โคลนนิ่งในทัศนะอิสลาม


1,172 ผู้ชม

มีข่าวใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ ที่แพร่สะพัดกว้างขวางเป็นที่สนใจของทั่วโลกเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ ข่าวทำการโคลนนิ่ง (Clonning) สัตว์ หมายถึง การปลูกถ่ายพันธุกรรม โดยถ่ายยีนส์จากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปสู่อีกสิ่งมีชีวิต


     มีข่าวใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ ที่แพร่สะพัดกว้างขวางเป็นที่สนใจของทั่วโลกเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ ข่าวทำการโคลนนิ่ง (Clonning) สัตว์ หมายถึง การปลูกถ่ายพันธุกรรม โดยถ่ายยีนส์จากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปสู่อีกสิ่งมีชีวิต ระหว่างถ่ายยีนส์ต้นตอไปสู่เซลล์เจ้าบ้านจะมีพาหนะที่นำยีนส์ไป หลังจากนั้นเซลล์เจ้าบ้านจะสร้างชีวิตวัตถุที่เกิดจากการทำงานของยีนส์ต้นตอที่นำมาใส่ เป็นงานเทคโนโลยีทางชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับการตัดต่อยีนส์ หรือเรียกอีกแบบว่า เป็นงานทางพันธุวิศวกรรม สัตว์ที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกขณะนี้คือ การสร้างทางพันธุวิศวกรรมแก่แกะที่ตั้งชื่อว่า "ดอลลี่" อายุ 7 เดือน เป็นสัตว์ตัวแรกที่สร้างจากเซลล์ของสัตว์ที่โตแล้ว โดยนักชีววิทยาชื่อ "เอียน วิลมุท" ชาวสก๊อต วัย 52 ปี แกะที่สร้างขึ้นตามกรรมวิธีดังกล่าว เหมือนกับแกะต้นแบบทุกประการ ต่อมาสหรัฐอเมริกาได้ประกาศว่าได้ทำโคลนนิ่งลิงได้ 2 ตัว การถือกำเนิดของ "ดอลลี่" เริ่มจากนำนิวเคลียสซึ่งมี "ดีเอ็นเอ" จากเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณเต้านมของแม่แกะออกมา ขณะเดียวกันได้นำไข่ที่ยังไม่ผสมของแม่แกะอีกตัวหนึ่ง และใส่นิวเคลียสเข้าไปในไข่ดังกล่าว จากนั้นวิลมุทได้นำไข่ไปเลี้ยงในห้องทดลอง 6 วัน ปรากฏว่า ไข่ดังกล่าวเจริญพันธุ์ได้โดยมีดีเอ็นเอทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวอ่อน จากนั้นได้นำไข่ฟองนี้ไปปลูกไว้ในท้องของแกะอีกตัวหนึ่งเพื่อให้มันอุ้มท้อง จนกระทั่งคลอดออกมา

     การปลูกถ่ายพันธุวิศวกรรมดังที่เป็นข่าวนี้ แท้จริงเป็นความซุกซนของนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการเอาชนะครรลองธรรมชาติ หรือเอาชนะอัลเลาะฮ์ตาอาลา มาจากแก่นแท้แห่งจิตอันดื้อดึงต่อพระองค์ แม้จะประสบความสำเร็จในการปลูกถ่าย แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ทำอะไรเลยสักชิ้น ทุกอย่างอัลเลาะฮ์ได้สร้างไว้ก่อนแล้ว และดำเนินไปตามครรลองที่อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงกำหนดไว้แต่เดิม เนื้อเยื่อก็เจริญพันธุ์ไปตามกำหนดของพระองค์ทุกประการ นักวิทยาศาสตร์เพียงแต่ทดลอง เพียงแต่ค้นพบ การทดลองก็คือ การนำสิ่งที่อัลเลาะฮ์ตาอาลา สร้างไว้มาทดลอง การค้นพบก็คือ ค้นพบสิ่งที่อัลเลาะฮ์ตาอาลา สร้าง นักวิทยาศาสตร์มีเพียงสมอง ซึ่งอัลเลาะฮ์ตาอาลา ก็สร้างให้ และใช้มันสมองที่อัลเลาะฮ์สร้างนั้นแหล่ะมาคิดค้น จนสามารถผลิตอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกสารพัดชนิด

    การทดลองครั้งนี้สำหรับผู้ศรัทธาในอัลเลาะฮ์ตาอาลา เท่ากับพิสูจน์ความมหัศจรรย์แห่งการสร้างของพระองค์อัลเลาะฮ์ ตาอาลา พระองค์ทรงประณีตยิ่งนัก ส่วนประกอบอันสลับซับซ้อนของวัตถุและสัตว์ทั้งหลายที่พระองค์ทรงสร้างไว้นั้น กว่านักวิทยาศาสตร์จะค้นพบก็เป็นเวลาผ่านไปยาวนานสุดจะนับได้ ไม่เพียงแต่อาณาจักรแห่งโลกมนุษย์ ในอาณาจักรแห่งสุริยจักรวาล อาณาจักรแห่งสรรพสัตว์ อาณาจักรแห่งพรรณพืช อาณาจักรแห่งความคิด ล้วนเป็นความสลับซับซ้อนที่มนุษย์ยังเข้าไปไม่ถึงอีกมากมายมหาศาล ที่มนุษย์รู้มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังกุรอานบัญญัติ มีใจความว่า " และพวกท่านไม่ได้รับความรู้ ยกเว้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น " (อิสรอ 85 )

    ก่อนหน้าที่มนุษย์จะค้นพบวิธีการปลูกถ่ายทางพันธุวิศวกรรมในสัตว์ มนุษย์ได้ปลูกถ่ายในพืชมาก่อนแล้ว เช่น การเพาะกิ่ง และการทาบกิ่ง แทนวิธีการดั้งเดิมในการเพาะปลูก ที่ต้องอาศัยหน่อที่งอกออกมาจากต้นเดิม หรือจากเมล็ดของมัน โดยการผสมพันธุ์ทางเกสร มีแมลงเป็นผู้นำพา ความสำเร็จดังกล่าวเป็นบทพิสูจน์ในอำนาจอันยิ่งใหญ่ของอัลเลาะฮ์ตาอาลาทั้งสิ้น ทุกสิ่งในทางวิศวกรรมนั้น ล้วนอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดไว้ทั้งสิ้น มีความเป็นไปได้สำหรับการคิดค้นของมนุษย์ที่มีความรู้ โดยคิดไปจากต้นแบบที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างไว้แต่เดิม มนุษย์จะพยายามสร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้ ต้องใช้แบบดั้งเดิมที่อัลเลาะฮ์สร้างไว้ ดังกุรอานบัญญัติ มีใจความว่า … " บรรดาต้นแบบเหล่านั้น เราได้ยกมาเป็นอุทาหรณ์สำหรับมนุษย์ และบรรดาผู้รู้เท่านั้นที่สามารถจะใช้ปัญญาคิดต่อไปได้ " (อัลอังกะบูต 43) แม้ผู้รู้จะใช้ปัญญาคิดค้นต่อไป และสามารถประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ได้ แต่เป็นการประดิษฐ์ภายใต้หลักแห่งการแปรสภาพตามกฎเกณฑ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดไว้ ภายใต้ "ฮุก่มอาดี" แต่ไม่สามารถสร้างปัจจัยการผลิตพื้นฐานใหม่ได้เลย ทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามครรลองดั้งเดิมที่อัลเลาะฮ์ทรงกำหนดไว้ทั้งสิ้น ดังกุรอานบัญญัติ มีใจความว่า … " ครรลองของอัลเลาะฮ์ที่ผ่านมาแต่ดั้งเดิม และท่านจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ สำหรับครรลองของอัลเลาะฮ์ " (อัลฟัตห์ 23) อย่าได้คิดว่านักวิทยาศาสตร์ชนะอัลเลาะฮ์แล้ว ในอดีตมีพวกทรยศที่อ้างตัวเองเป็นพระเจ้า หรือท้าทายอำนาจของพระองค์ แต่เขาก็ต้องพ่ายแพ้อำนาจของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นนัมรู๊ดในสมัยของท่านนบีอิบรอฮีม หรือฟิรอูนในสมัยท่านนบีมูซา ผู้ท้าทายอำนาจแห่งอัลเลาะฮ์นั้น ไม่มีใครเลยสักคนที่สร้างสิ่งใด ๆ ได้ อย่าว่าแต่ลิงหรือแกะที่ทำโคลนนิ่งขึ้นมาตามข่าว แม้กระทั่งแมลงวันสักตัว ก็ยังสร้างขึ้นไม่ได้ ดังกุรอานได้ยกอุทาหรณ์ไว้มีใจความว่า … " แท้จริงบรรดาผู้นับถือสิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะฮ์ จะไม่สามารถสร้างแมลงวัน และแม้พวกเขาจะรวมกันสร้างก็ตาม และแม้แมลงวันจะคุกคามพวกเขาสักนิดเดียว พวกเขาก็ปัดป้องให้พ้นไปไม่ได้ ทั้งผู้แสวงหา และผู้ถูกแสวงหาล้วนอ่อนแอ … พวกเขาไม่อาจล่วงรู้อัลเลาะฮ์ได้อย่างแท้จริง เพราะอัลเลาะฮ์ทรงพลานุภาพ อีกทั้งทรงอำนาจ " (หัจญ์ 73-74) กระบวนการทางวิทยาศาสตร์นั้น เรามักจะหลงตกเป็นเหยื่อโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราแยกแยะไม่ออก ระหว่างกระบวนการวิทยาศาสตร์กับอำนาจของอัลเลาะฮ์ตาอาลา บางคนปฏิเสธอำนาจอัลเลาะฮ์ โดยเข้าใจว่า วิทยาศาสตร์มีอำนาจเหนือพระองค์ กุรอานได้บัญญัติไว้แล้วว่า ไม่มีใครมีอำนาจเหนืออัลเลาะฮ์ และกล่าวมาแล้วว่า นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เคยสร้างอะไรเลย นอกจากการแปรสภาพหรือการแปรรูป จากสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างทั้งสิ้น และวิธีการใด ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์

    ตัวอย่างที่เราเห็นชัดคือ เราประดิษฐ์เครื่องยนต์กลไกต่าง ๆ ขึ้นมาใช้แทนแรงงาน ช่วยให้เราประสบความสำเร็จด้านต่าง ๆ มากมาย และเราได้รับความสะดวกสบายนานัปการ ยกระดับคุณภาพชีวิตด้านกายภาพของเรา แต่ในขณะเดียวกัน ทำให้ระบบความสัมพันธ์ ระหว่างสรรพสิ่งต่าง ๆ แปรเปลี่ยนไปจากเดิม สิ่งแวดล้อมได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และทรัพยากร ธรรมชาติถูกทำลาย แท้จริงแล้ว สรรพสิ่งทั้งหลายถูกสร้างขึ้นอย่างมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ภายใต้ระบบอาดี และระบบนิเวศน์เดียวกัน ทุกสิ่งจะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กที่สุดไปจนถึงสิ่งใหญ่ที่สุด หากมีการกระทำใด ๆ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ดังกล่าวสูญเสีย ความหายนะก็จะเกิดขึ้นกับทุกสิ่ง เราทุกคนจะต้องพยายามรักษาครรลองดั้งเดิมที่อัลเลาะฮ์กำหนดไว้ แม้เราจำเป็นต้องประดิษฐ์หรือแปรรูป แปรสภาพสรรพสิ่งใด ๆ เพื่อประโยชน์ในด้านความเป็นอยู่ของเรา แต่ก็จะต้องพยายามระวังรักษา อย่าให้กระทบกระเทือนระบบนิเวศน์และระบบอาดีที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างและกำหนดไว้

     เราอาจจำเป็นต้องตัดไม้เพื่อนำมาทำที่อยู่อาศัย แต่เราจะต้องปลูกต้นไม้ชดเชย เราอาจต้องเปลี่ยนพื้นที่บางส่วนของป่ามาเป็นเมือง แต่เราจะต้องปลูกป่าชดเชยในพื้นที่อื่น อย่างนี้เป็นการพยายามรักษาระบบที่อัลเลาะฮ์สร้างขึ้นให้ยั่งยืนตลอดไป ความสูญเสียในระบบและครรลองต่าง ๆ ที่เรากำลังประสบ เป็นความสูญเสียที่มนุษย์สร้างขึ้นทั้งนั้น ไม่ต้องโทษใครทั้งสิ้น อัลกุรอานบัญญัติมีใจความว่า … " ความสูญเสียได้ปรากฏขึ้นบนบกและในทะเล ด้วยฝีมือของมนุษย์ทั้งสิ้น " ( อัรรูม 41 ) จะโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง ดังอัลเลาะฮ์ตาอาลา ได้นำคำพูดบางประโยคของไซตอนมาอ้างอิงไว้ในกุรอาน มีใจความว่า … " และไซตอนได้กล่าวเมื่องานได้เสร็จสิ้นแล้วว่า แท้จริงอัลเลาะฮ์ได้สัญญาแก่พวกท่านโดยสัจจะ และฉันก็สัญญากับพวกท่าน แต่แล้วฉันก็ละเมิดสัญญาพวกท่าน และฉันไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือพวกท่านเลย นอกจากฉันเพียงเรียกร้องพวกท่าน แล้วพวกท่านก็สนองตอบฉัน ดังนั้นท่านทั้งหลายอย่าได้ตำหนิฉันเลย ท่านทั้งหลายจงตำหนิตัวเองเถิด.." (อิบรอฮีม 22) เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้พยายามที่จะละเมิดครรลองที่อัลเลาะฮ์ทรงกำหนด จนถึงขั้นท้าทาย แน่นอนจะเกิดความสูญเสีย ดั่งเช่นกรณีการทำโคลนนิ่ง ถ้านักวิทยาศาสตร์ได้กระทำกับมนุษย์ โดยก๊อปปี้มนุษย์ไม่ผ่านขั้นตอนตามครรลองของอัลเลาะฮ์ ปัญหาสารพัดปัญหาจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

     มนุษย์ที่ถูกก๊อปปี้ด้วยกระบวนการโคลนนิ่ง จะมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกัน ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ เพียงเท่านี้ระบบสังคมของมนุษย์ก็พังทลายแล้ว ศีลธรรม และศาสนธรรม จะเสื่อมลงทันที ความสัมพันธ์ตามระบบครอบครัวจะหมดไปจากโลกนี้ มนุษย์จะมุ่งแข่งขันกันอย่างรุนแรง ความทารุณโหดร้ายจะเพิ่มพูนขึ้น แล้วมนุษย์จะประหัตประหารกันเอง เมื่อข่าวโคลนนิ่งกระจายไปทั่วโลก ประชาชนในหลายประเทศเรียกร้องให้รัฐบาลของเขาออกกฎหมายห้ามโคลนนิ่งมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด และขอเรียกร้องให้รัฐบาลแห่งประเทศไทยของเรา รีบออกกฎหมายห้ามทำโคลนนิ่งมนุษย์โดยด่วนที่สุด เพื่อป้องกันภยันตรายอันจะอุบัติแก่มนุษย์และโลก หรืออย่างน้อยช่วยดึงความหายนะของมนุษย์และโลกให้ช้าลง ..


 

อัพเดทล่าสุด