การแจ้งเกิดบุตร คุณแม่ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพครรภ์ รวมถึงการดูแลสุขภาพหลังคลอดและการดูแลเจ้าตัวน้อยกันไปแล้วนะคะ จากหลากหลายบทความของเพจทีมคนท้อง...
การแจ้งเกิดบุตร คุณแม่ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพครรภ์ รวมถึงการดูแลสุขภาพหลังคลอดและการดูแลเจ้าตัวน้อยกันไปแล้วนะคะ จากหลากหลายบทความของเพจทีมคนท้อง
ซึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่เป็นกระบวนการทางกฎหมายที่แม่ท้องทุกคนควรทราบและศึกษาไว้เพราะได้ใช้แน่ ๆ ค่ะ นั่นคือ การแจ้งเกิด
การแจ้งเกิดบุตร เรื่องนี้ต้องรู้
การเกิด ในทางกฎหมาย คือ เป็นจุดเริ่มต้นของสภาพบุคคล และเป็นจุดเริ่มต้นที่กฎหมายเข้ามามีบทบาท เมื่อมีเด็กเกิดในครอบครัว กฎหมายได้กำหนดหน้าที่ที่จะต้องแจ้งการเกิดดังต่อไปนี้
1.กรณีเด็กเกิดในบ้าน
ในกรณีนี้ หมายถึง คุณแม่คลอดลูกในบ้านของตนเอง การแจ้งเกิดมีวิธีการ ดังนี้
ผู้ที่มีหน้าที่แจ้งเกิด
คือ “เจ้าบ้าน” หรือตามกฎหมายก็คือ หัวหน้าครอบครัว หรือผู้ที่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าบ้านกรณีเช่าบ้าน หากคุณแม่อยู่ในฐานะผู้เช่าหรือผู้อยู่ในฐานะอื่นๆ อย่างเช่น กรณีที่เจ้าของบ้านยกบ้านให้อยู่ฟรีๆ ผู้ที่ได้รับการยกให้อยู่ก็เป็นเจ้าบ้านได้เหมือนกันนอกจากเจ้าบ้านแล้ว พ่อหรือแม่ของเด็กเป็นผู้มีหน้าที่แจ้งเช่นเดียวกันระยะเวลาในการแจ้งเกิด
ระยะเวลาการแจ้งเกิด
ต้องแจ้งเกิดต่อนายทะเบียนที่เด็กเกิดภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เกิด
ตัวอย่าง
เด็กเกิดวันที่ 13 เมษายน 2559 จะต้องแจ้งภายใน 15 วัน คืออย่างช้าภายในวันที่ 28 เมษายน 2559 เป็นต้น
2.เด็กเกิดนอกบ้าน
เด็กเกิดนอกบ้าน หมายถึง เด็กที่เกิดที่ใด ๆ ก็ตามที่ไม่ใช่บ้านของตนเอง เช่น เกิดที่บ้านญาติ กรณีที่เด็กเกิดนอกบ้าน มีวิธีการปฏิบัติในการแจ้งเกิด ดังนี้
การแจ้งเกิด
ผู้ที่มีหน้าที่แจ้งการเกิด คือ พ่อหรือแม่ของเด็ก โดยต้องแจ้งแก่นายทะเบียนท้องที่ที่คนเกิดนอกบ้าน หรือท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้นับแต่วันที่เกิด
ระยะเวลาในการแจ้งเกิด
พ่อหรือแม่จะต้องแจ้งภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เกิด แต่หากไม่สามารถแจ้งแก่นายทะเบียนในท้องที่ที่เด็กเกิดได้ ภายใน 15 วัน หรืออย่างช้าที่สุดภายใน 30 วัน
3.เด็กเกิดที่โรงพยาบาล
กรณีเด็กทารกเกิดที่โรงพยาบาล มีหลักการปฏิบัติในการแจ้งเกิด ดังนี้
การแจ้งเกิด
โรงพยาบาลจะออกใบรับรองการเกิดให้บิดาหรือมารดา ซึ่งถือเป็นบริการของโรงพยาบาล เพื่อนำไปแจ้งการเกิดที่สำนักงานทะเบียนท้องถิ่นที่โรงพยาบาลนั้นตั้งอยู่
ระยะเวลาในการแจ้งเกิด
จะต้องแจ้งเกิดต่อนายทะเบียนท้องที่ที่เด็กเกิดภายใน 15 วัน นับตั้งแต่เด็กเกิด
4.เด็กเกิดใหม่ซึ่งถูกทิ้งไว้
ปัจจุบันนี้มีข่าวการทอดทิ้งเด็กทารกเกิดใหม่มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง หากพบเห็นเด็กทารกแรกเกิดถูกทอดทิ้ง มีหลักการแจ้งเกิด ดังนี้
การแจ้งเกิด
สิ่งสำคัญต้องรีบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรืเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์ในท้องที่ที่พบเด็กทารกแรกเกิดถูกทอดทิ้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแจ้งเกิดต่อนายทะเบียน
ระยะเวลาในการแจ้งเกิด
จะต้องแจ้งเกิดต่อนายทะเบียนท้องที่โดยเร็วเมื่อพบเด็กเกิดใหม่ซึ่งถูกทิ้งไว้
หลักฐานการเกิด
1.เมื่อดำเนินการแจ้งเกิดแล้ว นายทะเบียนจะออกใบแจ้งเกิดหรือสูติบัตรไว้เป็นหลักฐาน
2.สูติบัตรจะแสดงสัญชาติ วัน เดือน ปีเกิด ชื่อบิดา มารดา และควรแจ้งชื่อเด็กด้วย
3.หากมีความประสงค์จะเปลี่ยนชื่อสามารถแจ้งเปลี่ยนชื่อได้ภายใน 6 เดือน
4.หากไม่แจ้งเกิดตามกำหนดหรือฝ่าฝืนไม่ทำตามหน้าที่ มีความผิด มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
สถานที่แจ้งเกิดต่อนายทะเบียนท้องที่
– แจ้งเกิดในเขตเทศบาล ให้แจ้งที่สำนักทะเบียน ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานเขตเทศบาลนั้น
– แจ้งเกิดนอกเขตเทศบาล ให้แจ้งที่สำนักทะเบียนตำบล(ที่ว่าการอำเภอหรือที่สำนักทะเบียนผู้ว่าราชการจังหวัด เช่น เขตกรมทหาร เป็นต้น
– แจ้งเกิดในเขตกรุงเทพมหานคร ให้แจ้งที่สำนักทะเบียนท้องถิ่น ตั้งอยู่ที่สำนักงานเขต
– แจ้งเกิดในต่างประเทศ ถ้าต้องการให้บุตรมีสัญชาติไทยต้องไปแจ้งต่อสถานกงสุลไทยหรือสถานทูตไทย ณ ประเทศนั้นๆ เนื่องจากสถานกงสุลไทยหรือสถานทูตไทยเป็นสำนักทะเบียนในต่างประเทศ
หลักฐานที่ต้องนำไปแจ้ง
1.กรณีเกิดในบ้าน
– บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้านและของบิดามารดา
– สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
2.กรณีเกิดนอกบ้าน
– บัตรประจำตัวประชาชนของมารดาเด็ก
– สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
– บัตรประจำตัวผู้ที่ได้รับมอบหมาย(กรณีมารดาของเด็กไม่ได้ไปแจ้งเกิดด้วยตนเอง)
3.กรณีเกิดที่โรงพยาบาล
– บัตรประจำตัวประชาชนของบิดามารดาเด็กและผู้แจ้ง(กรณีบิดามารดาไม่สามารถไปแจ้งได้ด้วยตนเอง)
– สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่จะนำเด็กเข้า
– หนังสือรับรองการเกิดของผู้รักษาพยาบาลโดยอาชีพ
– อายุ สัญชาติ
ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนการแจ้งเกิดที่คุณพ่อคุณแม่ต้องศึกษาไว้นะคะ เพราะได้ใช้แน่นอนค่ะ
ที่มา www.konthong.com