ศัลยกรรมเสริมจมูก


880 ผู้ชม


เป็น การตกแต่งโครงสร้างของจมูกให้ดูสูงขึ้น   
การเสริมจมูกเป็น การตกแต่งโครงสร้างของจมูกให้ดูสูงขึ้น ทำให้โครงสร้างจมูกมีรูปร่างที่สวยงามขึ้น การผ่าตัดเสริมจมูกมีทำกันมานานหลายสิบปีแล้ว คนที่มีโครงสร้างของจมูกแบนทั้งผู้ชายและหญิงสาวสามารถรับการผ่าตัดเสริม จมูกได้ ควรจะมีอายุอย่างน้อย 16 ปี ขึ้นไป คนส่วนใหญ่มักจะคาดหวังให้จมูกสวยเข้าที่อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น แต่ตามธรรมชาติของการยุบบวมและการเข้าที่ของระบบเนื้อเยื่อ หลอดเลือดและระบบน้ำเหลืองของเนื้อเยื่อที่ได้รับการผ่าตัด จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนหรือนานกว่านั้น การจะเห็นรูปทรงของจมูกเข้าที่สวยงามจึงควรจะอยู่ในระยะเวลาที่เกิน 6 เดือนไปแล้ว หรือในบางคนที่ได้รับการตกแต่งแก้ไขมากอาจจะเข้าที่ที่ประมาณ 1 ปี หากจำเป็นต้องมีการแก้ไขใหม่ ระยะเวลาที่เหมาะสม คือ พ้นจาก 6 เดือนไปแล้วในคนไข้ที่ผ่าตัดตกแต่งไม่มากนัก และพ้น 1 ปีไปแล้วในคนไข้ที่ผ่าตัดตกแต่งมามาก
การทำศัลยกรรมจมูก โดยทั่วๆไป สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ศัลยกรรมเสริมจมูก และศัลยกรรมลดดั้งจมูกศัลยกรรมเสริมจมูกเป็นการเสริมดั้งจมูกที่แบน ไม่ได้สัดส่วนให้มีความสวยงาม ซึ่งพบได้มากในคนแถบเอเชีย ส่วนศัลยกรรมลดดั้งจมูกเป็นการลดสัดส่วนดั้งจมูกให้มีความสวยงาม ทั้งในส่วนที่เป็นกระดูกและ กระดูกอ่อนที่โด่งมากเกินไป ซึ่งพบได้มากในคนแถบยุโรป อินเดีย และตะวันออกกลาง การผ่าตัดเสริมจมูกเริ่มต้นโดยลงใบมีดเปิดผิวหนังที่บริเวณภายในรูจมูก 
ตาม ด้วยการใช้เครื่องมือเปิดช่องเล็กๆบริเวณส่วนดั้งจมูกเพื่อรองรับซิลิโคน ระดับที่ใช้ในทางการแพทย์ โดยจะมีการปรับตกแต่งรูปทรงของซิลิโคนให้เหมาะสม และเป็นธรรมชาติกับรูปหน้าในแต่ละบุคคล จากนั้นจึงเย็บปิดบาดแผลที่ซ่อนอยู่ภายในรูจมูก การวางยาสลบอาจใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือวางยาสลบก็ได้ การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยที่บาดแผลซ่อนอยู่ภายในรูจมูก หลังผ่าตัดใบหน้าจะบวมประมาณ 3 วัน และจะยุบบวมเกือบหมดภายใน 7 - 10 วัน เหลือบริเวณดั้งจมูกจะบวมนานประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ หลังผ่าตัดให้นอนศีรษะสูง ประคบน้ำแข็ง 24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด อาจมีเลือดออกได้เล็กน้อย แต่ถ้าออกมากผิดปกติให้รีบติดต่อแพทย์
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ เสี่ยงต่อการกระแทกประมาณ 3 สัปดาห์ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ชกมวย ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่ การติดเชื้อ และเลือดออก

ศัลยกรรมเสริมจมูก

วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูก
วัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกมีหลายชนิด อาจจำแนกง่าย ๆ ได้ดังนี้

  1. จากร่างกายของผู้รับการผ่าตัด เช่น กระดูก กระดูกอ่อน วิธีนี้ส่วนใหญ่จะใช้เสริมจมูกคนไข้ที่มีจมูกผิดรูป เนื่องจากอุบัติเหตุหรือแก้ไขความพิการจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น เนื้องอก ความพิการแต่กำเนิด เป็นต้น และไม่เหมาะสำหรับการผ่าตัดเสริมจมูก เพื่อความงามสำหรับบุคคลทั่วๆ ไป
  2. วัสดุสังเคราะห์ เช่น ซิลิโคนแท่ง ชนิดที่ใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งจะมีปฏิกิริยาต่อร่างกายมนุษย์น้อยมาก ทำให้ร่างกายสามารถรับและห่อหุ้มแท่งซิลิโคนให้ยึดอยู่กับเนื้อเยื่อได้ดี นอกจากนี้ยังมีวัสดุอีกหลายชนิดที่มีการนำมาเสริมจมูก แต่ปัจจุบันนี้วัสดุทั้ง 2 อย่างนี้ยังเป็นที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

ศัลยกรรมเสริมจมูก

ซิลิโคนแท่ง

  1. ส่วนมากแพทย์จะเลือกใช้ซิลิโคนแท่งในการผ่าตัดเสริมจมูก ถ้าต้องการที่จะเสริมจมูกให้โด่งสวย ต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน และพึงทราบว่าการผ่าตัดเสริมจมูกนั้นมีความสำคัญมาก เพราะจมูกเป็นโครงสร้างที่อยู่บนส่วนกลางของใบหน้า ดังนั้นควรพิจารณาควบคู่ไปกับโครงสร้างอื่นๆ เช่น คิ้ว หน้าผาก ตา แก้ม และริมฝีปากด้วย ซึ่งโครงสร้างอื่นๆ จะมีส่วนในการกำหนดความสูง ความกว้างของตัวจมูกและปลายจมูกด้วย
  2. แพทย์จะสอบถามความต้องการของคุณ และตรวจสอบโครงสร้างของจมูก รวมถึงเนื้อเยื่อในโพรงจมูกด้านนอก และพิจารณาส่วนต่างๆ ในโครงหน้าประกอบด้วย ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะ เช่น โด่งเกินไป แหลมเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงได้ อาจแนะนำให้คุณลดขนาดลงมาแทน หรือดูให้เหมาะสมกับคุณเป็นคุณที่สวยไม่เหมือนใครก็ได้ ดังนั้นขั้นตอนนี้คุณจึงต้องแจ้งความประสงค์และพูดคุยทำความเข้าใจกับแพทย์ ให้ดี เพราะสวยของคุณกับสวยของแพทย์อาจไม่ตรงกันก็ได้
  3. แจ้งให้แพทย์ทราบว่า คุณเคยผ่าตัดอะไรเกี่ยวกับจมูกมาบ้างหรือไม่ มีโรคประจำตัวหรือไม่ หรือแพ้ยาอะไรบ้างหรือไม่
  4. การผ่าตัดเสริมจมูกเป็นการผ่าตัดที่ไม่ยุ่งยากนัก และใช้เวลาไม่นาน เพียงชั่วโมงเดียวก็เสร็จแล้ว สามารถรับการผ่าตัดได้เลย แพทย์ก็จะให้ยานอนหลับที่มีฤทธิ์สั้นๆ ทั้งนี้เพื่อให้คุณนอนหลับ ลดอาการวิตก และทำให้การฉีดยาชารอบจมูกสามารถกระทำได้ง่าย และไม่รู้สึกเจ็บด้วย
  5. หลังจากนั้นเมื่อมีการวัดจมูกเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนำแท่งซิลิโคน ซึ่งได้ตกแต่งและทำรูปร่างให้เรียบร้อยตามที่กำหนดไว้มาใส่ที่สันจมูก โดยแผลที่ผ่าตัดจะมีความยาวประมาณ 1 ซม. บริเวณขอบรูจมูก อาจจะเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ ตามแต่ความถนัดของแพทย์ จากนั้นจะมีการผ่าตัดสร้างช่องว่างที่สันจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูกจมูก ให้สามารถใส่แท่งซิลิโคนที่เตรียมไว้ได้
  6. เมื่อใส่แท่งซิลิโคนเข้าไป ก็ตรวจสอบความเรียบร้อย เย็บปิดแผลประมาณ 3 เข็ม ปิดพลาสเตอร์หรือเฝือกจมูก เพื่อช่วยป้องกันตัวจมูกและลดอาการบวมเป็นอันเรียบร้อย ทั้งนี้การใช้วัสดุเย็บแผลหรือชนิดพลาสเตอร์ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ แต่ละท่าน
  7. แพทย์จะให้คุณนอนพักประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีฤทธิ์ยานอนหลับตกค้างอยู่แล้ว ก็สามารถกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องพักค้างคืนที่โรงพยาบาล

จมูกคดเอียงเนื่องจากแท่งซิลิโคน
แพทย์ จะแก้ไขโดยเอาแท่งซิลิโคนเก่าออก และปรับช่องว่างใหม่ให้ตรงแนวกลางของจมูก แล้วใส่แท่งซิลิโคนใหม่ให้ หลังผ่าตัดแก้ไขจมูกคด ควรจะใส่เฝือกจมูกไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ จะได้ไม่คดเอียงอีก จมูกสูง หรือตำเกินไป ปัญหานี้แพทย์จะแก้ไขโดยการผ่าตัด เพื่อปรับแต่งแท่งซิลิโคนใหม่ ให้ได้รูปและขนาดตามที่ต้องการ บางรายพบว่าปลายจมูกบางแต่ยังไม่ทะลุ ปัญหานี้แก้ไขโดยใช้เนื้อเยื่อบริเวณหลังใบหูด้านใดด้านหนึ่ง หรืออาจจะมีส่วนกระดูกอ่อนของใบหู แล้วแต่กรณีมาเสริมบริเวณเนื้อเยื่อปลายจมูก เมื่อเนื้อเยื่อใหม่อยู่ตัวแล้ว ปลายจมูกจะมีผิวหนังที่แข็งแรงขึ้น ลำหรับแท่งซิลิโคนควรปรับเปลี่ยนใหม่ให้แรงกดไม่อยู่บริเวณปลายจมูกมากนัก

ในกรณีจมูกที่มีแท่งซิลิโคนทะลุ ต้องเอาแท่งซิลิโคนออก ปลายจมูกจะยุบตัวลงและมีรอยแผลเป็น

ศัลยกรรมเสริมจมูก

จมูกพบมีการอักเสบติดเชื้อ

มักจะพบในช่วง 1-2 อาทิตย์ หลังจากเสริมจมูก จมูกจะมีอาการปวดบวม แดง ร้อน กรณีนี้ต้องเอาแท่งซิลิโคนออกก่อน เมื่ออาการอักเสบหายหมดจึงจะใส่แท่งซิลิโคนใหม่ได้ โดยทั่วไป แล้ว การเสริมจมูกด้วยแท่งซิลิโคน เป็นวิธีที่ทำกันแพร่หลายและได้ผลดีมาก ที่สำคัญคืออย่าพยายามเสริมจมูกสูงหรือเลือกทรงจมูกที่ฝืนธรรมชาติมากเกินไป ก็จะได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ให้โดดเด่นสวยเก๋มีจมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้า
เสริมจมูกด้วยไขมันหน้าท้อง

  1. ด้วยวิธีนี้จมูกจะโด่งเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และหลังจากนำไขมันเข้าไปปลูกใหม่ที่จมูก เลือดบริเวณนั้นจะหล่อเลี้ยงไขมันจนสมานเป็นส่วนเดียวกัน ที่สำคัญใช้เวลาในการทำเพียงประมาณ 20 นาที วิธีการผ่าตัด แพทย์จะเจาะรูตรงสะดือประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วหยิบไขมันขึ้นมาชิ้นเล็กๆเท่าปลายนิ้วก้อย ใส่เติมเข้าไปในช่องจมูกที่เจาะรูขนาดประมาณ 1/2 เซนติเมตร ซ่อนไว้ด้านใน จากนั้นจึงเย็บปิดแผล
  2. อาจมีกรณีไขมันบางส่วนละลายไปบ้าง แต่พบน้อยราย โดยไขมันของแต่ละคนจะละลายมากน้อยต่างกัน ถ้าเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำไขมันจะแข็งแรงและอยู่ติดทน เช่นเดียวกับคนมีอายุมากก็เหมาะกับวิธีนี้เช่นกัน
  3. ข้อควรระวังคือเมื่อทำแล้วต้องรอประมาณ 3 เดือนกว่าจะอยู่ตัว ต้องรักษาความสะอาด อย่าใช้มือแคะ แกะ เกาในโพรงจมูก

ศัลยกรรมเสริมจมูกการผ่าตัดปีกจมูก

  1. การผ่าตัดปีกจมูก เป็นการตกแต่งบริเวณจมูกส่วนล่างให้มีความเหมาะสมกับบริเวณสันจมูกและจมูก ส่วนบน แก้ไขปีกจมูกที่ใหญ่ลดขนาดรูจมูกที่กว้าง และตัดปีกจมูกที่กางออก ปีกจมูกมีโครงสร้างที่สำคัญคือกระดูกอ่อน มีลักษณะคล้ายเป็นแกนในของปีกจมูก ทำให้มีรูปทรงอยู่ได้ ถ้ามีความผิดปกติกับกระดูกอ่อน จะทำให้ลักษณะปีกจมูกผิดรูปด้วย จึงต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดแก้ไขกระดูกอ่อน ปีกจมูกที่ใหญ่ รูจมูกที่กว้าง และปีกจมูกที่กางออกด้านข้างมากๆ สามารถผ่าตัดแก้ไขให้ดีขึ้นได้ แต่การลดขนาดปีกจมูก โดยมากมักจะแก้ไขเฉพาะส่วนปีกด้านข้าง ซึ่งมีผิวหนังและกล้ามเนื้อเท่านั้นไม่มีกระดูกอ่อนและแผลผ่าตัดทั้งหมดจะ ซ่อนบริเวณขอบของปีกจมูก ทำให้เห็นแผลเป็นได้ยากมาก การผ่าตัดตกแต่งปีกจมูกที่กว้างจะได้จมูกที่เรียวได้รูปทรงรับกับสันจมูก ลดรูจมูกที่ใหญ่ เพิ่มความลงตัวที่สวยงามให้กับใบหน้า เพียงการแก้ไขในจุดที่เล็กน้อยแต่ได้ประสิทธิผลที่ดี
  2. ขั้นตอนการผ่าตัด เริ่มจากทำความสะอาดบริเวณที่จะผ่าตัดและโพรงจมูก จากนั้นให้ยานอนหลับชนิดที่มีฤทธิ์สั้น เพื่อให้คลายความวิตกกังวลและเมื่อฉีดยาชาจะไม่รู้สึกเจ็บ ให้ยาชาเฉพาะที่บริเวณปีกจมูก ทำการผ่าตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินออก และจัดฐานปีกจมูกใหม่ ขั้นตอนนี้ศัลยแพทย์จะสามารถกำหนดความกว้างของรูจมูกได้ด้วย
    สุดท้ายเป็นการเย็บปิดแผล วัสดุที่ใช้เย็บแผลขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศัลยแพทย์
  3. ระยะเวลาในการผ่าตัดและการฟักฟื้น ขั้นตอนการผ่าตัดทั้งหมดศัลยแพทย์ใช้เวลาเพียง 30 นาที หลังการผ่าตัดนอนพักประมาณ 1 ชม. เพื่อประคบผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็ง และให้หมดฤทธิ์ยานอนหลับ แล้วก็สามารถกลับบ้านได้ ถ้ามีการตัดไหมศัลยแพทย์จะนัดมาตัดไหมอีกใน 5-7 วัน

วิธีการดูแลหลังการผ่าตัดปีกจมูก

  1. นอนศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม
  2. ประคบด้วยผ้าเย็นหรือถุงน้ำแข็งประมาณ 2-3 วัน
  3. พลาสเตอร์ที่ปิดแผลไว้ สามารถเอาออกได้ในวันที่ 3
  4. ใช้ไม้พันสำลีป้ายยาหรือขี้ผึ้งปฏิชีวนะทาแผลที่ผ่าตัด วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้แผลหายเร็วขึ้น และไม่ควรให้แผลถูกน้ำ
  5. ทานยาตามแพทย์สั่ง
  6. มาพบศัลยแพทย์ตามนัดเพื่อตัดไหม
  7. โดยทั่วไปจมูกจะยุบบวม และเข้าที่ประมาณ 1 เดือน ดังนั้นต้องระมัดระวังพอสมควร เรื่องการโดนกระแทก และควรอยู่ห่างเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงไว้ เพราะต้องรอเวลาเพื่อให้แท่งซิลิโคนถูกเนื้อจมูกห่อหุ้มให้แน่นมากๆ ก่อน (ประมาณ 1-3 เดือน) จึงจะสามารถทนแรงกระทบได้มาก จากนั้นสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ


ที่มา : นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ
ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ

 ที่มา : https://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=3568

อัพเดทล่าสุด