ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ในยุคสมัยต่างๆ


1,157 ผู้ชม


• เมืองกาญจนบุรี เป็นเมืองโบราณเก่าแก่มี ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาทุกยุคสมัย สามารถแบ่งออกเป็นยุคสมัยตามหลักฐานที่พบ ได้ดังนี้


สมัยก่อนประวัติศาสตร์
• เริ่มตั้งแต่สมัยเริ่มกำเนิดมีมนุษย์ขึ้นในโลก ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี จากสภาพภูมิศาสตร์ที่มีภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ สิงสาราสัตว์มากมาย เหมาะที่จะเป็นที่ตั้งอาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ในสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ พบหลักฐานทางด้านโบราณคดีมากมายได้แก่ เครื่อมือหินกะเทาะ เครื่องมือสมัยหินใหม่ เครื่องมือสมัยโลหะ โครงกระดูกมนุษย์ ภาชนะดินเผา เครื่องประดับ ภาพเขียนสีที่ผนังถ้ำ โลงศพ ฯลฯ ตามถ้ำเพิงผา และตามลำน้ำแควน้อยแควใหญ่ ตลอดไปจนลุ่มแม่น้ำแม่กลอง


สมัยทวาราวดี
• ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี เมื่ออินเดียได้เดินทางเข้ามาค้าขาย และเผยแพร่พุทธศาสนายังแคว้นสุวรรณภูมิ ในราวพุทธศตวรรษที่ 11 - 16 พบหลักฐานศิลปะอินเดียสมัยคุปตะในสมัยทวาราวดี ประวัติศาสตร์กาญจนบุรีตามลำน้ำแควน้อย แควใหญ่ และแม่กลอง ที่บ้านวังปะโท่ บ้านท่าหวี บ้านวังตะเคียน และพงตึก โบราณวัตถุสถานที่พล เช่น ซากเจดีย์ วิหาร พระพุทธรูป พระพิมพ์ เสมาธรรมจักร ระฆังหิน เครื่องประดับ ภาชนะดินเผา และพบตะเกียงโรมันสำริดที่มีอายุราว พศ.600 นับเป็นโบราณวัตถุที่เก่าแก่ที่สุดของไทย

สมัยอิทธิพลขอม
• จากหลักฐานทางเอกสารที่เก่าแก่ที่สุดที่กล่าวถึงเมืองกาญจนบุรี คือ พงศาวดารเหนือ กล่าวว่า "กาญจนบุรีเป็นเมืองพญากง พระราชทานบิดาของพระยาพาน ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี เป็นเมืองสำคัญของแคว้นอู่ทอง หรือสุวรรณภูมิ มีผู้สันนิษฐานว่าพญากงสร้างขึ้นราว พ.ศ.1350" ต่อมาขอมได้แผ่อิทธิพลนำเอาศาสนาพุทธมหายานเข้ามาประดิษฐานในเมืองกาญจนบุรี ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ปรากฏหลักฐานคือปราสาทเมืองสิงห์ เมืองครุฑ เมืองกลอนโด จนอำนาจอิทธิพลขอมเสื่อมลงไป
สมัยอยุธยาเป็นราชธานี
• ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี  เมืองกาญจนบุรีปรากฏชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ต้องกลายมาเป็นเมืองหน้าด่าน เพราะตั้งอยู่ติดกับประเทศคู่สงครามคือพม่า กาญจนบุรีจึงเป็นเส้นทางเดินทัพและสมรภูมิ ด้วยเหตุว่ามีช่องทางเดินติดต่อกับพม่า คือ ด่านพระเจดีย์สามองค์ และด่านบ้องตี้ จึงนับว่ามีความสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งในทางยุทธศาสตร์ ยังปรากฏชื่อสถานที่ในพงศาวดารหลายแห่งเช่น ด่านพระเจดีย์สามองค์ สามสบ ท่าดินแดง พุตะไคร้ เมืองด่านต่าง ๆ
ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี เมืองกาญจนบุรีตั้งอยู่ในช่องเขาริมลำน้ำแควใหญ่มีลำตะเพินอยู่ทางด้านทิศเหนือ ด้านหลังติดเขาชนไก่ ห่างจากที่ตั้งปัจจุบันไปประมาณ 14 กิโลเมตร ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ชาวบ้านเรียกกันว่าเมืองกาญจนบุรีเก่ามีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 170x355 เมตร มีป้อมมุมเมืองก่อด้วยดินและหินทับถมกัน ลักษณะของการตั้งเมืองเหมาะแก่ยุทธศาสตร์ในสมัยนั้นอย่างยิ่ง ด้วยเป็นซอกเขาที่สกัดกั้นพม่าที่ยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ มุ่งจะไปตีเมืองสุพรรณบุรีและอยุธยาจำเป็นต้องตีเมืองกาญจนบุรีให้ได้เสียก่อน หากหลีกเลี่ยงไปอาจจะถูกกองทัพที่เมืองกาญจนบุรีตีกระหนาบหลัง ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ปัจจุบันยังมีซากกำแพงเมือง ป้องปราการ พระปรางค์ เจดีย์ และวัดร้างถึง 7 วัดด้วยกัน สมัยอยุธยานี้ไทยต้องทำสงครามกับพม่าถึง 24 ครั้ง กาญจนบุรีเป็นสมรภูมิหลายครั้ง และเป็นทางผ่านไปตีอยุธยาจนต้องเสียกรุงครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310 และต้องย้ายราชธานีใหม่


สมัยธนบุรีเป็นราชธานี
• กรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่จากการกู้เอกราชโดยพระเจ้ากรุงธนบุรี ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ในสมัยนี้เกิดสงครามกับพม่าถึง 10 ครั้ง กาญจนบุรีเป็นสมรภูมิอีกหลายครั้ง เช่น สงครามที่บางกุ้ง และที่บางแก้ว ซึ่งมีสมรภูมิรบกันที่บริเวณบ้านหนองขาว


สมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
• ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี เมื่อไทยย้ายราชธานีมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพียง 3 ปี ก็เกิดสงครามใหญ่คือ สงคราม 9 ทัพ แต่ไทยสามารถยันกองทัพพม่าแตกพ่ายไปได้ ณ สมรภูมิรบเหนือทุ่งลาดหญ้าในปีต่อมาก็ต้องทำสงครามที่สามสบและท่าดินแดงอีก และไทยตีเมืองทวาย จากนั้นจะเป็นการรบกันเล็กน้อยและมีแต่เพียงข่าวศึก เพราะพม่าต้องไปรบกับอังกฤษในที่สุดก็ตกเป็นเมืองขึ้น และเลิกรบกับไทยตลอดไป ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นยุทธศาสตร์การรบเปลี่ยนไป โดยเหตุที่พม่าต้องนำทัพลงมาทางใต้เพื่อเข้าตีกรุงรัตนโกสินทร์ จำเป็นต้องมีทัพเรือล่องลงมาจากสังขละบุรี มาตามลำน้ำแควน้อยผ่านอำภอไทรโยคมายังปากแพรก ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำทั้งสอง ด้วยเหตุนี้หลังจากสิ้นสงคราม 9 ทัพแล้ว จึงได้เลื่อนที่ตั้งฐานทัพจากเมืองกาญจนบุรีที่ลาดหญ้า มาตั้งที่ตำบลปากแพรก ซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำทั้ง 2 สาย ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี กลายเป็นแม่น้ำแม่กลอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงอธิบายว่า "ที่จริงภูมิฐานเมืองปากแพรกดีกว่าเขาชนไก่ เพราะตั้งอยู่ในที่รวมของแม่น้ำทั้ง 2 สาย พื้นแผ่นดินที่ตั้งเมืองก็สูงแลเห็นแม่น้ำน้อยได้ไกล ป้อมกลางย่านตั้งอยู่กลางลำน้ำทีเดียว แต่เมืองกาญจนบุรีที่ย้ายมาตั้งใหม่นี้เดิมปักเสาระเนียดแล้วถมดินเป็นเชิงเทินเท่านั้น" ในสมัยรัชกาลที่ 2 กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้เสด็จออกมาขัดตาทัพ ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี กำแพงเมืองก็คงเป็นระเนียดไม้อยู่ ต่อมาจนถึง พ.ศ.2374 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดให้ก่อสร้างกำแพงเมืองและป้อมปราการขึ้นเป็นถาวร ทั้งนี้โดยมีพระราชประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อติดต่อค้าขายกับเมืองราชบุรี ดังพระราชนิพนธ์เสด็จพระพาสไทรโยค กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า "แต่มีเมืองปากแพรกเป็นที่ค้าขาย ด้วยเขาชนไก่เมืองเดิมอยู่เหนือมากมีแก่งถึงสองแก่ง ลูกค้าไปมาลำบาก จึงลงมาตั้งเมืองเสียที่ปากแพรกนี้เป็นทางไปมาแก่เมืองราชบุรีง่าย ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี เมืองที่สร้างขึ้นใหม่ กว้าง 5 เส้น ยาว 18 วา มีป้อม 4 มุมเมือง ป้อมย่านกลางด้านยาวตรงหน้าเมืองทิศตะวันตกเฉียงใต้มีป้อมใหญ่อยู่ตรวเนิน ด้านหลังมีป้อมเล็กตรงกับป้อมใหญ่ 1 ป้อม" การสร้างเมืองกาญจนบุรีใหม่นี้ ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ดังปรากฏในศิลาจารึกดังนี้ ให้พระยาราชวรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจเป็ฯนพระยาประสิทธิสงครามรามภักดีศรีพิเศษประเทศนิคมภิรมย์ราไชยสวรรค์พระยากาญจนบุรี ครั้งกลับเข้าไปเฝ้าโปรดเกล้าฯว่าเมืองกาญจนบุรีเป็นเมืองอังกฤษ พม่า รามัญ ไปมาให้สร้างเมืองก่อกำแพงขึ้นไว้จะได้เป็ฯชานพระนครเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์มั่นคงไว้แห่งหนึ่ง
• ในปัจจุบันกำแพงถูกทำลายลงโดยธรรมชาติและหน่วยราชการเพื่อประโยชน์อย่างอื่นเหลือเพียงประตูเมืองและกำแพงเมืองบางส่วน

            กาญจนบุรี  เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์โด่งดังไปทั่วโลกในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี โดยเฉพาะเรื่องเชลยศึกของฝ่ายพันธมิตรที่ถูกเกณฑ์มาสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว และทางรถไฟสายมรณะ  แต่ในขณะนี้ ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี กาญจนบุรีได้กลายเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามมากแห่งหนึ่งของประ เทศไทย  และเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจมากอีกด้วย  
           สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ   แห่งแรกที่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี ก้คงหนีไม่พ้น สะพานข้ามแม่น้ำแคว    เพราะเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุนได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายพันธมิตรมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ไปยังประเทศพม่า สะพานข้ามแม่น้ำแควตั้ง อยู่ที่ ตำบลท่ามะขาม  ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 4 ก.ม.  ทางรถไฟสายมรณะ เป็นทางรถไฟที่เชลยศึกฝ่ายพันธ ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี มิตรต้องจบชีวิตลงที่นี่หลายหมื่นคน เพราะความทารุณ  โรคภัย  และขาดอาหาร  เริ่มจากสถานีหนองปลาดุก อำ เภอบ้านโปร่ง จังหวัดราชบุรี  ถึงสถานีน้ำตก จังหวัดกาญจนบุรี รวมระยะทาง  77 ก.ม.       
          สะพานข้ามแม่น้ำแคว 

ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ในยุคสมัยต่างๆ
   
         

          น้ำตกไทรโยค (เขาพัง) สุสานทหารพันธมิตร (ดอกรัก) ตั้งอยู่ที่ถนนแสงชูโต เยื้อง ๆ กับสถานีรถไฟกาญจนบุรี  มีเนื้อที่กว้างขวาง เงียบสงบ จัดแต่งไว้อย่างสวยงามมาก   สุสานเขาปูน (ช่องไก่)  ที่นี่เคยเป็นที่ตั้งของค่ายเชลยศึกขนาดใหญ่ ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ปัจจุบันเป็นสุสานที่เก็บหลุมศพของทหารเชลยศึกส่วนใหญ่เป็นทหารอังกฤษ จำนวน 1,750 หลุม  พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติบ้านเก่า  ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแควน้อย ห่างจากตัวเมือง 35 ก.ม. เป็นที่ขุดค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับมนุษย์สมัยหิน ก่อน ประวัติศาสตร์ แห่งแรกของประเทศไทยเมื่อ  พ.ศ. 2506  สิ่งที่ค้นพบเป็นโครงมนุษย์  และเครื่องปั้นดินเผา ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์  เป็นโบราณสถานที่มีศิลปการก่อสร้างอยู่ในยุคลพบุรีตอนปลายตัวปราสาทล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง มีคูน้ำและแนวคันดินเป็นขั้นๆคล้ายกำแพงเมืองโบราณรูปสี่เหลี่ยมเนื้อ ที่ประมาณ 200 ไร่ ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี  ช่องเขาขาด   เป็นภูเขาที่ถูกตัดเป็นช่องสำหรับสร้างทางรถไฟในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2   วัดถ้ำมังกร    มีชื่อเสียงแพร่หลายเกี่ยวกับสมาธิการลอยตัวบนน้ำ   แม่ชีลอยน้ำ  เดินทางแยกซ้ายจากหน้าศาลากลางจังหวัดไป 1.5 ก.ม. ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองไปยังวัดได้  อุทยานแห่งชาติไทรโยค  น้ำตกไทรโยค(น้ำ ตกเขาพัง) มีสภาพทางธรรมชาติสวยงามร่มรื่น โดยเฉพาะช่วง เดือนกรฎาคม ถึง ตุลาคม จะมีน้ำมาก และบริเวณหน้าน้ำตกมีหัวรถจักรไอน้ำ ตั้งโชวอยู่ด้วย น้ำตกไทรโยคใหญ่ (น้ำตกเขาโจน)มีน้ำมากตลอดปีน้ำที่ตกจาก 
   
  ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี หน้าผาจะไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย สามารถเดินทางได้ทั้งรถขนต์ส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง  อุทยานแห่งชาติเขาแหลม  ครอบคุมบริเวณป่าเขา และอ่างเก็บน้ำ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายเช่น เขื่อนเขาแหลม เป็นเขื่อนสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้า   และมีท่าแพให้บริการท่องเที่ยวชมทิวทัศน์รอบเขื่อน หรือพักค้างคืนได้    น้ำตกทุ่งนางครวญ เป็นน้ำตกหินปูนขนาดใหญ่ ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี มีทั้งหมด 7 ชั้น บางชั้นสูงกว่า 50 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี  น้ำตกกระเต็งเจ็ง มีความสูงถึง 36 ชั้น สามารถขึ้นได้จนถึงชั้นบนสุดได้ และสามารถเปลี่ยนเส้นทางกลับโดยเดินชมสภาพป่าสมบูรณ์ และต้นไม้ยักษ์ขนาด 13 คนโอบได้  สังขละบุรี เป็นอำเภอติดชายแดนพม่า เส้นทางไปจะผ่านภูเขาเลียบทะเลสาบ เขื่อนเขาแหลม มีชาวมอญอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก   เขื่อนศรีนครินทร์ ประวัติศาสตร์กาญจนบุรี เป็นเขื่อนเอนกประสงค์เพื่อการชลประทาน     
             
                 
ที่มา :  www.peeju.8k.com/kanchanaburi.htm

           www.oceansmile.com

อัพเดทล่าสุด