ดวงอาทิตย์ แหล่งพลังงานธรรมชาติที่ทำให้มวลมนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ได้ ภายใต้พลังงานที่สาดส่องมีทั้งคุณและโทษแอบแฝง
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 30 เมษายน 2553
www.khaosod.co.th/
ประเด็นจากข่าว
ยามเช้าเมื่อแสงอาทิตย์ส่องแสงมายังโลกรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงอ่อนๆจะสามารถเปลี่ยนสารสเตอรอยด์ใต้ผิวหนังให้กลายเป็นวิตามินดีได้ แต่หากปล่อยให้แสงแดดแรงกล้าแผดเผาเราอาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้ คนที่ชอบอาบแดด ทำกิจกรรมหรือทำงานกลางแจ้งรวมทั้งคนผิวขาว มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์
ช่วงชั้นที่ 4
เนื้อเรื่อง
ในหน้าร้อน ดวงอาทิตย์อยู่ใกล้โลกมากขึ้น นอกจากอากาศจะร้อนแล้ว รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดยังมีความเข้มข้นสูงขึ้น และส่งผลต่อผิวหนังของคนเรา คนที่รับแสงแดดแรงบ่อยๆ คนขาวที่มีเม็ดสีบนผิวหนังน้อย คนที่ได้รับสารก่อมะเร็ง คนเหล่านี้คนเหล่านี้มีความเสียงสูงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง คนที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ชอบอาบแดด มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง รวมทั้งคนผิวขาว ผิวไหม้แดดง่าย มีโอกาสเสี่ยงสูง เพราะมีเม็ดสีที่ผิวหนังน้อย ความสามารถในการป้องกันเซลล์ผิวหนังจากแสงอัลตราไวโอเลตจึงน้อยกว่าคนผิวคล้ำและยังมีปัจจัยอื่นประกอบที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งที่พึงระวัง เช่น การได้รับสารเคมีก่อมะเร็ง จำพวกสารหนูที่ปนอยู่ในน้ำ ยาหม้อ ยาไทย ยาจีน ยาลูกกลอน หรือการมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง
มะเร็งผิวหนังมีข้อเด่น ที่เรามองเห็นได้ ทำให้ตรวจพบความผิดปกติในระยะเริ่มแรกได้รวดเร็ว และยังติดตามการรักษาได้ง่าย โดยสังเกตอาการได้ด้วยตนเอง ถ้าไฝที่เป็นอยู่เดิมมีรูปร่างเปลี่ยนไป ขอบของไฝไม่เรียบ สีของไฝไม่สม่ำเสมอ ขนาดของไฝใหญ่กว่า 6 มิลลิเมตร หรือหากเป็นผื่น มีก้อนที่เกิดขึ้นใหม่และไม่หายใน 4-6 สัปดาห์ รวมทั้งแผลเรื้อรังไม่หายใน 4 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป
รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสียูวี (อังกฤษ: Ultraviolet) เป็นช่วงหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าแสงที่มองเห็น โดยปกติแล้วรังสีที่มาจากดวงอาทิตย์จะมีความถี่บางช่วงที่สายตาเราสามารถมองเห็นได้ และเรียกว่าแสงขาว ซึ่งถ้าเราใช้อุปกรณ์แยกแสงขาวออกเราก็จะสามารถมองเห็นได้เป็น 7 สี เรียกสเปคตรัมของแสง ทุกท่านจะสามารถมองเห็น 7 สีนี้ได้อย่างสวยงามในขณะเกิดรุ้งกินน้ำ แต่รังสีอัลตราไวโอเลต จะมาพร้อมแสงขาว และมีความถี่สูงกว่าแสงสีม่วง จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งในชื่อภาษาไทยว่า รังสีเหนือม่วง ว่ารังสีเหนือม่วง
รังสีอัลตราไวโอเลต จะมีอยู่ 3 ชนิด คือ
รังสี UV-C มีความเข้มสูงที่สุดของช่วง UV แต่ถูกดูดกลืนไว้เกือบหมด นับเป็นโชคดีของสิ่งมีชีวิต หาไม่แล้วอาจไม่มีสิ่งมีชีวิตเช่นเราๆ บนโลก
รังสี UV-B ถูกดูดกลืนโดยโอโซนส่วนใหญ่ โดยโอโซนซึ่งเป็นชั้นหนึ่งในบรรยากาศ ที่ธรรมชาติมีให้ไว้เพื่อช่วยป้องกันรังสี UV โดยเฉพาะทำให้รังนี้นี้ส่องถึงพื้นโลกบางส่วนเท่านั้น มีผลในการสร้างวิตามินดีในเวลาสั้นๆแต่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตมากที่สุด ทำให้ผิวหนังแดง ไหม้เกรียม มีการสะสมทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง โรคเกี่ยวกับตา และยับยั้งระบบภูมิคุ้มกันร่างกายในระยะยาว
รังสี UV-A ถูกดูดกลืนโดยโอโซนเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่ส่องถึงพื้นโลกได้ แต่มีอันตรายไม่มาก มีความจำเป็นต่อร่างกายในการสังเคราะห์วิตามินดี แต่หากมากเกินไปจะทำให้ผิวหนังหยาบกร้าน ยับยั้งภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้ผิวหนังแดง
เมื่อทราบเช่นนี้เราควรหาวิธีป้องกันควรเลี่ยงจากแสงแดดในทุกช่วงเวลา หรือควรมีเครื่องกำบัง เช่น ร่ม ทาครีมกันแดด และควรตรวจสอบ สังเกตความผิดปกติของร่างกายเสมอ มะเร็งทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นที่อวัยวะใด หากตรวจพบตั้งแต่แรกและกำจัดเซลล์ผิดปกติออกได้หมดก็หายขาดได้
แต่สำคัญที่สุดเราชาวโลกต้องช่วยกันรักษาโอโซนในบรรยากาศที่เปรียบเสมือนร่มคันมหึมาที่ป้องกันโลกจากรังสีUV ได้
ประเด็นคำถาม
1.นอกเหนือจาก แสงขาว และรังสี UV แล้ว ยังสีรังสีอื่นที่มาจากดวงอาทิตย์อีกหรือไม่
2.เราจะมีวิธีการป้องกันโอโซนในชั้นบรรยากาศที่กำลังลดลงเรื่อยๆได้อย่างไร
กิจกรรมเสนอแนะ
ให้ศึกษาประโยชน์ หรือโทษของรังสี UV ในด้านอื่นๆเพิ่มเติม
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่นๆ
การงานอาชีพและเทคโนโลยี ด้านการสืบค้น
อ้างอิง
ozone.tmd.go.th/uvbasic.htm
www.thaitravelhealth.com/blog/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%94/
ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2519