร่างกาย สามารถป้องกันหรือซ่อมแซมความเสียหายของเซลล์ร่างกายจากออกซิเจนได้ สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) แคโรทีนอยด์
ภาพที่ 3 พืช ผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
(https://www.caswells-moms.com/e-shop/images/categories/FreshFruitVegetable.jpg)
สารอาหารต้านอนุมูลอิสระร่างกายมีระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินที่ร่างกายได้รับที่มีคุณสมบัติใน
การต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ แคโรทีนอยด์ (แหล่งกำเนิดของวิตามินเอ) วิตามินซี วิตามินอี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ซิลิเนียม และแมงกานีส โดยสารอาหารเหล่านี้จะทำหน้าที่ร่วมกับเอ็นไซม์ในร่างกายเพื่อป้องกันเซลล์ถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ
วิตามินซี
วิตามินซี ( vitamin C) หรือ กรดแอล-แอสคอร์บิก ( L-ascorbic acid) หรือ
แอล-แอสคอร์เบต ( L-ascorbate) เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถที่จะสร้างขึ้นเองได้
จึงจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานเข้าไป วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเพิ่มภูมิชีวิตได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถป้องกันและรักษาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้
ประโยชน์
1. เป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน ทั้งยังเป็นตัวสร้างกระดูก
ฟัน เหงือก และเส้นเลือด
2. ช่วยให้แผลสดและแผลไฟไหม้หายเร็วขึ้น
3. ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างเม็ดเลือดทางอ้อม
4. ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ (Mutation)
5. ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคนอนหลับตายในกรณีเด็กอ่อน (SIDS: Sudden Infant
Death Syndrome)
6. ช่วยแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน
7. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
8. ช่วยคลายเครียด
ภาพที่ 4 ผลไม้ที่มีวิตามินซี
(https://www.vcharkarn.com/uploads/162/162773.jpg)
การฉีดด้วยวิตามินซีปริมาณสูง อาจช่วยหยุดยั้งโรคมะเร็งได้ โดยวิตามินอาจเข้าทำปฏิกิริยาทางเคมีในเซลล์ มะเร็ง ให้กลายเป็นกรดขึ้น ทำให้เนื้อร้ายชะงักและน้ำหนักลดไปได้
วิตามินอี
วิตามินอี เป็นวิตามินที่ช่วยในการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายหลายระบบ และเป็นแอนติ -
ออกซิแดนท์ที่ช่วยให้เซลล์ต่างๆ รอดอันตรายจากท็อกซิน ช่วยชะลอความแก่ได้
ประโยชน์
1. เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญโดยมีออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญทำให้ร่างกาย
เผาผลาญได้ดี
2. เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ต้านการแข็งตัวของเลือด ลดความสามารถ
ในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจ
3. บำรุงตับซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมาก
4. ช่วยในระบบสืบพันธุ์ เซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ตามปกติ
5. ช่วยให้ผิวพรรณสดใส และช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกให้หายเร็วขึ้น
6. ช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้นและไม่อ่อนเพลียง่าย
ภาพที่ 5 วิตามินอี
(https://simplyway.files.wordpress.com/2009/09/vite.jpg)
เบต้า- แคโรทีน
บีตา-แคโรทีน เป็นสารตั้งต้นของ วิตามินเอ (โปรวิตามินเอ) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพ
และเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งนี้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนบีตา-แคโรทีนไปเป็นวิตามินเอได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย สำหรับขนาดรับประทานของวิตามินเอเพื่อรักษาสุขภาพโดยทั่วไปคือ 5,000 หน่วยสากล (IU) ซึ่งเทียบเท่ากับบีตา-แคโรทีน 3 มิลลิกรัม และสำหรับปริมาณที่สมเหตุสมผลของบีตา-แคโรทีนที่แนะนำให้รับประทานต่อวันเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงคือ 15 มิลลิกรัม ในขณะที่การรับประทานเพื่อหวังผลในรักษาจะต้องได้รับในปริมาณ
มากกว่านี้
ประโยชน์ของบีตา-แคโรทีน
1. ดูแลรักษาผิวพรรณอันเป็นส่วนของร่างกายที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทราบว่าอนุมูลอิสระมีผลต่อเราแล้วหรือยัง เช่น ผิวเริ่มเหี่ยวย่น ไม่ผ่องใส
2. ลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง อนุมูลอิสระมีผลเกี่ยวข้องกับมะเร็งเนื้อร้าย การลดปริมาณอนุมูลอิสระเท่ากับ
ลดความเสี่ยงของมะเร็ง ทั้งยังพบว่าบีตา-แคโรทีนให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายที่ชื่อ ที-เฮลเปอร์ให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็ง
3. บำรุงสุขภาพของดวงตา บีตา-แคโรทีนเมื่อโดนย่อยสลายที่ตับแล้วจะได้วิตามินเอ ซึ่งร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรดอปซินในดวงตาส่วนเรตินา ทำให้ตามีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ และยังลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกด้วย
4. ชะลอความแก่ บีตา-แคโรทีนให้ผลในการลดความเสื่อมของเซลล์จากอนุมุลอิสระ ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก
ที่ทำให้เกิดกระบวนการแก่
ภาพที่ 6 มะละกอสุก
(ที่มา https://thaigril.joomlathaihosting.0lx.net/main/images/stories/23.jpg)
** ดังนั้นจงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี มีภูมิคุ้มกัน และปลอดภัยจากโรคมะเร็ง ได้ด้วยค่ะ **
คำถาม VIP ชวนคิด
1. สารต้านอนุมูลอิสระคืออะไร
2. ยกตัวอย่างสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในผักและผลไม้
3. เบต้าแคโรทีน มีประโยชน์อย่างไร
4. ในผลไม้ชนิดใดมีวิตามินซีสูง
5. วิตามินอีมีฤทธิ์ต้านโรคมะเร็งได้อย่างไร
กิจกรรมเสนอแนะ
1.ให้นักเรียนเสนอวิธีการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็ง ทำได้อย่างไรบ้าง
2.ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายการเลือกใช้รับประทานผัก ผลไม้ประเภทใดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
การบูรณาการ
1. ให้นักเรียนสำรวจชนิดผัก และผลไม้ที่น่าจะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ด้วย
2. ให้นักเรียนเขียนเรียงความเรื่อง สารต้านอนุมูลอิสระ ในผักผลไม้
3. ให้นักเรียนเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ชุมชนบริโภคผักผลไม้ที่มีประโยชน์เพื่อสุขภาพชีวิตที่ดี
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
1. https://www.thairath.co.th/content/life/82731
2. https://campus.sanook.com/u_life/knowledge_02642.php
3. https://th.wikipedia.org/wiki/สารต้านอนุมูลอิสระ
4. https://th.wikipedia.org/wiki/บีตา-แคโรทีน
5. https://th.wikipedia.org/wiki/วิตามินซี
6. https://th.wikipedia.org/wiki/วิตามินอี
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2491