มหัศจรรย์แห่งอัลกุรอาน : น้ำนมแม่.


919 ผู้ชม

เมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้ว อัลลอฮฺได้ประทานคัมภีร์กุรอานมายังมนุษยชาติผ่านทางท่านนบีมุฮัมมัดเพื่อเป็นทางนำในการดำเนินชีวิต พระองค์ได้เรียกร้องมนุษย์ให้ไปสู่สัจธรรมโดยการปฏิบัติตามคัมภีร์เล่มนี้โดยได้ตรัสไว้ว่า


มหัศจรรย์แห่งอัลกุรอาน : น้ำนมแม่.


เมื่อประมาณ 1,400 ปีที่แล้ว อัลลอฮฺได้ประทานคัมภีร์กุรอานมายังมนุษยชาติผ่านทางท่านนบีมุฮัมมัดเพื่อเป็นทางนำในการดำเนินชีวิต พระองค์ได้เรียกร้องมนุษย์ให้ไปสู่สัจธรรมโดยการปฏิบัติตามคัมภีร์เล่มนี้โดยได้ตรัสไว้ว่า : โอ้ มนุษย์เอ๋ย ได้มีคำตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้ามายังเจ้าแล้วและนี่เป็นสิ่งเยียวยาสำหรับโรคในหัวใจและเป็นทางนำและความเมตตาสำหรับผู้ศรัทธา (กุรอาน 10:57)

ดังนั้น นับตั้งแต่วันที่คัมภีร์กุรอานได้ถูกประทานมาจนถึงวันแห่งการตัดสิน คัมภีร์กุรอานจะยังคงเป็นทางนำเพียงทางเดียวสำหรับมนุษยชาติที่จะกลับไปพบพระองค์ คัมภีร์กุรอานใช้ภาษาที่ชัดเจนและผู้คนทุกวัยที่มีชีวิตตั้งแต่สมัยแห่งการประทานกุรอานก็มหัศจรรย์แห่งอัลกุรอาน : น้ำนมแม่.สามารถเข้าใจได้โดยง่าย อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอานว่า เราได้ทำให้กุรอานนี้ง่ายที่จะจดจำ (กุรอาน 54:22) ลีลาที่ไม่อาจมีวรรณกรรมใดมาเปรียบเทียบได้ของคัมภีร์กุรอานและวิทยปัญญาอันล้ำลึกที่มีอยู่ในนั้นเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าคัมภีร์กุรอานเป็นวจนะของอัลลอฮฺ

นอกจากนี้แล้ว คัมภีร์กุรอานยังมีลักษณะอันมหัศจรรย์หลายอย่างที่พิสูจน์ว่ามันได้ถูกประทานมาจากอัลลอฮฺ หนึ่งในบรรดาลักษณะเหล่านั้นก็คือความจริงทางวิทยาศาสตร์หลายอย่างที่เราเพิ่งจะค้นพบโดยเทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 20 นี้ได้ถูกคัมภีร์กุรอานกล่าวไว้แล้วเมื่อ 1,400 ปีก่อน

แน่นอน คัมภีร์กุรอานไม่ใช่หนังสือวิทยาศาสตร์ แต่ความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในศตวรรษนี้ก็แสดงให้เห็นว่ามันสอดคล้องต้องกันกับสิ่งที่คัมภีร์กุรอานได้กล่าวไว้ ในยุคของการประทานคัมภีร์กุรอาน ความจริงเหล่านี้ยังไม่เป็นที่รู้กันและนี่ยิ่งเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดยิ่งขึ้นว่าคัมภีร์กุรอานเป็นวจนะของอัลลอฮฺ หนึ่งในบรรดาสิ่งมหัศจรรย์ที่ถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอานก็คือการสร้างน้ำนมมารดา น้ำนมมารดาเป็นส่วนผสมของอาหารที่อัลลอฮฺทรงสร้างมาโดยไม่สามารถที่จะมีอะไรมาเปรียบเทียบได้ น้ำนมมารดาไม่เพียงแต่จะตอบสนองความต้องการทางด้านโภชนาการของทารกเท่านั้นแต่ยังคุ้มครองทารกจากการติดโรคด้วย ความสมดุลของสารอาหารในน้ำนมมารดาอยู่ในระดับสูงและในรูปแบบที่ดีที่สุดสำหรับระบบร่างกายของทารกที่กำลังเจริญเติบโต ในขณะเดียวกันน้ำนมมารดาก็อุดมไปด้วยสารอาหารที่ส่งเสริมการเติบโตของสมองและการพัฒนาของระบบประสาท อาหารเด็กที่ผลิตโดยเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นไม่สามารถที่จะมาเทียบได้กับอาหารอันมหัศจรรย์นี้ ยิ่งนับวันก็ยิ่งมีการเปิดเผยให้เห็นถึงประโยชน์และคุณค่าของน้ำนมมารดาที่มีต่อทารกมากขึ้น การศึกษาค้นคว้าได้ทำให้เราทราบว่าทารกที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยน้ำนมมารดานั้นมีภูมิป้องกันการติดโรคทางเดินหายใจและการย่อยอาหารที่ดีกว่า นั่นเป็นเพราะว่าภูมิคุ้มกันร่างกายในน้ำนมมารดานั้นมีภูมิป้องกันการติดโรคโดยตรง คุณสมบัติป้องกันการติดโรคอย่างอื่นๆของน้ำนมมารดาก็คือมันได้สร้างสภาพแวดล้อมไว้สำหรับ “แบคทีเรียที่ดี” ซึ่งเรียกกันว่า “นอร์มัลฟลอรา” (Normal Flora) นอกจากนั้นแล้ว ผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ยังได้ยืนยันว่าสารอาหารในน้ำนมมารดาจะช่วยจัดระบบต้านทานโรคและทำให้ระบบนี้ต้านทานโรคติดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า

เนื่องจากน้ำนมมารดาได้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับทารกเป็นการเฉพาะ ดังนั้น มันจึงเป็นอาหารที่ย่อยง่ายที่สุดที่ทารกสามารถกินได้ นอกจากจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ระบบอันอ่อนไหวของทารกยังสามารถย่อยได้ง่ายด้วย ดังนั้นทารกจึงใช้พลังงานน้อยลงในการย่อยและทำให้มีพลังงานเหลือไว้สำหรับกิจกรรมอื่นๆของร่างกาย เช่น การเติบโตและการพัฒนาของอวัยวะร่างกาย

ในน้ำนมของมารดาที่มีทารกคลอดก่อนกำหนดมาแล้วนั้นจะมีไขมัน โปรตีน โซเดียมคลอไรด์และธาตุเหล็กมากกว่า ได้มีการพิสูจน์มาแล้วว่าทารกที่คลอดก่อนกำหนดและได้ดื่มนมแม่นั้นมีสติปัญญาที่ดีกว่าและการทำงานทางด้านสายตามีพัฒนาการที่ดีกว่า

ความจริงอีกอย่างหนึ่งซึ่งวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบเกี่ยวกับนมมารดาก็คือ การให้ทารกดื่มนมมารดาหลังจากคลอดเป็นเวลาสองปีนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก อัลลอฮฺได้ประทานความรู้ที่สำคัญในเรื่องนี้ไว้แก่เราเมื่อ 14 ศตวรรษที่แล้วและวิทยาศาสตร์เพิ่งจะมาค้นพบเมื่อเร็ว คัมภีร์กุรอานได้กล่าวว่า : “และเราได้กำชับมนุษย์ให้ทำดีต่อบิดามารดาของเขา แม่ของเขาได้อุ้มครรภ์เขาด้วยความอ่อนเพลียครั้งแล้วครั้งเล่าและการหย่านมของเขาในระยะเวลาสองปี ดังนั้น มนุษย์เอ๋ย จงขอบคุณฉันและบิดามารดาของเจ้า ยังเรานั้นที่สูเจ้าจะกลับไป” (กุรอาน 31:14) เท่าที่เราได้เห็นมาทั้งหมดนั้นเป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าคัมภีร์กุรอานคือวจนะของอัลลอฮฺผู้ทรงเริ่มต้นทุกสิ่งและทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

ในอีกตอนหนึ่งของคัมภีร์กุรอาน อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า : “พวกเขาไม่พิจารณาดูอัลกุรอานบ้างหรือหากว่าอัลกุรอานมาจากผู้ที่ไม่ใช่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอนพวกเขาก็จะพบว่าในนั้นมีความขัดแย้งกันมากมาย” (กุร อาน 4:82)

ในคัมภีร์กุรอานไม่เพียงแต่ไม่มีความขัดแย้งกันเท่านั้น แต่ข้อมูลความรู้ทุกอย่างที่มีอยู่ในนั้นยังได้เปิดเผยให้เราเห็นถึงความมหัศจรรย์ของคัมภีร์กุรอานมากยิ่งขึ้นทุกวันด้วย ดังนั้น หน้าที่ของมนุษย์ก็คือการยึดมั่นในคัมภีร์กุรอานเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ในอีกอายะฮฺหนึ่ง อัลลอฮฺได้ทรงกล่าวว่า “และกุรอานนี้มิใช่สิ่งที่ผู้ใดจะเรียบเรียงขึ้นมาได้หากมิใช่อัลลอฮฺแต่เป็นสิ่งยืนยันคัมภีร์ที่ได้ถูกประทานมาก่อนหน้านี้และเป็นการอธิบายรายละเอียดของคัมภีร์ ไม่มีข้อสงสัยอันใดเลยในเรื่องนี้ว่ามันมาจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก พวกเขากล่าวว่านบีเรียบเรียงมันขึ้นมาเองกระนั้นหรือ ? จงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘ถ้าหากสิ่งที่พวกท่านพูดเป็นเรื่องจริงแล้วก็ขอให้พวกท่านนำมาสักซูเราะฮฺหนึ่งที่เหมือนกันนี้และพวกท่านจะเรียกใครมาช่วยก็ได้ตามที่พวกท่านสามารถนอกไปจากอัลลอฮฺ’” (กุรอาน 10:37-38)
  โดย ฮารูน ยะฮฺยา อ.บรรจง บินกาซัน แปล ที่มา Thaimuslimshop.com

อัพเดทล่าสุด