พิสูจน์ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย 2008
ประชาชนกว่า 20,000 คน เดินทางเข้ามาร่วมสังเกตุปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ซึ่งจากคำบอกเล่า อธิบายว่าสถานที่แห่งนี้และใกล้เคียง โดยเฉพาะตามวัดของชุมชน ใน 2 อำเภอ คือ โพนพิสัย และ
รัตนวาปี จ.หนองคาย ที่มีวัดตั้งติดริมแม่น้ำโขง จะมีดวงไฟโผล่พ้นผิวน้ำในค่ำคืนเดือนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี และปีนี้ จำนวนประชาชนที่เดินทางมาล่วงหน้าก่อนเป็นวันๆเพื่อมาจับจองพื้นที่สำหรับนั่ง และนอน รอชม ดวงไฟแห่งบุญครั้งนี้
ความเชื่อแห่งวัฒนธรรมท้องถิ่นที่นี้ หลังจากทำบุญวันออกพรรษาเสร็จสิ้น ชาวบ้านจะมาร่วมอาบน้ำ ริมแม่น้ำโขง เพื่อขจัดสิ่งไม่ดีให้ออก หรือพ้นไปจากตัว และเติมเต็มในสิ่งดีๆในคืนวันเดือนเพ็ญ ในครั้งก่อนก็คิดว่าเป็นผีพราย ดวงไฟที่ลอยขึ้น แต่ต่อมาคำอธิบายจากตำนาน มาจากคำอธิฐานตลอดเข้าพรรษาสำหรับคนเฒ่าคนแก่ บอกว่าครั้งหนึ่งของให้ได้เห็นดวงแก้วแห่งบุญ ที่เชื่อว่าพญานาคร่วมสร้างศรัทราแห่งบุญหลังออกพรรษาเพื่อถวายเป็นพุทธคุณ
ต้องยอมรับว่าสองฝั่งแม่น้ำโขง ในสองอำเภอ มีประชาชนเดินทาง มาชม ตามจุดที่ทางราชการติดประกาศ ว่าเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาค ลมหายใจเข้าออกของคนที่มานั่งรอ นอนรอ ก็คือจะได้เห็นไหม ปีที่แล้วเป็นอย่างไร ลอยขึ้นตรงไหน ขึ้นกี่ดวง นานไหม ช่วงเวลาเท่าไร เรื่องราวจะวนคำถามนับร้อยนับพัน หากถามนักเดินทางหน้าใหม่ก็ จะต้องเลือกชมที่ อ.โพนพิสัย ตามท้องเรื่องของภาพยนต์ที่เคยสร้าง บรรยากาศ ดูจะเป็นใจมีบรรไดนั่งริมดูอย่างมีระเบียบ ในสองสามปี หลังจากภาพยนต์ออกฉาย ทำให้เรื่องราวของ บั้งไฟพญานาค ขยายเนื้อหาและพื้นที่ในการชม ออกไปตลอด 30 กม. ถึง อ รัตนวาปี
นอกจากมารอชมในช่วงกลางวัน สามารถ ขับรถไล่ชม ตำนานของพญานาค เรื่องราวที่มีความผูกพัน กับชาวบ้านริมฝั่งโขง จ.หนองคาย และนครพนมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัด เกือบ ร้อยวัดที่ตั้งริมแม่น้ำ จะมีเรื่องราว มีรูปปั้นมีภาพวาดของพญานาค และช่วงนี้มี ละครทีวี ภูตแม่น้ำโขง ทำให้คนแห่งเลือกที่จะมาชม ปรากฏการณ์ดังกล่าวล้นหลาม สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน