คนอุยกูร์เกลียดจีน เพราะในอดีต ขุนนางจีนที่ทำความผิดและเป็นคนชั่วมั่วโฉด มักถูกลงโทษด้วยการส่งไปปกครองดินแดนแสนไกลซินเจียง ขุนนางพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้จักวัฒนธรรมประเพณีและสิ่งที่ปฏิบัติในศาสนาอิสลาม มาปกครองก็สร้างความเดือดร้อนให้กับมุสลิม
ทำไมคนอุยกูร์เกลียดจีน
คนอุยกูร์เกลียดจีน เพราะในอดีต ขุนนางจีนที่ทำความผิดและเป็นคนชั่วมั่วโฉด มักถูกลงโทษด้วยการส่งไปปกครองดินแดนแสนไกลซินเจียง ขุนนางพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้จักวัฒนธรรมประเพณีและสิ่งที่ปฏิบัติในศาสนาอิสลาม มาปกครองก็สร้างความเดือดร้อนให้กับมุสลิม จึงมีการต่อสู้และปราบปรามเวียนเป็นวัฏจักรไม่มีสิ้นสุด พอถึงราชวงศ์ชิง รัฐบาลชิงปราบมุสลิมเด็ดขาด ทำให้มีผู้คนล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก ผู้คนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ก็ยิ่งเกลียดรัฐบาลจีนมากยิ่งขึ้น
เป็นคอมมิวนิสต์เมื่อ พ.ศ.2492 รัฐบาลจีนก็ปราบมุสลิมรุนแรง มีการประกาศว่าพิธีกรรมทางศาสนาอิสลาม (และศาสนาอื่น) เป็นสิ่งงมงายต้องห้าม มัสยิดถูกรื้อทิ้ง มัสยิดไหนใหญ่โตก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นพิพิธภัณฑ์ มุสลิมไม่ยอมให้รื้อมัสยิดก็ต่อต้าน รัฐบาลจีนฆ่ามุสลิมในซินเจียงตายไปหลายแสน ทว่ายิ่งฆ่า ก็ยิ่งถูกต่อต้าน รัฐบาลจึงลดปัญหาด้วยการประกาศให้ซินเจียงเป็นเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ซินเจียง เมื่อ พ.ศ.2498
ปัญหาในเขตซินเจียงแรงขึ้นไปเรื่อยจนถึง พ.ศ.2526 จีนจึงเปลี่ยนมาใช้นโยบายให้เสรีภาพในการปฏิบัติศาสนกิจ และยกเลิกกฎระเบียบห้ามที่เคยประกาศห้ามไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2492 รัฐบาลจีนหันไปเอามัสยิดร้างมาบูรณปฏิสังขรณ์และเปิดให้มีการปฏิบัติศาสนกิจ ผู้นำศาสนาอิสลามได้รับการยอมรับและดูแล รวมทั้งส่งเสริมให้ตั้งสมาคมมุสลิม
มีการปะทะกัน (ระหว่างชาวฮั่นที่รัฐบาลจีนอพยพเข้ามากับชาวอุยกูร์ที่อยู่มาดั้งเดิม-ผู้โพสต์) บ่อยมาก ที่สะเทือนขวัญที่สุด ก็คือ การปะทะกันที่ตำบลบาเรน จังหวัดปกครองตนเองคิซิลซูของชนชาติคีร์กีซ เมื่อ พ.ศ.2534 ทำให้มีคนตายไปประมาณ 100 คน(กว่า-(ผู้โพสต์) เรื่องนี้ทำให้มุสลิมแถบนั้นอยากแยกประเทศกันมากขึ้น
ส่วนหนึ่งจากบทความของ:คุณนิติ เนาวรัตน์